เรื่องย่อ : Wild card (2015) มือฆ่าเอโพดำ ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
Wild card (2015) มือฆ่าเอโพดำ
เมื่อบอดี้การ์ดลาสเวกัสที่มีทักษะร้ายแรงและปัญหาการพนันประสบปัญหากับกลุ่มคนร้าย เขาได้เล่นครั้งสุดท้าย…และทุกอย่างจะจบหรือไม่ก็ได้
[SR] Wild Card นักฆ่าเอโพดำ – พัฒนาการทางบทบาทการแสดงของ Jason Statham ที่ผมอยากเห็น
ดาราหลายคนปีนึงๆ เล่นหนังหลายเรื่องมากนะครับ แป้บๆ หนังคนนี้เข้าฉายอีกละ จนบางทีเราก็เบื่อหน้าดาราคนนั้นไปเลย แต่เบื่อหน้ายังไม่เท่าเบื่อบทบาทที่ซ้ำซากนะครับ อย่าง Liam Neeson พักหลังผมว่าบทบาทที่ลุงแกรับเล่นมันไม่แตกต่างกันเลย ทำให้บางทีถ้าหนังไม่สนุกจริง เราก็เบื่อที่ต้องมาดูหนังคล้ายๆ เดิม กับตัว Jason Statham เองผมว่าหลายๆ คนคงเบื่อกับบทบาทที่เค้าได้รับ เพราะมันหนีไม่พ้นการเป็นอดีตทหารผันตัวมาเป็นบอดี้การ์ด ซึ่ง Jason เล่นบทนี้แทบจะทุกเรื่อง มีเรื่องเดียวที่บทบาทการแสดงเปลี่ยนไปจากที่ผ่านมาคือ Hummingbird ที่เป็นหนัง Drama เลยล่ะ ส่วนกับ Wild Card เราก็จะได้เห็นอีกบทบาทการแสดงของ Jason เช่นกัน
“Wild Card” เป็นเรื่องของ นิค ไวลด์ (เจสัน สเตทแธม) บอดี้การ์ดฝีมือระดับพระกาฬแห่งลาสเวกัสผู้มีปัญหาส่วนตัวคือติดการพนัน แต่วันหนึ่งเพื่อนของเขาอย่าง ดีดี (โซเฟีย เวียร์การา) ถูกนักเลงทำร้ายร่างกายจนบอบช้ำ ซึ่งนิคค้นพบว่าหนึ่งในกลุ่มนักเลงนั้นเป็นลูกชายของหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ ด้วยเหตุนี้ นิคจึงตัดสินใจเดินทางสู่มหานครแห่งคาสิโนอย่างลาส เวกัส เพื่อมุ่งไปจัดการล้างแค้นแก๊งค์ชั่วร้ายนี้อย่างสาสม และถอนรากถอนโคนให้สิ้นซาก !
อ่านเรื่องย่อ หลายคนคงยี้ ว่าเนื้อหามันหนีไม่พ้นแบบเดิมๆ อีกแล้ว ตอนผมดูตอนแรก ผมก็คิดเหมือนกัน มันก็คงเป็นหนัง action เหมือนที่ผ่านๆ มา แต่พอดูไปเรื่อยๆ มันกลับไม่ใช่แฮะ ทั้งเรื่องมีฉาก Action อยู่สามฉากแค่นั้นเอง ซึ่งแปลกมากสำหรับหนังที่โปรโมทว่าเป็นหนัง action เต็มตัว แต่หนังกลับไปเล่นถึงความสับสนในตัวเองของตัวละครอย่าง นิค ไวลด์ ที่ออกจะเกือบเป็น Drama ซะด้วยซ้ำ หนังไม่ได้เน้นที่ action เท่าไหร่ ไปเน้นอารมณ์ที่ทำให้เราเข้าใจในตัวละครมากกว่า ส่วนตัวผมว่าเรื่องนี้ก็มีกลิ่น Hummingbird พอสมควรเลยนะครับ เพราะ Jason ใช้ฝีมือในการแสดงมากกว่าแค่การมาเตะต่อยไปวันๆ อย่างเรื่องอื่นๆ เรื่องนี้เราจะได้เห็นการแสดงออกทางสีหน้า ความสับสนในแววตา และความอึดอัดที่ถูกปล่อยออกมาของตัวละครตัวนี้
แต่หนัง Jason ก็ยังต้องเอาจุดขายของ Jason มาเล่นอยู่ดี ฉาก action ทั้งสามฉากในเรื่องยังคงความเป็นตัวเค้าได้อย่างยอดเยี่ยม ผมว่าเรื่องนี้การออกแบบการต่อสู้ทำดีกว่าบางเรื่องที่ผ่านมาด้วยซ้ำ แต่คงไม่พูดถึงเยอะ เพราะระดับ Jason เชื่อมือได้อยู่แล้ว แต่บางอย่างในฉาก action ที่มันควรจะเป็นจุดที่ถูกชูให้เด่นขึ้นมาอย่างไพ่เอโพดำที่พระเอกใช้ กลับไม่ได้ถูกเอามาแตกเป็นประเด็นสำคัญอะไรเลย ซึ่งผมว่ามันแปร่งๆ ไปหน่อยว่าจะชูประเด็นนี้มาทำไมแค่ฉากเดียว
ตัวละครอื่นๆ แทบไม่มีบทบาทเลย นอกจาก Michael Angarano ที่ออกมาเล่นกับพระเอกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ตัวที่เหลือคือออกมาส่งให้พระเอกเดินเรื่องต่อไปได้มากกว่า ผมเสียดายนางเอก Dominik García-Lorido อุตส่าห์หาคนสวยเซ็กซี่ขนาดนั้นมาได้ แต่กระจายบทให้อย่างน้อยนิด ไม่คุ้มเลยจริงๆ
ตอนเดินออกจากโรง ผมได้ยินคนข้างหลังคุยกันว่า หนังห่วย อุตส่าห์เอา Jason มาเล่น แต่ให้ action แค่นี้ จะเอามาทำไม ผมฟังแล้วผมก็รู้สึกว่า ถ้าดูหนัง Jason หรือดาราคนอื่นในแบบที่บทบาทซ้ำซากจำเจ จะไม่เบื่อหันเหรอครับ ผมกลับมองว่าเรื่องนี้ผมชอบซะอีกที่ได้เห็นพัฒนาการทางการแสดงของเค้า อยากให้มีบทบาทที่แตกต่างออกไปมาให้ดูอีกเรื่อยๆ จะได้ไม่เบื่อ Jason Statham ไปซะก่อน
ขอบคุณบัตรรอบสื่อจาก สหมงคลฟิล์ม ด้วยครับ
27. Wild Card (2015)
นิค ไวลด์ สุดยอดนักพนันและบอดี้การ์ดฝีมือระดับพระกาฬ ต้องเข้าไปพัวพันกับปัญหาใหญ่ เมื่อเพื่อนหญิงของเขาถูกทำร้ายโดยชายซาดิสต์ ทำให้นิคต้องออกโรงล้างแค้นให้เพื่อน แต่เรื่องราวกลับไม่จบลงง่าย ๆ เพราะชายผู้นั้นคือลูกชายของแก๊งมาเฟียสุดโหดแห่งวงการ ซึ่งทำให้นิคต้องเสี่ยงเดิมพันทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดและเอาคืนให้สาสม
คะแนน 6.5/10
Wild Card (2015)
ฉากต่อสู้ยังคงไว้ใจเจสัน สเตแธมได้ตามเคย แต่พล็อตหนังนี่ไม่แปลกใจเลยว่ามาจากยุค 80’s ซึ่งพอมาเล่าในยุคนี้แล้วไม่เข้มข้นแบบที่ควรจะเป็นจึงทำให้แรงผลักดันของตัวละครไม่หนักแน่นพอ แถมการจบหนังยังราบเรียบอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าเน้นแอ็คชั่นมันก็ไม่ได้เจ๋งขนาดเป็นหนังห้ามพลาด ถ้าเทียบกับงานเจสันเรื่องอื่น ๆ ก็มีหนังที่เขาออกลีลาบู๊ได้ถึงใจกว่านี้ และถ้าจะมาดู Wild Card เน้นพล็อตเรื่องก็คงเป็นเรื่องน่าผิดหวัง เพราะถึงแม้บทที่พูดถึง ‘คุณค่าของนักสู้ที่ขี้แพ้เพราะติดพนัน’ จะเปิดมาได้น่าสนใจว่าทำไมคน ๆ หนึ่งถึงติดแหง็กในลาส เวกัส แต่การเล่าไม่เพียงพอจะทำให้เชื่อสักเท่าไร โดยเฉพาะการใส่ตัวละครอีกคนเข้ามาพูดเรื่องการหาหนทางดับความกลัวในใจตัวเองนั้นมันช่างไร้ชั้นเชิงในการคลายปมเหลือเกิน ไม่ใช่แฟนเจสัน สเตแธมก็บอกผ่านหนังได้เลย
.
‘นิก’ (Jason Statham) ทำงานเป็นบอดี้การ์ดอิสระในลาส เวกัส กระทั่งวันหนึ่งหญิงสาวใกล้ชิดของเขาถูกทำร้าย เขาไม่ค่อยอยากยุ่งกับแก๊งมาเฟียเท่าไรแต่ด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจึงทำให้เขาลงมือช่วยเหลือหญิงสาวเพื่อล้างแค้น โดยที่เขารู้ตัวดีว่าจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายตามมาขนาดไหน เช่นนั้นแล้วทำไมเขาไม่ขนเงินหนีออกจากเมืองเสียเลยล่ะ
.
จริง ๆ ตัวละครของเจสัน สเตแธม น่าสนใจมาก ๆ เพราะมันพูดถึงเส้นแบ่งความเห็นใจเพื่อนมนุษย์ ใช้พละกำลังความสามารถของตัวเองในทางที่ควรจะทำ และตัวละครดังกล่าวยังพูดถึงหนทางในการเลิกติดพนันในบ่อนคาสิโนอีกด้วย ตัวหนังจึงเหมือนมีสองภารกิจให้ตัวละครต้องก้าวผ่านไปให้ได้ ซึ่งการจะก้าวข้ามนั้นก็มีบทบู๊แทรกมาพอเป็นพิธี ความเด็ดขาดอย่างหนึ่งของหนังคือการโชว์ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดที่ผ่านการออกแบบท่วงท่าคิวบู๊มาอย่างดี รุนแรงและรวดเร็ว ไม่ได้เน้นสวยงามอย่างเดียวแต่ยังดูเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์เต็มที่ กระทั่งฉากจบยังไม่ลีลามากความ ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นจุดขายของหนังก็ว่าได้ที่ได้เห็นเจสันโดนรุมทั้งเรื่องแต่ก็เอาตัวรอดมาได้ตามสไตล์ที่คุ้นเคย
Director: Simon West (ผู้กำกับ Con Air, Lara Croft: Tomb Raider, The Mechanic)
novel ‘Heat’: William Goldman (ผู้แต่ง The Princess Bride)
screenplay: William Goldman (เขียนบท All the President’s Men, Absolute Power)
Genre: action, crime, drama
6.5/10
The Marine 5 Battleground (2017) คนคลั่งล่าทะลุสุดขีดนรก
12 Rounds 3 Lockdown (2015) ฝ่าวิกฤติ 12 รอบ 3 ล็อค ดาวน์
The Marine 4 Moving Target (2015) เดอะ มารีน 4 ล่านรก เป้าสังหาร