เรื่องย่อ : The Void (2016) แทรกร่างสยอง ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
ดูหนัง The Void (2016) แทรกร่างสยองไม่นานหลังจากส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่มีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ประสบกับเหตุการณ์ประหลาดและรุนแรงที่ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลลึกลับในผ้าคลุมหน้าเมื่อรองนายอำเภอคาร์เตอร์ (แอรอนพูล) พบชายที่โชกเลือดกำลังเดินโซซัดโซเซไปตามถนนร้างเขารีบพาเขาไปโรงพยาบาลในท้องถิ่นพร้อมด้วยไม้เท้าเปล่าพนักงานกะกลางคืน เมื่อมีร่างคล้ายลัทธิที่ถูกปิด ดูหนังออนไลน์
บังล้อมรอบอาคารผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างในก็เริ่มบ้าคลั่ง พยายามปกป้องผู้รอดชีวิตคาร์เตอร์พาพวกเขาเข้าไปในส่วนลึกของโรงพยาบาลซึ่งพวกเขาค้นพบประตูสู่ความชั่วร้ายอันยิ่งใหญ่ ประสบการณ์ช็อกฝังหัวครั้งใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น! ใน “ ภาพยนตร์ตื่นเต้น สั่นประสาท เชิญชวนขนลุกจนถึงแทบจะบ้า รับรองความสยดสยองโดยผู้อำนวยการผลิต หนังแม่มดชักชวนน่ากลัวผู้ครอบครองรางวัลล้นหลาม พร้อมทั้ง “เจเรมี กิลเลสพี” รวมทั้ง “สตีเวน วัวสตันสกี” สองคู่ขาผู้อยู่เบื้องหลังงานเมกอัพในหนังดัง “Suicide Squad” ที่คราวนี้ขอผันตัวมานั่งแท่นควบคุมสาดความป่าเถื่อนแบบไร้ความปราณี
เรื่องราวความหลอนเริ่มขึ้นเมื่อผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ “แดเนียล คาร์เตอร์” (เล่นบทโดย “แอรอน พูลย์”) บังเอิญพบชายร่างโชกเลือดอยู่กึ่งกลางถนนหนทางที่มืดมากขณะออกตรวจเวร เขาก็เลยรีบพาเด็กหนุ่มไปส่งยังโรงหมอที่ใกล้ที่สุด โดยที่ไม่รู้เรื่องเลยว่าทุกคนในโรงหมอนั้นได้แปลงร่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเกินกว่าจะจินตนาการถึง หนำซ้ำแดเนียลยังจำต้องนำผู้มีชีวิตรอดทั้งปวงฝ่าแดนนรกจากกรุ๊ปบุคคลในชุดสีขาวกับสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสุดลึกลับที่พร้อมจะเดินหน้าเข้ามาฆ่าจากพวกเขาได้ตลอดเวลา
เป็นผลงานสยดสยองสุดเซอร์ไพรส์ในกรุ๊ปนักวิพากษ์วิจารณ์รวมทั้งค้ำประกันเต็มที่ความหนำใจคนชอบดูหนังหวีดร้องอย่างไม่ต้องสงสัย โดยหนังได้ “การยืนยันความยอดเยี่ยม” (Certified Fresh) จากเว็บรวมข้อวิจารณ์มีชื่อเสียงอย่าง Rotten Tomatoes รวมทั้งคะแนนความผวาที่ล้นจนกระทั่งมากถึง 73% ไปจนกระทั่งกระแสตอบรับสุดบ้าจากสื่อสุดยอดที่ต่างประกันเป็นเสียงเดียวกันถึงความเชื้อเชิญช็อกเกินชี้แจงขั้นสุด
สตีเว่น โคสตันสกี้
เจเรมี กิลเลสปี
ดีฟิล์ม(แคนาดา)
😂คะแนน 8/10😂
เจ้าหน้าที่ แดเนียล คาร์เตอร์ ได้บังเอิญเจอร่างของชายคนหนึ่งนอนโชกเลือดอยู่กลางถนนอันมืดมิดในขณะที่เขาออกตรวจตราตามปกติ คาร์เตอร์ จึงรีบพาชายหนุ่มคนนั้นไปส่งที่โรงพยายาบาลที่ใกล้ที่สุด โดยที่ไม่รู้เลยว่าทุกคนในโรงพยาบาลนั้นได้กลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัว มิหนำซ้ำพวกเขายังต้องเจอกับลัทธิประหลาดในชุดสีขาว และเครื่องหมายสามเหลี่ยมเป็นอันลึกลับ ที่พร้อมจะเดินหน้าเข้ามาเอาชีวิตจากพวกเขาได้ทุกเมื่อ!บุคคลลึกลับสวมหน้ากาก
คล้ายลัทธิ ดักจับเจ้าหน้าที่ตำรวจ (แอรอน พูล) คนไข้ และเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลซึ่งเป็นประตูสู่ความชั่วร้าย”The Void” ยิ่งดำเนินเรื่องไป เสียงดังขึ้น หยาบคายขึ้น และโง่เขลาขึ้น จนกลายเป็นการทดสอบความอดทนในฉากสุดท้ายภาพสาดน้ำที่เกิดขึ้นเป็นเลือดสาดกระจาย ซึ่งถ้าหากไม่ใช่การแสดงที่ผู้ชมจำนวนมากพอใจ ก็เป็นสิ่งที่ผู้สร้างภาพยนตร์เหล่านี้ตั้งใจจะทำตั้งแต่แรกThe Void ถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์แอคชั่นสุดมันส์จากผู้สร้างภาพยนตร์ที่ได้รับแรง
บันดาลใจจากจอห์น คาร์เพนเตอร์ในปัจจุบัน โดยผู้ร่วมงานอย่างเจเรมี กิลเลสพีและสตีเวน คอสตันสกีได้ก้าวไปไกลกว่าเพื่อนร่วมงานหลายคนมากเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมมากในโลกของเลิฟคราฟต์ มีเพียงไม่กี่ฉากที่นักแสดงสมทบแสดงได้แย่ นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้ยังอยู่ในรายชื่อหนังเลิฟคราฟต์ที่ฉันชื่นชอบ เช่น In the Mouth of Madness, Even Horizon,
The Beyond เป็นต้นหนังสยองขวัญแนวร่างกายที่ชวนให้นึกถึงเมื่อครั้งอดีต แต่มีกลิ่นอายของเลิฟคราฟต์อยู่บ้าง The Void มักจะทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความบ้าคลั่งที่เกิดขึ้น และทิ้งความคลุมเครือเอาไว้มากมาย จนทำให้ผู้คนต้องคร่ำครวญถึงหนังเรื่องนี้เป็นชั่วโมงๆ (ในทางที่ดีที่สุด) และเหล่านักล่าเลือดจะต้องอิ่มเอมไปกับการสังหารโหดและการผสมผสานอันน่าสยดสยองนี้อวยกันมายาวเหยียด ก็ถึงจุดต้องติกันบ้าง ซึ่งเป็นจุดที่ชวนเหวอที่สุดในหนังนั้นก็คือ
“เนื้อเรื่อง” ที่ในช่วงแรกนั้นถือว่าทำได้ดี ทำได้น่าติดตามทีเดียว หนังสร้างปริศนาให้เราขบคิดแบบไม่มีทีท่าว่าจะเปรยคำใบ้ออกมาง่ายๆ ไอตัวเราก็คิดแล้วคิดอีก เดาสะเปะสะปะไปเรื่อยเปื่อย จนมาถึงช่วงกลางๆที่ผมเริ่มเห็นเค้ารางแล้วว่า “ตูดูไม่รู้เรื่องแน่นอน” เพราะด้วยลัทธิมี่แสนประหลาดบวกกับความไม่มีที่มาที่ไปของแรงจูงใจที่มีค่อตัวละครในเรื่อง ผมเลยงงๆว่า ท้ายสุดแล้วมันยังไง แล้วไปพวกมนุษย์คลุมผ้าขาวพวกนั้นมันมีผลอะไรกับหนัง บอกตามตรงก็คือ “ผมไม่
เก็ตกับประเด็นลัทธิบ้านี่จริงๆ” ยิ่งตอนจบนี่บอกได้เลยว่า “ทำให้จดจำไปได้อีกนาน” มีความเป็นตัวเองสูงมาก สูงจนไม่แคร์ผู้ชมเลยว่า “แบบนี้ก็ได้หรอวะ” ความผสมปนเประหว่างความระทึกที่ดูตื่นเต้นอย่างต่อเนื่องมาเจอกับความมึนตึ๊บกับเรื่องราวที่ดูไม่สากลและเข้าถึงลำบาก จึงทำให้หนังไม่รู้จะออกไปทางไหน ผมเองจึงสรุปไม่ได้ว่าหนังสนุกมั้ย เพราะหากมองที่ความตื่นเต้น ความโหด ผมว่าหนังทำได้โอเคเลย แต่ถ้ามองไปที่เรื่องราวที่มาที่ไปผมบอกเลยว่าไม่เข้าใจอย่างแรง รีวิวนี้ผมจึงขอมองแยกส่วนแล้วกัน ถ้ามองในภาพรวมยังไงก็คงพูดไม่เต็มปากว่ามันสนุกถึงขนาดที่จะเชื้อเชิญให้ไปชมกัน
😂คะแนน7.8/10😂
ประสบการณ์ช็อคฝังหัวครั้งใหม่กำลังจะเกิดขึ้นที่นี่ ! โรงพยาบาลที่ฟังดูเป็นสถานที่แห่งความปลอดภัยกลับกลา ยเป็นประตูสู่ขุมนรกการันตีความสยองด้วยฝีมือสองคู่หูที่อยู่เบื้องหลังรางวัลออสการ์สาขาเมคอัพยอดเยี่ยมประจำปี 2017 จาก Suicide Squad ขอผันตัวมาชิมลางผู้กำกับครั้งแรกเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเจ้า
หน้าที่ แดเนียล คาร์เตอร์ บังเอิญเจอชายร่างโชกเลือดอยู่กลางถนนนที่มืดมิดขณะออกตรวจเวรตามปกติคาร์เตอร์ รีบพาชายหนุ่มไปส่งที่โรงพยายาบาลที่ใกล้ที่สุด โดยที่ไม่รู้เลยว่าทุกคนในโรงพยาบาลนั้นได้กลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่สยองเกินกว่าจะอธิบายเป็นคำพูดได้กันหมดแล้ว เมื่อฝันร้ายเริ่มขึ้น คาร์เตอร์ต้องนำผู้รอดชีวิตทั้งหมดฝ่านรกโรงพยาบาลออกมาให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป!!!
พักหลังมานี้ มีภาพยนตร์แนวระทึกขวัญเข้าฉายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งค่ายหนังที่ซื้อเข้ามาฉายต่างก็โอ้อวดสรรพคุณ ดึงคำวิจารณ์เด็ดๆต่างๆนาๆจากสื่อต่างชาติมาการันตีความหลอนกันยกใหญ่ โดยเดือนก่อนก็มี “The Monster – อะไรซ่อน” เข้าฉายด้วยการจั่วหัวอวดคะแนนรีวิวจากเว็บมะเขือเน่า (Rotten Tomatoes) กันแบบภาคภูมิเพราะหนังทำตัวเลขของสกอร์ได้สูงถึง 78% แม้ท้ายสุดกระแสผู้ชมในไทยจะออกแนวผิดหวังหน่อยๆเพราะจุดดีของหนังดันไปอยู่ที่สารที่หนัง
อยากสื่อมากกว่าความระทึกที่มี ผลก็คือ คอหนังโหดบ้านเราเลยเดินคอตกออกจากโรงกันไปตามระเบียบ จนมาถึงต้นเดือนนี้ ค่ายหนังก็ปลุกกระแสความสยองขึ้นมาใหม่กับ “The Void – แทรกร่างสยอง” หนังยี่ห้อเดียวกันกับทีมผู้สร้าง “The VVITCH” แถมได้สองคู่หูที่อยู่เบื้องหลังรางวัลออสการ์สาขาเมคอัพยอดเยี่ยมประจำปี 2017 จาก Suicide Squad มาเขียนบทกำกับหนังครั้งแรก
เรื่องราวในหนังจะพูดถึงเหตุการณ์ขณะออกตรวจเวรในช่วงกลางดึกของเจ้าหน้าที่ “แดเนียล คาร์เตอร์” ที่บังเอิญไปเจอชายวันรุ่นที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดอยู่กลางถนน คาร์เตอร์รีบนำตัวชายนิรนามคนนั้นไปส่งโรงพยาบาลในเมืองที่ใกล้ที่สุด แต่เมื่อไปถึง เขาต้องพบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เขาเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ การพยายามเอาตัวรอดและช่วยเหลือคนในโรงพยาบาลกดดันให้เขาต้องออกไปเผชิญหน้ากับร่างของสิ่งมีชีวิตที่สุดแสนจะสยองเกินคำบรรยาย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องรับมือกับชายชุดขาวที่มาพร้อมกับลัทธิประหลาดๆให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
หลังชมภาพยนตร์จบ ผมมองว่าจุดโดดเด่นที่สุดของหนังต้องยกให้กับความตื่นเต้นที่แม้จะไม่ถึงขั้นกรี้ดหวีดร้องออกมาลั่นโรงแต่ก็ชวนให้ผวาและลุ้นอยู่เป็นช่วงๆ สภาพการตายและฉากการฆ่าที่ดิบโหดถึงขั้นเอามือปิดปากและหลับตาปี๋ด้วยความขยะแขยงเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ทำให้ผมได้กลิ่นอายของหนังสยองขวัญในยุคก่อนโน้น จังหวะของหนังก็ทำได้ดีจนผมไม่สามารถเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้หรือจะมีอะไรที่โหดกว่านี้อีกมั้ย อาการหายใจไม่ทั่วท้องน่าจะเขียนแทนความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผมได้ดีที่สุด (อีกหนึ่งประเด็นที่ชอบก็คือการที่หนังเปิดเรื่องมาก็ลุยแหลกแบบไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรให้ยืดเยื้อ ให้อารมณ์แบบเราตั้งตัวไม่ทันดี)
😂คะแนน8/10😂
ประสบการณ์ช็อคฝังหัวครั้งใหม่กำลังจะเกิดขึ้นที่นี่! โรงพยาบาลที่ฟังดูเป็นสถานที่แห่งความปลอดภัยกลับกลายเป็นประตูสู่ขุมนรก
การันตีความสยองด้วยฝีมือสองคู่หูที่อยู่เบื้องหลังรางวัลออสการ์สาขาเมคอัพยอดเยี่ยมประจำปี 2017 จาก Suicide Squad ขอผันตัวมาชิมลางผู้กำกับครั้งแรก
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ แดเนียล คาร์เตอร์ บังเอิญเจอชายร่างโชกเลือดอยู่กลางถนนนที่มืดมิดขณะออกตรวจเวรตามปกติ
คาร์เตอร์ รีบพาชายหนุ่มไปส่งที่โรงพยายาบาลที่ใกล้ที่สุด โดยที่ไม่รู้เลยว่าทุกคนในโรงพยาบาลนั้นได้กลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิต
ที่สยองเกินกว่าจะอธิบายเป็นคำพูดได้กันหมดแล้ว เมื่อฝันร้ายเริ่มขึ้น คาร์เตอร์
ต้องนำผู้รอดชีวิตทั้งหมดฝ่านรกโรงพยาบาลออกมาให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปฉันไม่มีไอเดียเลยว่าไอ้ขยะนี่มันต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ มันขาดความ
ต่อเนื่อง ไร้จุดหมาย ไร้ความต่อเนื่อง มันไร้เหตุผลในทุกระดับ ไม่มีเลย ฉันอยากได้ 90 นาทีของฉันคืนมา! 78% สุกงอมกว่านั้นอีกมันเป็นหนังเลือดสาด ดังนั้นถ้าคุณชอบแนวนี้ ฉันเดาว่าน่าจะให้ 3 ดาว เพลงดังมากจนยากที่จะโฟกัสว่าเกิดอะไรขึ้น ดนตรีดังไปทั่ว เดาได้ ไม่ใช่ธีมที่แปลกใหม่ ดูเหมือนเป็นข้ออ้างใหญ่ๆ ที่จะสร้างเอฟเฟกต์เลือดสาดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดาว 2 ดวงที่ฉันให้คือของนักแสดงหลักและนักออกแบบเอฟเฟกต์พิเศษ/อุปกรณ์ประกอบฉาก”The
Void” จาก Steven Kostanski และ Jeremy Gillespie ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปสู่ยุค 80 เรื่องราวตรงไปตรงมา และตัวละครต่อสู้เพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีจากลัทธิบูชาลัทธิและความน่ากลัวที่ไม่อาจจินตนาการได้ “The Void” เป็นภาพยนตร์สัตว์ประหลาดที่สร้างความบันเทิงโดยได้รับแรงบันดาลใจจากความสยองขวัญของจักรวาล และแสดงเอฟเฟกต์สุดอลังการและเลือดสาดได้อย่างรุนแรง
Against the Dark (2009) คนระห่ำล้างพันธุ์แวมไพร์