เรื่องย่อ : Tune in for Love (2019) คลื่นรักสื่อใจ ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
ดูหนัง Tune in for Love (2019) คลื่นรักสื่อใจ ในปี 1994 ระหว่างวิกฤต IMF คนสองคนพบกันระหว่างแลกเปลี่ยนเรื่องราวในรายการวิทยุ พวกเขาตกหลุมรักกัน แต่ดูเหมือนจะไม่จังหวะเหมาะนัก
ในปี 1994 ฮยอนอูที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากคุกได้สมัครเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ที่ร้านเบเกอรี่ของมีซู พวกเขาและอึนจาใช้เวลาร่วมกันมากและเปิดใจกัน
ในช่วงคริสต์มาส การก่อสร้างอาคารอพาร์ตเมนต์แห่งใหม่ในละแวกบ้านของพวกเขาเริ่มขึ้น และเพื่อนเก่าของฮยอนอูก็พบเขาและแวะมาหา การมีอยู่ของพวกเขารบกวนร้านเบเกอรี่ และในที่สุด อึนจาก็ขอให้พวกเขาออกไป ฮยอนอูกำลังจะออกไปกับพวกเขาและถามอึนจาว่าเขาสามารถรับเงินล่วงหน้าได้หรือไม่ มีซูและอึนจาสงสัยว่าเขาจะได้กลับมาอีกหรือไม่ ต่อมาในคืนนั้น ฮยอนอูและเพื่อนๆ กำลังทานอาหารที่บาร์โซจูและมีช่วงเวลาอันเคร่งขรึมเพื่อรำลึกถึงเพื่อนของพวกเขา Jyeong-hyeop ที่เพิ่งเสียชีวิตไป แต่กลับเกิดการทะเลาะกันขึ้น ดูหนังออนไลน์
ในปี 1997 ร้านเบเกอรี่ปิดตัวลง และตอนนี้มีซูทำงานเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ อึนจาทำงานที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ในขณะเดียวกัน ฮยอนอูทำงานเป็นคนขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ หลังจากเลิกงาน เพื่อนร่วมงานถามว่าฮยอนอูสามารถไปส่งแม่ที่แก่ชราของเขากลับบ้านได้หรือไม่ ขณะที่เขากำลังพาหญิงชรากลับบ้าน เขาสังเกตเห็นมีซูแวะร้านเบเกอรี่เก่า พวกเขาใช้เวลาร่วมกันในอพาร์ตเมนต์ของเธอ มีซูยอมรับว่าในวันที่เขาจากไป เธอได้รอเขากลับมา และฮยอนอูบอกเธอว่าเขาต้องการกลับ แต่ทัณฑ์บนของเขาถูกเพิกถอนเนื่องจากทะเลาะกันที่บาร์
Jung Ji-woo
CGV Art House
Kim Go-eun
Jung Hae-in
เมื่อครั้งที่เราได้รับชมและบ่น(เขียน)ถึงงานซีรีย์ที่มีทีมผู้สร้างเดียวกัน และคงไม่ใช่ความบังเอิญที่มีพระเอกคนเดียวกันคราวนั้น ซึ่งความจริงตัวเราก็ไม่ใช่คอเกาหลีชนิดต้องให้โซจูทางเส้นเลือด แต่ระยะหลังเราก็ยอมรับว่าดูงานจากทางเกาหลีไม่น้อย การดูไปบ่นไปสไตล์เราคือการเอาพื้นฐานจากการดูหนังมาอย่างมากมายและยาวนานในประสบการณ์ค่อนชีวิตมาเป็นบรรทัด และสำหรับพระเอกคนนี้เราได้เห็นเขาครั้งแรกจากบทสมทบในงานซีรีย์เรื่องเยี่ยมอย่าง Prison Playbook ที่ดูจากการแสดงผ่านสีหน้าแววตาและการสวมบทบาทในเรื่องแล้วต้องยอมรับว่า #มีของ
จากนั้นก็มีท่านผู้อ่านแนะนำให้เราดูงานซีรีย์ที่ทำให้เราประทับใจและอิ่มเอมที่เขารับบทพระเอกพ่อลูกติดใน One Spring Night และก็มีท่านผู้อ่านอีกเช่นกันว่าถ้าเราดูเรื่องที่ว่าแล้วเราไม่ดู Something In The Rain ก็คงจะผิดปกติมนุษย์วิสัย และเมื่อเราได้ดูแม้ว่าเราจะไม่ประทับใจสุดขีดเหมือนเรื่องก่อนหน้าแต่ก็อยู่ในระดับที่ชื่นชอบพอประมาณด้วยเรื่องของแม่ #ซนเยจิน กินเด็ก และทั้งสองเรื่องรับบทพระเอกที่อาจจะดูคล้ายแต่มีความแตกต่างในสองบทบาทด้วยนักแสดงคนเดียวกัน แต่กระนั้นการแสดงที่เข้ากับทั้ง #ฮันจีมิน และซนเยจินได้อย่างลงตัวเป็นที่สุด
การแสดงในระดับที่เรียกได้ว่าถึงฟอร์มทั้งสามเรื่องที่ว่ามา อย่ากระนั้นเลยท่านผู้อ่านเลยแนะนำว่าไหนๆก็ไหนๆแล้วคุณ #ดูไปบ่นไป ลองดูงานหนังของเขาเรื่องนี้หน่อยว่าเป็นยังไง ใช่แล้วเรากำลังบ่นถึงพระเอกรูปหล่อและความสามารถด้านการแสดงเป็นที่ยอมรับ #จองแฮอิน ขวัญใจของใครหลายๆคนด้วยสายตาที่อบอุ่นละลายหัวใจ หากแต่ด้วยเหตุอะไรก็ตามที่เราก็จำไม่ได้ทำให้เราดองเรื่องนี้ไว้ซะจนเค็มได้ที่จึงได้เปิดดูเพื่อปรับอารมณ์ที่ขมึงตึงจาก Stranger 2 กับงานโรแมนติกหวานละมุนที่จะทำให้คนโสดอยากกระโดดถีบจอ
พราะเส้นความโรแมนติกชัดมาก หากแต่มันยังเห็นความเนือยเอื่อยและความพยายามบีบอารมณ์อยู่บ้าง แต่ที่แน่ๆจองแฮอินโชว์ความสามารถด้านการแสดงให้ได้ละลายกันอีกแล้ว #TuneInForLove #คลื่นรักสื่อใจ ปี 1994 ณ ร้านเบเกอรี่เล็กๆที่ดูแลโดยพี่ #อึนจา (#คิมกุกฮี)และเด็กสาวคนหนึ่งคือ #คิมมีซู (#คิมโกอึน) ที่ในตอนเช้าวันหนึ่งมีเด็กหนุ่มเดินเข้ามาถามซื้อเต้าหู้ และก่อนออกจากร้านไปเขาไปได้ยินเสียงดีเจในสถานีวิทยุบอกว่า “การกระจายเสียง ความรัก เครื่องบิน ต้องลงแรงอย่างหนักในช่วงเริ่มต้น”
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเด็กหนุ่มที่ชื่อ #ชาฮยอนอู (#จองแฮอิน)ที่สมัครทำงานพาร์ทไทม์ในร้านนั้นและเริ่มสนิทกับมีซู หนังใช้เวลาไม่นานในการเผยว่าเขาคือเด็กที่เพิ่งออกจากสถานพินิจด้วยความผิดพลาดที่ทำให้เพื่อนในกลุ่มต้องตาย วันหนึ่งในฤดูหนาวก่อนคริสต์มาส เขาจำใจไปกินเหล้ากับกลุ่มเพื่อนที่ร่วมกันทำผิดตอนนั้นและฮยอนอูก็จากมีซูไป… ปี 1997 การกลับมาของฮยอนอูในวันที่มีซูกำลังจะได้ทำงาน หนึ่งคืนที่เขาและเธอใช้เวลาร่วมกันมีซูได้สมัครอีเมลให้ฮยอนอูก่อนที่เขาจะเข้ากรม แต่อีเมล์นั้นไม่ได้เขียนรหัสผ่านฮยอนอูจึงจากมีซูไป อีกครั้ง… ปี 2000 มีซูยังทำงานที่เดิมและฮยอนอูได้เปิดดูอีเมล์นับร้อยที่มีซูส่งถึงและทั้งคู่ก็ติดต่อกันได้แต่ความพลาดพลั้งอีกครั้งของฮยอนอูทำให้เขาต้องจากมีซู อีกเช่นเคย… ปี 2005
มีซูเปลี่ยนมาทำงานที่สำนักพิมพ์ที่เจ้าของเปิดชั้นบนให้เช่าและคนที่มาเช่าทำงานด้านสื่อคือฮยอนอูที่ครานี้โชคชะตาไม่เล่นตลกอีกต่อไป ซึ่งในความเป็นจริงทั้งคู่ต่างมีใจต่อกันตั้งแต่แรกหากแต่คล้ายกับฟ้าไม่เป็นใจให้ต้องจากกันไปครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งเขาและเธอมาเจอกันใน 11 ปีให้หลังที่คล้ายกับไม่มีอะไรกั้นขวางความรักที่ทั้งคู่มีต่อกันได้อีกต่อไป แล้วเรื่องราวการพลัดพรากของคนสองคนก็มาบรรจบกันผ่านการเล่าเรื่องที่เส้นความโรแมนติกถูกเร่งเร้าด้วยอุปสรรคในโชคชะตาฟ้าลิขิตก่อนที่พรหมลิขิตจะทำหน้าที่ของมันในตอนท้าย หากแต่บนความโรแมนติกที่ออกมากลับหวานละมุน กระนั้นด้วยเวลาฉายที่ค่อนข้างยาวของหนังที่ออกมาโทนเดียวแบบนี้เลยเป็นความราบเรียบและเนือยเอื่อยแบบช่วยไม่ได้
เรื่องราวเริ่มต้นในปี 1994 วันที่ ยูยอล อดีตนักร้องชื่อดัง ผันตัวมาเป็นนักจัดรายการวิทยุเป็นวันแรก มีซู (Go-eun Kim) สาวลูกเจ้าของร้านเบเกอรี่ เธอรู้สึกหวาดระแวง ฮยอนอู (Hae-In Jung) เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่มีท่าทางไม่น่าไว้ใจ เขาเดินเข้ามาในร้านตั้งแต่เช้าแล้วสั่งน้ำเต้าหู้ทั้งที่ร้านเธอไม่ได้ขาย แต่ทั้งหมดเป็นเพียงความเข้าใจผิด เมื่ออันที่จริงแล้ว ฮยอนอู ต้องการมาสมัคร เป็นพนักงานชั่วคราวที่ร้านเบเกอรี่ของเธอ
เมื่อทั้งสองคนเข้าใจความต้องการตรงกันแล้ว ฮยอนอู จึงกลายมาเป็นเด็กช่วยงานที่ร้าน แต่ด้วยปัญหาทางการเงิน เขาก็ยังตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนอยู่ดี มีซู ที่เห็น ฮยอนอู เป็นเด็กหนุ่มรูปหล่อ เธอจึงใช้หน้าตาของเขาให้เป็นประโยชน์ในการเรียกลูกค้า ทว่าก็เป็นตัวเธอเองที่ดันรู้สึกไม่พอใจเมื่อมีสาวๆมาเข้าใกล้เขา ฮ่าฮ่า แล้วช่วงเวลาของความสุขมันก็อยู่กับพวกเขาได้ไม่นาน เมื่ออดีตของ ฮยอนอู ไม่ยอมปล่อยให้เขาไปมีชีวิตที่ดี ทั้งสองคนจึงต้องแยกจากกันอย่างที่ไม่ได้เอ่ยคำลา ฮยอนอูและมีซู จึงหวังได้เพียงแต่ว่า โลกใบนี้จะเหวี่ยงให้เขาและเธอกลับมาพบเจอกันอีกครั้ง
หนังโรแมนติก ดราม่า ที่เนื้อหาดูจะขัดกับความสดใสบนใบปิดพอควร เมื่ออันที่จริงแล้วปมของตัวละครมันน่าอึดอัดใจ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ต้องพบกับความผิดหวังในเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา ไหนจะคำถามที่เกิดขึ้นกับสองตัวละครเอก มีซู ก็ได้พบกับคำถามที่ว่า เธอจะรอผู้ชายคนนี้ได้นานแค่ไหน แล้วเธอจะไว้ใจเขาได้หรือเปล่า เมื่ออันที่จริงแล้วเธอแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ ฮยอนอู เลย
ส่วนคำถามที่เกิดขึ้นกับ ฮยอนอู ก็คือ เขาจะสามารถมีชีวิตแบบปรกติสุขได้ไหม เมื่ออดีตยังไล่ล่าไม่ปล่อยเขาไปอยู่แบบนี้ กับอดีตที่ปกปิดไว้จะมีใครสักคนไหม ที่จะเชื่อใจเขาได้โดยไม่ถามไถ่เรื่องราวความเป็นมา ซึ่งคำตอบของคำถาม มันอาจไม่ใช่การได้รู้ข้อเท็จจริง แต่อาจจะเป็นการเข้าใจความหมาย ของคำถามนั้นเสียมากกว่า เหมือนกับที่ทั้งสองตัวละครเอก ต้องทำความเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย
มีซู ก็ต้องทำความเข้าใจความหมายของคำว่า “เชื่อใจ” ในแบบของ ฮยอนอู เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเชื่อคำพูดเขา ส่วน ฮยอนอู ก็ต้องหาความหมายให้ได้ ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ ”รอ” เพียงเขา แล้วเขาจะสามารถทำอะไรเพื่อตอบแทนเธอได้บ้างตอนดูหนังเรื่องนี้ที่ยาวระดับสองชั่วโมง ถึงแม้จะมีฉากโรแมนติก น่ารัก ของ ฮยอนอูกับมีซู แล้วเคมีของนักแสดงก็เข้ากันได้ดี ทั้งน้องหมวย คิมโกอึน กับ หนุ่มตี๋ จองแฮอิน แต่มันก็สลับไปกับอารมณ์ชวนหน่วง เมื่อความสุขสมหวังมันมักจะอยู่ได้ไม่นาน ความรู้สึกคนดูมันเหมือนนั่งอยู่บนเครื่องเล่นไวกิ้ง โดนเหวี่ยงไปมาเดี๋ยวก็มีความสุขดูไปอมยิ้มไป เดี๋ยวก็เศร้าสลับกันไปเมื่อพระนางต้องแยกจากกันอีก
เนื้อหาของหนังและการเล่าเรื่อง เอาจริงหนังค่อนข้างมีความเฉพาะตัวนะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะดูแล้วฟินหรือชอบได้ แต่ส่วนตัวผมเองหากเป็นฝั่งเกาหลี คิมโกอึน ก็เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ผมชื่นชอบเหมือนกัน ตอนดูหนังก็เลยดึงความสนใจเอาไว้ได้ตลอด หากที่รู้สึกขัดใจ จะเรียกว่าขัดใจคงไม่ถูกซะทีเดียว แค่รู้สึกตะหงิดๆว่าช่วงท้ายของหนัง อาจไม่ใส่บางฉากเข้ามา หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า เมื่อมันดูรวบรัดไปหน่อย กับการตัดสินใจของตัวละคร มีซู หรืออันที่จริงแล้ว อาจเป็นความต้องการของคนทำหนัง ที่อยากให้คนดูรู้สึกตาม สิ่งที่หนังพยายามนำเสนอก็ได้
สรุปแล้ว Tune in for Love (2019) เป็นหนังโรแมนติก ดราม่า ที่เอาตรงๆไม่ใช่หนังที่ตอบโจทย์ความบันเทิงนะ แม้จะไม่ถึงกับเรียกได้ว่าเป็นหนังแนว ก็ชัดเจนว่าหนังมีความเฉพาะตัว ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบ แต่หากเป็นคนชอบดูหนังที่ไม่จำเป็นต้องบันเทิง แต่มีแนวทางการเล่าเรื่องชัดเจน มีความเฉพาะตัว หรือเป็นแฟนนักแสดงนำทั้งสองคน หนังเรื่องนี้ก็น่าจะตอบโจทย์นั้นได้ไม่ยากเหมือนกัน
Daddy You Daughter Me (2017) สลับร่างอลเวง
Finding Mr. Destiny (2010) พรหมลิขิตวุ่นวาย ของเจ้าชายในฝัน
Very Ordinary Couple (2013) รัก สุด ฟิน!!