เรื่องย่อ : Sweeney Todd The Demon Barber of Fleet Street (2007) บาร์เบอร์หฤโหดแห่งฟลีทสตรีท ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
ดูหนัง Sweeney Todd The Demon Barber of Fleet Street (2007) บาร์เบอร์หฤโหดแห่งฟลีทสตรีท เรื่องราวฉาวโฉ่ของเบนจามิน บาร์เกอร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ สวีนนีย์ ท็อดด์ ผู้ก่อตั้งร้านตัดผมในลอนดอน ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมืออันชั่วร้ายกับมิสซิสโลเวตต์ ผู้เช่าร้านเดียวกันของเขา โดยอิงจากละครเพลงบรอดเวย์ยอดฮิต
เรื่องเล่าถึงชีวิตของเบนจามิน บาร์กเกอร์ (จอห์นนี เดปป์) ช่างตัดผมชาวอังกฤษผู้มีทักษะความชำนาญสูง เขามีภรรยาชื่อว่าลูซี (ลอรา มิเชลล์ เคลลี) และบุตรสาวที่ชื่อโจฮันนา บาร์กเกอร์ วันหนึ่ง ทอดด์ถูกยัดเยียดข้อหาและรับโทษให้ไปใช้แรงงานในประเทศออสเตรเลีย โดยผู้พิพากษาฉ้อฉลที่ชื่อเทอร์พิน (อลัน ริคแมน) ผู้ที่ต้องการลูซีมาเป็นภรรยาของตัวเอง
15 ปีต่อมา บาร์กเกอร์กลับมาสู่กรุงลอนดอน อังกฤษ บ้านเกิดของเขาอีกครั้ง ภายใต้ชื่อปลอมว่า “สวีนนีย์ ทอดด์” โดยได้เดินทางมาพร้อมกับกะลาสีเรือผู้หนึ่งชื่อแอนโทนี โฮป (เจมี แคมป์เบลล์ โบเวอร์) เมื่อทอดด์เดินทางกลับไปที่ถนนฟลีต ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านเก่าของเขา ซึ่งอยู่ชั้นบนเหนือร้านขายพายของนางเนลลี เลิฟเวตต์ (เฮเลนา บอนแฮม คาร์เตอร์) เขาก็ได้รับคำบอกเล่าจากเลิฟเวตต์ว่า ลูซีเสียชีวิตแล้วโดยการดื่มยาพิษฆ่าตัวตายหลังจากที่ถูกเทอร์พินหลอกไปข่มขืน ส่วนโจฮันนา (เจย์น ไวส์เนอร์) ก็โตเป็นวัยรุ่น และกำลังอยู่ในความดูแลของเทอร์พิน เมื่อได้ฟังดังนั้น ทอดด์จึงโมโหและปฏิญาณตนว่าจะแก้แค้นเทอร์พินให้ได้ พร้อมกับกลับมาเปิดร้านตัดผมใหม่อีกครั้งที่ที่พักของเขาเอง ดูหนังออนไลน์
ทิม เบอร์ตัน
สหรัฐอเมริกา :
ดรีมเวิร์กพิคเจอร์
นานาชาติ :
วอร์เนอร์บราเธอร์ส
จอห์นนี เดปป์
เฮเลนา บอนแฮม คาร์เตอร์
อลัน ริคแมน
ทิโมที สปอลล์
แซชา แบรอน โคเฮน
เจมี แคมป์เบลล์ โบเวอร์
ลอรา มิเชลล์ เคลลี
เจย์น ไวส์เนอร์
เอด แซนเดอร์ส
ผมว่า Sweeney Todd เป็นงานที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับ ‘ทิม เบอร์ตัน’ อย่างหนึ่งเลยคือเขาหยิบจับประสบการณ์จากการทำหนังละครเพลงเรื่อง Corpse Bride มาผสมความโหดเรท R แบบ Sleepy Hollow คลุกเคล้าด้วยดราม่าโศกนาฏกรรม แถมยังนำพา ‘จอห์นนี่ เดปป์’ มารวมกันเป็นครั้งที่ 6 ส่วนผลลัพธ์ที่ได้นั้นทำให้หนังกลายเป็นอีกหนึ่งละครเพลงที่น่าจดจำ(โดยเฉพาะบรรดาฉากเชือดเลือดสาด)
หนังเล่าถึง ‘สวีนี่ย์ ท็อดด์’ (Johnny Depp) ช่างตัดผมหนุ่มผู้โชคร้ายถูก ‘ผู้พิพากษา เทอร์ปิน’ (Alan Rickman) กลั่นแกล้งเพราะอยากแย่งภรรยาของท็อดด์ เขาถูกขังคุกยาวนาน 15 ปีก่อนจะกลับมาพบว่าภรรยาของเขาได้ตายจากไป ส่วนลูกสาวคนเดียวก็ถูกเทอร์ปินนำไปชุบเลี้ยงไว้เป็นเจ้าสาว เขาจึงวางแผนล้างแค้นด้วยมีดโกนหนวดแหลมคมที่พร้อมจะปาดคอเหยื่อที่หลงมาโกนหนวดกับเขาได้ทุกเมื่อ
ทำความเข้าใจกันก่อนว่าหนัง musical เนี่ย ต้นกำเนิดมันมาจากการแสดงละครเวทีร้องเล่นเต้นรำซึ่งมีข้อจำกัดคือสถานที่คือโรงละครมีหนึ่งเวทีคอยปิดม่านเปลี่ยนฉาก ดังนั้นต่อมาจึงเริ่มมีการพัฒนานำละครเวที musical มาทำเป็นหนัง โดยจุดเด่นคือการสร้างโปรดักชั่นเลิศหรูอลังการที่ละครเวทีไม่สามารถทำได้ แถมยังสามารถใช้การกำกับภาพสร้างจุดโฟกัสให้ผู้ชมได้ตามใจอีกด้วย ทั้งนี้หนัง musical ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของการร้องเพื่อแสดงถึงอารมณ์หรือความเปลี่ยนแปลงของตัวละคร ตรงนี้เองที่คุณสามารถพบความแตกต่างจากละครเวทีได้แน่ ๆ คือฉากเชือดคอเลือดสาดทั้งหลายที่ประเคนความโหดแบบไม่ห่วงว่ารายได้จะหายไปเพราะกลายเป็นหนังเรท R (ฉากเชือดคออาจจะมีไม่เยอะเท่าไร แต่ทุกครั้งนี่หนังจงใจโชว์ให้เห็นการเชือดคอจะ ๆ เลือดสาดกันสด ๆ)
เรื่องเพลงในหนังนี่ขอบอกเลยว่าเด็ดมาก แต่งออกมาได้ดี สื่อความหมายของแต่ละฉาก/เหตุการณ์ได้ลงตัว นักแสดงร้องกันเข้าถึงอารมณ์เพลง ที่ชอบมาก ๆ คือ
– เพลง My Friends ที่เดปป์ร้องตอนรู้ข่าวภรรยากินยาพิษหลังถูกข่มขืน ซึ่งเจ้าตัวบอกเองว่าเป็นหนึ่งในเพลงที่ร้องยากมากที่สุดแต่ก็ทำได้ดีเลยทั้งอารมณ์และการร้อง
– เพลง Johanna ก็ถือเป็นเพลงพรรณาถึงหญิงสาวที่พาคนดูตกหลุมรักได้ไม่ยาก
– เพลง The Contest ตอนเด็ปป์โกนหนวดให้ริคแมนก็เจ๋งตรงที่มันเป็นเพลงผิวปากอารมณ์ดีประสานเสียงเข้าคู่กันทีเดียว ทั้งที่ภาพตรงหน้านี่ต้องลุ้นว่าจะปาดคอกันเมื่อไร
ในส่วนของนักแสดงที่ต้องมาร้องเพลงแต่ละคนล้วนทำหน้าที่กันได้ดีทั้งการร้องและการถ่ายทอดอารมณ์ ที่เซอไพรส์สุดคือ ‘จอห์นนี่ เดปป์’ ที่เพิ่งร้องเพลงจริงจังครั้งแรกแต่ก็สามารถเอาตัวรอดไปได้ด้วยเทคนิคการเน้นอารมณ์, อีกคนคือ ‘ซาชา บารอน โคเฮน’ ที่ไม่คิดว่าจะมาโชว์เพลงเป็นอารมณ์ขันเล็ก ๆ ในบางช่วงของหนัง
โดยภาพรวมแล้วผมค่อนข้างชอบครึ่งแรกของหนังมาก มันเป็นโศกนาฏกรรมที่เล่าเรื่องราวผ่านเสียงเพลงได้ถึงอารมณ์คนดราม่า ทั้งยังแฝงความโหดเรท R ชนิดบางคนอาจต้องเบือนหน้าหนี แต่พอพ้นชั่วโมงแรกของหนังกลับเริ่มรู้สึกทิศทางของหนังมันเนือย ๆ ลงไปจากการเปลี่ยนทิศทางไปเป็นเฝ้ารอโอกาสล้างแค้น
Silent House (2011) บ้านกระตุกหลอน