เรื่องย่อ : The Graduate (1967) เดอะ แกรดูเอท พิษรักแรงสวาท ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
ดูหนัง The Graduate (1967) เดอะ แกรดูเอท พิษรักแรงสวาท บัณฑิตวิทยาลัยผู้ไม่แยแสพบว่าตัวเองต้องเลือกระหว่างคนรักที่มีอายุมากกว่ากับลูกสาวของเธอภาพยนตร์กล่าวถึงเบนจามิน แบรดด็อก (รับบทโดย ฮอฟแมน) เด็กหนุ่มที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย ไม่มีความทะเยอทะยาน และยังไม่มีเป้าหมายในชีวิต เบนจามินปฏิเสธคำขอของบิดาที่จะให้เรียนต่อ และมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับคุณนายโรบินสัน (รับบทโดย แบนครอฟต์) สาวใหญ่ที่พบในงานเลี้ยง เหตุการณ์ยุ่งยากเกิดขึ้นเมื่อเบนจามินถูกบิดาบังคับให้ออกไปนัดเที่ยวกับอีเลน (รับบทโดย รอสส์) ลูกสาวของคุณโรบินสัน เพื่อนทนายของพ่อ (ซึ่งเป็นลูกสาวของคุณนายโรบินสัน) ดูหนังออนไลน์
ไมค์ นิโคลส์
AN Embassy pictures Release
แอนน์ แบนครอฟต์
ดัสติน ฮอฟแมน
แคทารีน รอสส์
เคยเป็นไหมครับเวลาลังเลจะดูหนังสักเรื่องแล้วไปเปิดอ่านรีวิวก่อน พออ่านจบก็รู้สึกว่าหนังดีแฮะ แต่ดูจากอารมณ์หนังแล้วอาจจะเฉย ๆ ไม่ถึงกับชอบ นี่คือที่เกิดขึ้นกับผมก่อนและหลังดู ครับ หะหะเนื้อเรื่องแทบไม่มีอะไรเลยครับ Ben เด็กหนุ่มพึ่งจบป.ตรีเกียรตินิยมท่าทางเนิร์ด ๆ ตกหลุมพรางถูกยั่วยวนให้เกิดความสัมพันธ์ชู้สาวกับ Mrs. Robinson สาวรุ่นแม่ภรรยาของเพื่อนสนิทครอบครัวเขา ก่อนที่เขาจะมาพบรักกับ Elaine หญิงสาวรุ่นเดียวกันลูกสาวของ Mrs. Robinson
หนังเหมือนแบ่งเป็นสองครึ่งครับ ครึ่งแรกคือความสัมพันธ์ชู้สาวของ Ben กับ Mrs. Robinson ผมชอบช่วงนี้นะ คือทั้งสองคนต่างก็มีปัญหาและความต้องการคนละแบบ พอมาอยู่ด้วยกันก็ค่อย ๆ เผยให้เห็นตัวตนของตัวละครทั้งสองส่วนครึ่งหลัง Ben ตามตื๊อขอแต่งงาน Elaine มันไม่มีพลังเรื่องราวให้น่าเชื่อถือหรือเอาใจช่วยสักเท่าไร คืออย่าง Ben ยังพอเข้าใจว่าได้เจอคนที่เขาสามารถพูดคุยอยู่ด้วยอย่างสบายใจ แต่ของ Elaine ว่าทำไมถึงรัก Ben เนี่ยสิ มันไม่มีน้ำหนักมากพอ ยิ่งหนังโฟกัสอยู่แค่ชีวิตของ Ben ไม่ได้พูดถึงตัวละคร Elaine สักเท่าไรยิ่งขาดน้ำหนักตรงนี้ครับ
เทคนิคที่หนังใช้สร้างอารมณ์ร่วมกับคนดูคือเพลงประกอบครับ เพลงประกอบเพราะมาก และเพลงที่ผมชอบมากที่สุดคือเพลง Sound of Silence หนังใช้เพลงประกอบสื่ออารมณ์ฟุ่มเฟือยมากครับ เหมือนเป็นหนังขายเพลงเลย แทรกเพลงกับภาพเคลื่อนไหวเยอะเหมือนกันครับหากพูดถึง The Graduate เกี่ยวกับความเป็น Drama, Comedy, Romance ผมว่าหนังมันไปไม่สุดสักทาง จะ Drama มันก็ไม่สุดไปเลย ยังกั๊ก ๆ พอสมควร ยิ่งอารมณ์หนัง Comedy นี่น้อยมาก ส่วน Romance ไม่มีอารมณ์ร่วมกับความรักของตัวละครเลยครับ ไปไม่สุดสักทางจริง ๆ
ขอชมการแสดงของ Dustin Hoffman สักนิด เล่นเยี่ยมมาก บทเนิร์ดอ่อนต่อโลกกล้า ๆ กลัว ๆ เล่นได้เยี่ยมเลยครับ เขาทำให้คนดูเชื่อว่าเขาเป็น Ben Braddock จริง ๆ ส่วน Anne Bancroft แสดงเป็น Mrs. Robinson ได้เยี่ยมเช่นกัน ฉากยั่วเด็กหนุ่ม ฉากเปิดความในใจบนเตียง แสดงได้เนี้ยบมากครับหนังเข้าชิงออสการ์ 7 รางวัลครับ แต่ได้กลับบ้านไป 1 รางวัลคือ Best Director ส่วนที่ชวดไปคือ Best Picture, Best Actor in a Leading Role, Best Actress in a Leading Role, Best Actress in a Supporting Role, Best Cinematography, Best Writing Screenplay Based on Material from Another Medium
หลายคนอาจจะลืมไปว่าแท้จริงแล้ว The Graduate (1967) คือหนังสะท้อนปัญหาของวัยรุ่นเรื่องหนึ่ง เพียงแต่ตัวละครของหนังคือวัยรุ่นที่กำลังจะก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่และอยู่ในช่วงแห่งความสับสนของชีวิต สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือการเล่าเรื่องของชนชั้นกลางที่มีฐานะดีในขณะที่หนุ่มสาวกลับรู้สึกถึงการบงการชีวิตจากผู้เป็นพ่อและแม่ แม้หนังจะไม่ได้บอกเรื่องราวของการเป็นขบถต่อสังคมอย่างชัดเจนแต่การที่หนังสร้างและออกฉายในช่วงปลายยุค 60
ย่อมแสดงออกถึงนัยของยุคแสวงหาเอาไว้ไม่น้อย แม้ว่า เบนจามิน แบรดด็อกซ์ ที่เป็นตัวเอกจะเป็นเด็กหนุ่มที่เรียบร้อย ขี้อาย ไม่ได้แต่งตัวในแบบบุปผาชนแต่การแสดงออกของเขาก็ไม่ต่าง และเชื่อได้ว่าถ้าหนังเล่าเรื่องต่อจากตอนจบไปอีก 2-3 ปี เบนจามินอาจจะกลายเป็นฮิปปี้หัวโจกคนหนึ่งก็เป็นได้ ตลอดทั้งเรื่องของหนังได้เล่าถึงความสับสนของชายหนุ่มกับชีวิตที่ซับซ้อนของผู้ใหญ่และหาทางหลีกหนีให้พ้นจากสิ่งนั้น หนังได้ใช้เรื่องราวของ ความรัก ตัณหา และเซ็กซ์ มาส่วนเปรียบเทียบได้อย่างคมคาย และแน่นอนว่าทำให้หนังสนุก
ขึ้นมากจุดเด่นอย่างหนึ่งของหนังนอกจากเนื้อหาการสะท้อนสังคมได้อย่างแสบสันต์แล้วนั่นคือเพลงประกอบที่กลายมาเป็นเพลงขึ้นหิ้งในเวลาไม่นาน ซึ่งผู้ทำเพลงประกอบก็คือ พอล ไซมอน และขับร้อง ในนาม ไซมอน แอนด์ การ์ฟังเกล (ส่วนคนทำดนตรีประกอบคือ เดฟ กรูซิน) เพลงเปิดเรื่อง The Sound of Silence ที่เล่าเรื่องด้วยภาพและเนื้อเพลงตั้งแต่นาทีแรกให้เห็นถึงสภาพในความคิดของ เบนจามิน แบร็ดด็อกซ์ ได้ดี เพลงนี้ถูกนำมาใช้ระหว่างเรื่องอยู่เล็กน้อยและมาตอกย้ำได้อย่างคมคายในฉากจบของเรื่องเมื่อเบนจามิน “ฉุด”
เจ้าสาวกลางงานแต่งงานและหลบหนีขึ้นรถบัส เขาและเธออาจจะหัวเราะอย่างมีความสุขในระยะแรกก่อนที่ทั้งสองคนจะเงียบงันและเสียงในความเงียบนั้นอาจจะหมายความกังวลต่ออนาคตของพวกเอง หนังยังมีเพลงหวาน ๆ อย่าง Scarborough Fair ในฉากรักที่มีความสุขและกลายเป็นเพลงรักที่ดีอีกเพลงหนึ่ง แต่เพลงที่ทุกคนจดจำได้ดีคือเพลง Mrs. Robinson ที่มีอินโทรขึ้นมาเป็นพัก ๆ
และไม่ได้ยินเนื้อร้องเลยจนกระทั่งตอนท้ายเรื่อง เพลงนี้เล่าถึง “นางโรบินสัน” ที่เป็นชู้รักของเบนจามินและยังเป็นแม่ของอีเลนผู้หญิงที่เบนจามินรัก เรื่องราวของ ไก่แก่แม่ปลาช่อน และไก่อ่อนสอนขัน กลายเป็นจุดขายที่สำคัญของหนังและแสดงถึงแรงปรารถนาในตัวมนุษย์ในอันที่จะทำลายทุกสิ่ง แม้ภาพโดยรวมแล้วจะเป็นหนังเบาสมอง เล่าเรื่องราวของหนึ่งชายสองหญิง แต่ในเบื้องลึกแล้วนี่คือหนังที่จิกกัดสังคมอเมริกันได้อย่างเจ็บปวด และหนังในรูปแบบนี้เองที่กลายเป็นเอกลักษณ์ของผู้กำกับ ไมค์ นิคอลส์ ที่ได้ออสการ์ผู้กำกับยอดเยี่ยมจากหนังเรื่องนี้ซึ่งเป็นรางวัลเดียวที่หนังได้รับ
The Stepfather (2009) พ่อเลี้ยงโหดโครตอำมหิต
The Lake House (2006) บ้านทะเลสาบ บ่มรักปาฏิหาริย์
The To Do List (2013) งัดแผนจิ้นให้ฟินเว่อร์