The Girl With All The Gifts (2016) เชื้อนรกล้างซอมบี้

The Girl With All The Gifts (2016) เชื้อนรกล้างซอมบี้

เรื่องย่อ

ดูหนัง The Girl With All The Gifts (2016) เชื้อนรกล้างซอมบี้ นักวิทยาศาสตร์และครูที่ใช้ชีวิตในโลกดิสโทเปียเริ่มต้นการเดินทางเพื่อเอาชีวิตรอดกับเด็กสาวคนพิเศษชื่อเมลานี

ในอนาคตอันใกล้นี้ มนุษยชาติได้รับผลกระทบจากโรคที่เกิดจากเชื้อราปรสิตที่แพร่กระจายผ่านของเหลวในร่างกาย ในช่วงทศวรรษก่อนหน้านั้น มนุษย์ส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อกลายมาเป็นซอมบี้ที่ไร้สมองที่เรียกว่า “หิวโหย” ความหวังเดียวที่เหลืออยู่คือการรักษาที่สามารถทำได้จากการวิจัยกับกลุ่มเด็กพาหะที่ดูเหมือนปกติกลุ่มเล็กๆ

เด็กๆ ถูกคุมขังโดยกลุ่มทหารที่นำโดยจ่าสิบเอกเอ็ดดี้ พาร์กส์ และไปโรงเรียนที่ฐานทัพทหารในโฮมเคาน์ตี้ ซึ่งพวกเขาได้รับการทดลองโดยดร. แคโรไลน์ คาลด์เวลล์ เฮเลน จัสติโนเป็นผู้รับผิดชอบในการให้การศึกษาและศึกษาเด็กๆ ในบรรดาเด็กๆ มีเด็กสาวที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งชื่อเมลานี ซึ่งจัสติโนสนิทสนมกับเธอเป็นพิเศษ จึงทำให้เกิดความผูกพันพิเศษขึ้น ดูหนังออนไลน์

เมื่อเมลานีกำลังจะถูกชำแหละ ฐานทัพก็เต็มไปด้วยคนหิวโหยและห้องแล็ปปฏิบัติการก็ถูกบุกรุก เมลานีหลบหนีและเดินเตร่ไปข้างนอก ซึ่งทหารกำลังถูกโจมตีอย่างรุนแรง เมลานีและจัสติโนขึ้นรถบรรทุกที่กำลังหลบหนีพร้อมกับคอลด์เวลล์ที่ได้รับบาดเจ็บ จ่าพาร์กส์ และทหารที่รอดชีวิตอีกสองคน กัลลาเกอร์และดิลลอน เมลานีถูกจับกุมและปิดปากเพื่อป้องกันไม่ให้เธอไปกัดคนอื่นๆ ดิลลอนถูกฆ่าเมื่อคนหิวโหยเข้ามาโจมตีขณะที่กลุ่มคนเหล่านั้นหยุดเพื่อเอาน้ำ และรถบรรทุกก็ใช้งานไม่ได้เมื่อท่อน้ำมันขาด

ผู้กำกับ

Colm McCarthy

บริษัท ค่ายหนัง

BFI
Creative England
Altitude Film Entertainment
Poison Chef

นักแสดง

Gemma Arterton
Paddy Considine
Glenn Close
Sennia Nanua

โปสเตอร์หนัง

รีวิว

รีวิวเรื่อยเปื่อย

เป็นหนังซอมบี้เรื่องใหม่จากอังกฤษที่นำเรื่องราวจากนิยายแนวดิสโทเปีย ผลงานการเขียนของ M.R. Carey มาดัดแปลงสู่ฉบับภาพยนตร์ ความพิเศษของคือหนังนำเสนอบางประเด็นแตกต่างจากหนังซอมบี้ทั่วไป ซึ่งหนังได้อ้างอิงเหตุผลในเชิงวิทยาศาสตร์ให้กับมหันตภัยซอมบี้และโรคระบาดที่เกิดขึ้นกับมนุษยชาติ การพึ่งพากันระหว่างสิ่งมีชีวิต รวมไปถึงพฤติกรรมการเรียนรู้ต่างๆ ของเหล่าซอมบี้ ส่วนตัวค่อนข้างทึ่งกับสิ่งที่หนังนำเสนอ เพราะมันสามารถเข้าใกล้ความเป็นไปได้มากถึงมากที่สุด จัดว่าเป็นหนังซอมบี้ที่อิงหลักชีววิทยาได้น่าสนใจมากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
.
หนังเล่าถึงภาวะที่โลกถูกซอมบี้ยึดครอง ประชากรมนุษย์ในโลกแทบจะล่มสลายจากการแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่ส่งผลทำให้มนุษย์กลายพันธุ์เป็นพวก “Hungries” (ซอมบี้) มีเพียง “กลุ่มเด็กพิเศษ” ที่เหมือนจะเป็น “ความหวัง” ของการอยู่รอด เด็กกลุ่มนี้ดูจะมีอะไรพิเศษเร้นลับอยู่ในตัว เพราะอันที่จริงนอกจากพวกเขาจะสามารถกลายร่างเป็นซอมบี้ได้ แต่ในขณะเดียวกันเด็กกลุ่มนี้ก็สามารถกลายร่างกลับมาเป็นมนุย์ปกติมีความรู้สึกนึกคิดได้เหมือนเดิมด้วยเช่นกัน
.
Melanie (Sennia Nanua) คือ เด็กพิเศษหนึ่งในกลุ่มนั้น เธอมีความรู้สึกนึกคิด รอบรู้ เฉลียวฉลาด และควบคุมตัวเองได้เหมือนเด็กหญิงธรรมดา อีกทั้งยังไม่หวั่นไหวต่อสัญชาติญาณที่อาจถูกปลุกเร้า (เช่น การได้กลิ่นมนุษย์ใกล้ๆ จนเกิดความกระหายคลุ้งคลั่ง) ความแตกต่างของเธอถูกมองเห็น และเฝ้าติดตาม จนเกิดเป็นความรักใคร่เอ็นดูที่ Helen (Gemma Arterton) ครูผู้ดูแลเด็กพิเศษ แต่ Dr. Caroline (Glenn Close) ยังคงมอง Melanie เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตอันตรายและหวังจะใช้เธอเป็นเครื่องมือเพื่อช่วยชีวิตมนุษย์ที่หลงเหลืออยู่
.
ดูหนังซอมบี้มาก็หลายเรื่องยังไม่เคยนึกถึงซอมบี้เด็กเลย !! ซึ่ง  ถูกเล่าออกมาจากมุมมองของตัวละครเด็กอย่าง Melanie ในความเป็นเด็กกระบวนการคิดแก้ปัญหาอาจไม่ซับซ้อนเท่าคนที่ผ่านโลกมาเยอะแบบผู้ใหญ่ แต่เชื่อไหมว่าเรื่องบางเรื่องบางปัญหาไม่ได้มีแค่ทางออกเดียว Melanie แสดงให้ผู้ใหญ่อย่างเราเห็นว่าแค่เปลี่ยนมุม กลับส่วนที่มองก็อาจจะได้คำตอบในแบบที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้
.
น่าเสียดายที่หนังซอมบี้เรื่องนี้ยังสลัดภาพเดิมๆ ของหนังตระกูลเดียวกันไม่ออก บางซีนให้ความกดดันเหมือน Train to Busan บางฉากมีการไล่ล่าซอมบี้เหมือน The Walking Dead ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องผิด เพียงแต่ยังตีโจทย์ความแปลกใหม่ไม่แตก
.
ชีวิตเป็นเหมือนกล่องของขวัญที่เราไม่รู้ว่าข้างในจะมีอะไรบ้าง อาจจะมีความทุกข์และสุข ความกล้าบ้าบิ่น รวมไปถึงความหวังซึ่งเหมือนจะเป็นหัวใจหลักของหนังเรื่องนี้ เราอาจใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อค้นดูว่าในกล่องของขวัญของเรามีอะไรอยู่บ้าง และเราอาจจะเป็นกล่องขวัญชิ้นสำคัญสำหรับใครบางคนก็เป็นไ

อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก

บางครั้งนิยามของซอมบี้ อาจจะหมายถึง มนุษย์ ที่โดนกิเลส ตัณหา โมหะ โทษะ ความโลภ เข้าครอบงำ จนลืมตัวตน ลืมคนรอบข้าง และไม่สนใจใครอีกต่อไปแล้ว และในยามที่โลกเราเต็มไปด้วยสิ่งเร้าที่จะนำพามนุษย์ไปสู่จุดที่ ลืมตัวตน ทุกสิ่งอย่าง ในวันนั้นโลกก็อาจจะล่มสลาย ไวรัสซอมบี้ อาจจะเป็นนิยามของความชั่วร้ายที่ออกมาจากกล่องแพนโดราเข้ามาทำลายล้างโลก และ “เมลานี” เด็กพิเศษ ก็อาจจะเป็น “ความหวัง” ซึ่งนับเป็นสิ่งสุดท้ายที่ยังติดอยู่ในกล่องแพนโดรา ที่รอการเปิดออกมาอีกครั้งก็ได้
.
ปีนี้เรามีหนังซอมบี้ดีๆดูสนุกๆจากเกาหลีอย่าง Train to Busan มาให้ดูกัน ทางด้านฝรั่งเจ้าของตำนานซอมบี้ก็ไม่น้อยหน้า อย่างน้อยก็เข็น  ออกมาปะทะในปีนี้ แม้ตัวหนังจะออกไปในทางหนังซอมบี้ที่ดูอินดี้หน่อย แต่ประเด็นการนำเสนอค่อนข้างแข็งแรง และมีการนำเอาตำนานกรีกโรมันมาผสมผสานเข้าไปในเรื่องก็ทำออกมาได้น่าสนใจ ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องยกประโยชน์ให้บทประพันธ์ดั้งเดิมของ  มันมาจากหนังสือขายดีที่มีคนบอกว่าเป็นหนังสือที่อ่านสนุกมาก และสำหรับเวอร์ชั่นหนัง ก็ต้องยอมรับว่าได้อานิสงส์มาจากหนังสือที่บทมันดีอยู่แล้ว พอมาทำเป็นหนังมันก็เลยค่อนข้างน่าสนใจ
.
ว่าด้วยเรื่องราวของโลกดิสโทเปีย ซึ่งเป็นภาวะที่โลกจริงๆล่มสลายไปแล้ว ผู้คนจำนวนมากมายมหาศาลบนโลกล้วนติดเชื้อซอมบี้ ที่ลุกขึ้นมากินเนื้่อคนกันเอง โดยจะมีเด็กพิเศษกลุ่มหนึ่งที่มีเชื้อซอมบ้ในตัวแต่สามารถควบคุมให้ตัวเองหายจากอาการซอมบี้ได้ โดยเด็กพิเศษกลุ่มนี้จะมีพวกกลุ่มทหารและนักวิทยาศาสตร์คอยควบคุมดูแล เมลานี เป็นเด็กผิวสีที่เฉลียวฉลาด รอบรู้ เธอรักคุณครูของเธอที่ชื่อมิสจัสตินูมาก ในขณะที่ ดร คาร์ดเวล พยายามจะเอาตัวเมลานี ไปผ่าตัดเพื่อเอาร่างกายของเมลานีไปศึกษา วิเคราะห์ทำวัคซีนรักษาเชื้อซอมบี้ วันหนึ่งค่ายกักกันแตก ซอมบี้บุกรุกเข้ามา เมลานี มิสจัสตินู ดร.คาร์ดเวล และนายทหารอีกคนหนึงต้องหลบหนีซอมบี้ ที่บุกรุกและเข้ามาทำร้าย…
.
ด้วยเรื่องราวของซอมบี้ มันจะมีการบิดประเด็นนำเสนอไปได้หลายแนวทาง โดยตัวซอมบี้เองอาจจะเป็นตัวแทนของ มนุษย์ ที่เปลี่ยนไป เมลานี อาจจะเป็นตัวแทนของ ความหวัง ที่อยู่ในกล่องแพนโดรา เพราะแม้ในกล่องแพนโดราจะเต็มไปด้วยความชั่วร้าย แต่ก็ดูเหมือนจะมีเพียงแค่ ความหวัง เพียงอย่างเดียว ที่พอจะผลักดันและสร้างพลังบวกให้กับมนุษย์ได้บ้าง
.
เปิดเรื่องมามีการเล่าเรื่องได้อย่างดีมาก อาจจะเพราะเราไม่รู้อะไรมาก่อนเลย เราเลยตั้งตารอจับตาดูทุกอย่างในโลกดิสโทเปียในหนังด้วยความตื่นเต้น อาจจะเพราะทุกอย่างมันดูแปลกใหม่ไปหมด และที่เรารู้สึกดีงามสุดๆก็คงจะเป็นการได้เห็น เกลน โคลส กลับมาแสดงหนังจอใหญ่อีกครั้ง หลังๆนานๆทีจะเจอป้าแก่สักที ก็ไม่ผิดหวัง บท ดร การ์ดเวล ดูจะไม่ยากอะไรสำหรับนางเลย แต่ที่น่ามองสุดคงจะเป็นน้องเมลานี เด็กผผิวสีตัวนำของเรื่องนี่แหละ โตขึ้นน่าจะสวยเลยล่ะ ส่วนนางเอก Gemma Arterton ก็ดีงามตามเนื้อผ้า นักแสดงในภาพรวมแสดงได้ดีทุกคน ตัวหนังเดินเรื่องมาได้เรื่อยๆ แต่พอมาถึงช่วงกลางๆไปค่อนข้างจะท้ายๆ ก็ซอมบี้มาแบบจัดเต็มเลย ใครที่ชอบดูหนังยิงกบาลซอมบี้หัวกระเด็นเลือดสาดก็ไปดูได้เลย หนังทำได้ค่อนข้างโอเค แต่นั่นแหละซอมบี้มันก็คือซอมบี้ ดูไปดูมามันเริ่มเนือยๆและเริ่มมองว่าหนังมันเข้ารกเข้าพงไปนิด ก่อนที่จะมาขมวดปมปิดท้ายได้อย่างพอเอาตัวรอด

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Survivre (2024) ต้องรอด

Toxin (2015) ฝ่าวิกฤติไวรัสมฤตยู

The Calm Beyond (2020)

Taklee Genesis (2024) ตาคลี เจเนซิส

Fortress (2021) ชำระแค้นป้อมนรก