ดูหนังออนไลน์ เต็มเรื่อง หนังใหม่อัพเดททุกวัน ฟรี HD ชัด

ดูหนังออนไลน์ moviehd24 หนังใหม่HD ดูหนังเต็มเรื่อง2024 ซีรี่ย์ออนไลน์ ดูซีรี่ย์ฟรี

google search

The Imitation Game (2014) ดิ อิมมิเทชั่น เกม ถอดรหัสลับ อัจฉริยะพลิกโลก

ปีที่ฉาย : 2014
เสียง : พากย์ไทย
Episode : -
imdb 8
ความคมชัด : HD
The Imitation Game (2014) ดิ อิมมิเทชั่น เกม ถอดรหัสลับ อัจฉริยะพลิกโลก

ดูหนังออนไลน์ The Imitation Game (2014) ดิ อิมมิเทชั่น เกม ถอดรหัสลับ อัจฉริยะพลิกโลก

เรื่องย่อ : The Imitation Game (2014) ดิ อิมมิเทชั่น เกม ถอดรหัสลับ อัจฉริยะพลิกโลก ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD

The Imitation Game (2014) ดิ อิมมิเทชั่น เกม ถอดรหัสลับ อัจฉริยะพลิกโลก

เรื่องย่อ The Imitation Game (2014) ดิ อิมมิเทชั่น เกม ถอดรหัสลับ อัจฉริยะพลิกโลก

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อลัน ทัวริง อัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษพยายามถอดรหัสรหัสอีนิกมาของเยอรมันด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนนักคณิตศาสตร์ ขณะเดียวกันก็พยายามจัดการกับชีวิตส่วนตัวที่มีปัญหาของเขา

ผู้กำกับ

  • มอร์เทน ทิลดัม

บริษัท ค่ายหนัง

  • Black Bear Pictures
  • Bristol Automotive

นักแสดง

  • เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์
  • คีร์รา ไนท์ลีย์
  • แมททิว กู๊ด
  • รอรี คินเนียร์
  • ชาลส์ แดนซ์
  • มาร์ก สตรอง

โปสเตอร์หนัง

The Imitation Game (2014) - IMDb

The Imitation Game - Wikipedia

The Imitation Game (2014)

รีวิวหนัง

mninho

รีวิวหนัง : The Imitation Game ผลงานของชายผู้แตกต่าง

ว่ากันว่าในช่วงสงคราม ข่าวสารคือสิ่งที่มีมูลค่าสูงสุด ไม่นานมานี้อังกฤษเพิ่งเปิดเผยความลับที่ปกปิดมานานกว่า50ปีว่า อลัน ทัวริ่ง นักคณิตศาสตร์อาจารย์มหาลัยที่ถูกจับฐานเป็นรักร่วมเพศ เคยเข้าร่วมโครงการลับกับทางการอังกฤษเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่2ในการช่วยถอดรหัสลับนาซีจากเครื่องอีนิกมา และเขาคือบุคคลที่สร้างเครื่องมือชื่อคริสโตเฟอร์ซึ่งสามารถถอดรหัสทุกอย่างในโลกได้สำเร็จ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้ฝ่ายพันธมิตรพลิกสถานการณ์กลับมาชนะสงคราม นอกจากนั้น สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ของเขายังเป็นต้นแบบของเครื่อง คอมพิวเตอร์ ที่ผมและคุณกำลังใช้งานอยู่ในตอนนี้ด้วย

เล่าเรื่องราวของ อลัน ทัวริ่ง (เบเนดิคต์ คัมเบอร์แบทช์) นักคณิตศาสตร์หนุ่มชาวอังกฤษที่แปลกแยกจากสังคม เขามีนิสัยประหลาด พูดจาขวานผ่าซาก เย่อหยิ่ง และมั่นใจในตัวเองสูง แต่ความอัจฉริยะเรื่องการแก้ไขปริศนาทำให้ฝ่ายทหารยอมรับเขาเข้าทำงานในทีมลับที่รวมคนหัวกะทิจากหลากหลายสาขาเอาไว้ พวกเขามีภารกิจในการถอดรหัสตัวเลขเป็นล้านล้านตัวที่แฝงมากับข้อความคำพูดของทหารเยอรมันซึ่งออกอากาศผ่านเสียงตามสายภายในเวลา24ชั่วโมง ทุกเที่ยงคืนนาซีจะตั้งรหัสใหม่ หากถอดหรัสไม่ได้พวกเขาก็ต้องเริ่มทำทุกอย่างใหม่ทั้งหมด

อลัน ทัวริ่ง ใช้ความกล้าและความเถรตรงจนได้ขึ้นเป็นหัวหน้าทีม ซึ่งก็สร้างความไม่พอใจให้กับใครหลายคน เขาไล่คนเก่าออกไป2 พร้อมกับเปิดทดสอบคนใหม่เข้าร่วมโครงการด้วยเกมอักษรไขว้ อลัน ถูกใจความฉลาดของ โจแอน คลาร์ก (เคียร่า ไนท์ลีย์) จึงรับเธอมาเป็นหญิงสาวคนเดียวของทีม รัฐบาลอังกฤษเสียงบประมาณให้เขาไปมากมาย ทีมถอดรหัสอีนิกมาจึงถูกกดดันและตั้งความหวังมาก พวกเขาต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะทุกวินาทีที่ผ่านไป เกี่ยวพันถึงชีวิตคนหลายล้านคน

บทหนังเข้มข้น มีจุดที่ทำให้ผู้ชมลุ้นตามพอสมควร แม้ว่าจะเดินเรื่องตัดสลับ อดีต ปัจจุบัน อนาคต แต่ก็ไม่ได้ทำให้สับสน ซํ้าการเรียงลำดับเวลาแบบนี้ยังทำให้เราเข้าใจที่มาที่ไปพฤติกรรมของ อลัน ทัวริ่ง ได้ดีขึ้น ถึงจะเป็นหนังสงครามที่ไม่มีฉากต่อสู้ด้วยอาวุธ แต่การต่อสู้ด้วยความคิดบนแผ่นกระดาษ การถอดรหัสลับจากวิทยุ ก็ทำให้มันเป็นภาพยนตร์สงครามที่ดูสนุกในรูปแบบใหม่ ติดตรงที่พล็อตยังคงทำตามสูตรสำเร็จ

ด้วยความที่เป็นหนังชีวประวัติผู้กำกับจึงเน้นไปที่ความทุ่มเทของ อลัน กับการถอดรหัสที่หลายคนพูดว่าไม่สามารถถอดได้ ส่วนประเด็นเรื่องเพศและความแปลกแยกในสังคมก็ถูกนำเสนอข้างเคียงได้น่าสนใจชัดเจน มีพลัง เชิดชูกลุ่มคนที่แตกต่างแต่มีความสามารถ ด้านเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับหนังสงครามโลกเรื่องอื่น มีพาร์ทสืบสวนนิดหน่อย มีศัพท์เทคนิคคณิตศาสตร์บ้าง ทว่าไม่ซับซ้อนเกินเข้าใจ

ต้องบอกว่านี่เป็นการแสดงที่พีคที่สุดของ เบเนดิคต์ คัมเบอร์แบทช์ ในบท อลัน ทัวริ่ง เขาถ่ายทอดอารมณ์ออกมาอย่างยอดเยี่ยม ทำให้คนดูเชื่อในบุคลิกเนิร์ดๆ เอาจริงเอาจัง รวมถึงทำให้เราสงสาร เห็นใจ และเข้าใจ คนเพศที่สาม ไม่แปลกที่เขามีชื่อลุ้นรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเวทีออสการ์ ขณะที่ เคียร่า ไนท์ลีย์ ซึ่งเล่นเป็น โจแอน โดดเด่นในหมู่นักแสดงชาย ความสดใสของเธอทำให้โทนหนังไม่หม่นเศร้าจนเกินไป

อลัน ทัวริ่ง เป็นตัวแทนของคำพูดที่ว่า ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน ดังนั้น หากเรายอมรับในผลงานของใครสักคน เราจึงควรยอมรับตัวตนของเขาด้วย น่าเสียดายมนุษย์จำนวนมากยังมีความคิดกีดกันกลุ่มคนบางกลุ่ม เพียงเพราะพวกเขาไม่ได้ชอบหรือมีชีวิตเหมือนกับคนส่วนใหญ่ในสังคม ซํ้าร้ายในหลายประเทศยังมองเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องผิดบาป และลงโทษในสิ่งที่พวกเขาเองก็ไม่ได้อยากเป็น

คะแนน 8.5/10

โดย นกไซเบอร์

หนังเรื่องนี้ละครับจารย์

[CR] Review – The Imitation Game ซับซ้อนกว่ารหัสนาซีก็จิตใจมนุษย์เนี่ยละ

The Imitation Game (2014)

Sometimes it’s the very people who no one imagines anything of who do the things no one can imagine.

(บางครั้งคนที่ไม่มีใครคาดคิดคือคนที่ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดฝันได้)

หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงชีวประวัติของ Alan Turing โดยอิงจากหนังสือ “Alan Turing: The Enigma” โดย Andrew Hodges ซึ่งหนังเรื่องนี้ยังคว้า Oscar ในสาขา Best Writing, Adapted Screenplay หรือ บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมนั่นเอง

เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง Alan Turing (Benedict Cumberbatch) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์เครื่องถอดรหัส Enigma ของนาซีและนำมาซึ่งชัยชนะให้กับอังกฤษ

แน่นอนว่าหนังชีวประวัติส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่คนทั่วไปสามารถคาดเดาเรื่องได้บางส่วน สำหรับเรื่องนี้เราก็คงผ่านหูผ่านตาในคาบประวัติศาสตร์กันมาบ้าง แต่ใครจะรู้ละว่าหนังมันแฝงรายละเอียดอะไรไว้เยอะมากกว่าแค่เรื่องราวของอัจฉริยะถอดรหัสสุดโหด

ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดเลยคือ “การยอมรับความคิดที่แตกต่าง” เนื่องจาก Alan เป็นคนที่ดูหยิ่งโอหัง เข้ากับผู้อื่นได้ยากและยังมีรสนิยมที่ไม่เหมือนคนอื่นในสังคมยุค40s (จุดนี้พีคมากครับ เป็นจุดที่มาเผยในช่วงหลังซึ่งเป็นกลายประเด็นใหญ่เลย) ซึ่งประเด็นนี้ถูกอธิบายอย่างเป็นนัยกับชื่อหนัง “The Imitation Game” หรือ “เกมลอกเลียนแบบ” เป็นเกมที่อลันคิดค้นเพื่อใช้ทดสอบว่าเป็นความคิดของคนหรือเครื่องจักร

ทั้งนี้เพจ “สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย” ได้กล่าวว่า Alan Turing ในหนังเรื่องนี้เป็นโรค “Asperger’s Syndrome” อย่างชัดเจนซึ่งมีอาการคือ 1.ความผิดปกติในการสร้างความสัมพันธ์ 2.มีพฤติกรรมซ้ำๆมีความสนใจที่จำกัด ทำให้ต้องชื่นชม Benedict มากๆที่สามารถเข้าถึงและสื่อความคิดและการกระทำของ Alan ออกมาได้อย่างทรงพลังมากๆ

แต่จุดที่ไม่ประทับใจเลยคือ ฉากที่เครื่องถอดรหัส Enigma สามารถถอดรหัสได้สำเร็จ (ถือว่าไม่สปอยนะครับเนื่องจากเป็นชีวประวัติที่รู้กันอยู่เเล้วว่า Alan ทำสำเร็จ) ความปลื้มปิติดีใจของ Alan และลูกทีมมันดูน้อยเกินไปเนื่องจากหนังกดดันและสร้างอุปสรรคมากมายมาก่อนหน้านี้เเต่กลับทำฉากที่เครื่องถอดรหัสทำสำเร็จนี้ได้ไม่สุด ถึงเเม้ว่าหนังอาจไม่ได้นำประเด็นนี้มาเป็นประเด็นหลักซะทีเดียวก็ตาม

เข้มข้น มีอะไรมากกว่าที่เราคิด นักแสดงทำได้สมบทบาท ตีแผ่ประเด็นการยอมรับความคิดของตัวเองและผู้อื่นได้ดีมากๆ

7.5/10

หนังโปรดของข้าพเจ้า

#รีวิวที่ 22/2015 | The Imitation Game (2014)

1) ความรู้สึกแรกหลังดูจบคือไม่คิดว่ามันเป็นหนังยกย่องวีรกรรมของ ‘อลัน ทัวริ่ง’ เลยแม้แต่นิดเดียว เรารู้สึกว่านัยเรื่องรสนิยมทางเพศของเขามันเด่นจนเห็นถึงนัยแฝงถึงการเรียกร้องฐานะทางสังคมของกลุ่มรักร่วมเพศ ข้อเท็จจริงที่เห็นได้ชัดคือการเปลี่ยนชื่อเครื่องถอดรหัสอีนิกม่าตามประวัติศาสตร์ให้กลายเป็นชื่อ “คริสโตเฟอร์” รักแรกของเขา

2) ผู้กำกับทำหนังสไตล์ play safe อยู่มาก ตัวอย่างเช่น จะพูดถึงเกย์แต่ก็ออกมาในลักษณะ ‘ปกปิดสถานะ’ ไม่เล่นในมุมเปิดเผยเวลาเขาอยู่กับเกย์ด้วยกันซึ่งคนในสังคมส่วนใหญ่เวลานี้ยังรับไม่ได้ (โดยเฉพาะกรรมการออสการ์ซึ่งเป็นคน gen ก่อน) หรือการที่พูดถึงเครื่องถอดรหัสแบบผิวเผินโฟกัสแค่ผลลัพธ์มากกว่าวิธีการเพราะรู้ดีว่าการเจาะเชิงลึกย่อมมีปัญหากับคนดูจำนวนมาก (โดยเฉพาะกรรมการออสการ์ที่มีอายุเฉลี่ย 60)

3) หนังเข้าข่าย Oscar bait หรือพูดง่าย ๆ ว่าหนังล่ารางวัล ไม่ว่าจะเป็นการหยิบจับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์มาทำหนังนี่ก็ถือว่าเป็นของชอบออสการ์, เนื้อเรื่องที่เป็นรอยด่างพร้อยของประวัติศาสตร์, ตัวละครที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ (ออสการ์นำชายปีนี้แสดงเป็นบุคคลจริงในประวัติศาสตร์ถึง 4 คน หรือถ้านับไมเคิล คีตันแสดงเป็นตัวเองด้วยก็ครบ 5 คนเลย) แถมตัวละครจริงยังเป็นเกย์และมีบุคลิกที่เป็นปัญหากับผู้อื่นอีก (นึกถึง J.Edgar ก็เข้าข่ายเป๊ะ จนไม่ค่อยแปลกใจว่าทำไมเฮียลีโอถึงปฏิเสธจะเล่นบทนี้), เป็นหนังที่ขายโปรดักชั่น เครื่องแต่งกาย สาขาย่อยต่าง ๆ เพื่อเอาเลขจำนวนรางวัลไปขาย

4) นึกแล้วก็ยังรู้สึกเห็นใจ ‘อลัน ทัวริ่ง’ ในขณะที่วีรกรรมการอยู่เบื้องหลังชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่สองเป็นความลับตลอดอายุขัยของเขา แต่รสนิยมทางเพศที่เป็นเรื่องเสื่อมเสียและผิดกฎหมายของยุคสมัยนั้นกลับถูกเปิดเผยเป็นเรื่องฉาว แม้ในภายหลังเขาจะได้รับการอภัยโทษ แต่นั่นคือการล้างความผิดของเขาคนเดียวทั้งที่ในช่วงเดียวกันยังมีกลุ่มรักร่วมเพศอีกมากที่ถูกตัดสินให้มีความผิด

5) หนังยังไงก็คงเป็นหนัง ถ้าอยากเอาข้อเท็จจริงคงต้องไปดูสารคดีนั่นแหละ จุดที่รู้สึกว่าหนังทำสำเร็จคือการเขียนบทหนังโน้มน้าวให้คนดูเชื่อว่า ‘อลัน ทัวริ่ง’ มีอาการซึมเศร้าในช่วงกินฮอร์โมนตามคำสั่งของศาล จนเป็นสาเหตุให้ฆ่าตัวตายทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเขายังคงสร้างผลงานได้ต่อเนื่อง (คนหดหู่ซึมเศร้าจะเก่งขนาดนั้นเชียวหรือ) แถมมีความเป็นไปได้ที่การเสียชีวิตจะเป็นอุบัติเหตุเช่นกัน ซึ่งพอผู้กำกับถ่ายทอดออกมาในลักษณนี้จึงอดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังใช้ภาพยนตร์สะท้อนความไม่เป็นธรรมที่กลุ่มรักร่วมเพศต้องเผชิญไม่ว่าจะในยุคสมัยไหน

6) ชอบประเด็นที่พูดถึงอัจฉริยะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้หากปราศจากการช่วยเหลือจากคนรอบตัว มองตามบทหนังแล้ว ‘อลัน ทัวริ่ง’ คงล้มเหลวด้วยอุปนิสัยของเขาเป็นแน่ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากคนในทีม ต้องขอบคุณ ‘โจน คลาร์ก’ (Keira Knightley) ที่พยุงเขาให้ปรับตัวให้เข้ากับการทำงานเป็นทีมเพราะโดยเนื้อแท้แล้วเขาไม่ใช่คนเลวร้ายเพียงแต่นิสัยขี้อายและการพูดตรงไปตรงมาทำให้เข้าถึงตัวตนของเขายาก ซึ่งถ้าทุกที่มีคนที่มองผู้อื่นอย่างเห็นใจเข้าใจแบบคลาร์กก็คงจะดีเพราะทุกวันนี้คนเราตัดสินผู้อื่นด้วยไม้บรรทัดของตัวเองกันทั้งนั้น

7) ค่อนข้างประหลาดใจที่ Keira Knightley ได้เข้าชิงออสการ์กับเขาด้วย ส่วน Benedict Cumberbatch ได้เข้าตามองค์ประกอบล่าออสการ์น่ะแหละ ถ้าถามถึงการแสดงก็ดีตามที่ควรจะเป็นแต่ไม่ได้รู้สึกว้าวอะไร (ปีนี้คนเดียวที่ทำให้ทึ่งยังมีแค่ Marion Cotillard)

😎 หนังแอบพูดถึงสถานะของการอยู่เป็นคู่รักได้น่าสนใจเหมือนกัน (ถึงแม้จะไม่ถูกเน้นก็เถอะ) ผมเชื่อมาโดยตลอดว่าการอยู่เป็นครอบครัวมันไม่จำเป็นต้องประกอบด้วย “พ่อ แม่ ลูก” ตามสังคมส่วนใหญ่ บางทีการที่ชายสองคนรักกันใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมันก็เป็นครอบครัวได้แล้ว ซึ่งพอมองถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ‘ทัวริ่ง กับ คลาร์ก’ ในหนังมันจึงสื่อออกมาในเชิงว่าไม่จำเป็นต้องมี sex กัน แค่คนสองคนอยู่ด้วยกันเข้าใจกัน ต่างคนต่างทำงานของตัวเองมันก็ดำเนินชีวิตต่อไปในสังคมสมัยนั้นได้แล้ว

9) ในภาพรวมแล้วเราไม่ได้รู้สึกว่าหนังสุดยอดอะไรขนาดนั้น คุณภาพกลาง ๆ ตามมาตรฐานหนังน่าดูทั่วไป ถึงพลาดไม่ได้ดูตอนนี้ก็ไม่ถึงขั้นต้องมานั่งเสียดายอะไร

Director: Morten Tyldum
book: Andrew Hodges
screenplay: Graham Moore

Genre: biography, drama, war
8/10

ดูหนังออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

The Theory of Everything (2014) ทฤษฎีรักนิรันดร

The Midnight Sky (2020) สัญญาณสงัด

A Beautiful Mind (2001) ผู้ชายหลายมิติ

Radioactive (2019) รังสีเรเดียม

The Man Who Knew Infinity (2015)

แสดงความคิดเห็น

ดูหนังออนไลน์ ดูซีรี่ย์ฟรี เรื่องอื่นๆ

ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่2024 moviehd24 ดูหนังเต็มเรื่อง หนังHD ดูหนังฟรีไม่กระตุก