Saboteur (1942) ล่ามือสังหาร

รีวิวหนัง  Saboteur

เก็ทนะเดอะมูฟวี่

หนังเรื่องนี้ถูกถ่ายทำในรูปแบบสามมิติ และสร้างมาจากละครเวทีชื่อดังที่ประสบความเร็จในชื่อเดียวกันของ    โดยที่ผู้กำกับระทึกขวัญไม่ได้ดัดแปลงเนื้อหาอะไรเลย เพราะเนื้อเรื่องดีด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว และอันที่จริงคงไม่น่าแปลกอันใดที่ฮิตช์ค็อกไม่คิดจะเล่นสนุกกับบทหนังเหมือนที่เจ้าตัวทำประจำ เพราะหนัง 3-4 เรื่องก่อนหน้าไม่ค่อยประสบความสำเร็จ เขาที่กำลังหมดไฟจึงเลือกท่าไม้ตายสุดท้ายโดยการหยิบละครเพลย์ที่ประสบความเร็จอยู่แล้วมาสรรสร้างใหม่ในฉบับม้วนฟิลม์ และจากที่กล่าวไปข้างต้นว่า  Saboteur (1942) เป็นหนังสามมิตินั้นหาใช่จุดประสงค์ของผู้กำกับผู้นี้แต่อย่างใด แต่เป็นความต้องการของค่าย ผู้ร่วมลงทุน สาเหตุหลักๆมาจากการที่พฤติกรรมของคนดูเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่มีฟรีทีวี ค่ายสตูดิโอทุกที่เกิดการแข่งขันกันสูงมากเพื่อดึงให้คนกลับมาเข้าโรงหนัง ดังนั้นเทคนิค อาทิ จอยักษ์, ภาพสีสวยๆ หลากหลายประเภทจึงถือกำเนิดขึ้นอย่างมากมายในช่วง  ค่ายหนังต้องการสร้างประสบการณ์การดูหนังในแบบที่ยิ่งใหญ่ตระการตากว่าการดูโทรทัศน์ที่บ้าน และในโปรเจค   ค่ายผู้ร่วมลงทุนต้องการขายหนังด้วยเทคนิคภาพสามมิติ

ความน่าสนใจใน   คือการที่ฮิตช์ค็อกสามารถหยิบเครื่องปรุงที่เขามีอย่างจำกัดมาสร้างสรรค์ในผลงานได้อย่างน่าประทับใจ เครื่องปรุงแรกคือทีมงานนักแสดงที่ทำให้ผลงานออกมามีชีวิตชีวา โดยเฉพาะ ควรได้รับเครดิตไปเต็มๆ เขาในบท  ตัวเอกร้ายของเรื่องแสดงได้เป็นธรรมชาติสุดๆ ถ้าใครติดตามบทความของเรามาตลอดจะรู้ว่าเราชอบอวย   อยู่บ่อยๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเขาเป็นนักแสดงที่ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยสักครั้ง คนต่อมาคือ  ในบท  เหยื่อผู้ถูกกระทำ ดาราสาวผมบลอดน์ผู้นี้ไม่ได้มีแค่ความสวยสง่าทุกกระเบียดนิ้ว แต่การแสดงก็เยี่ยมยอดไม่แพ้กัน เธอคือเพชรเม็ดงามเม็ดที่สองของฮิตช์ค็อกหลังโบกมือลา Ingrid Bergman ต่อมาคือ,   รับบทพระรองชู้รักของ   ทำผลงานได้กลางๆ ไม่ได้น่าจดจำเท่ากับบทนำที่เคยได้รับใน   ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะตัวละคร  ไม่ได้มีความน่าสนใจเหมือนตัวละครนำ ด้านตัวละครรอง  และ   ผู้รับบท  และหัวหน้าสารวัตรตามลำดับ เป็นนักแสดงชุดเดิมจากละครเวทีที่กลับมาแสดงในเวอร์ชั่นม้วนฟิลม์ ซึ่งสองตัวละครนี้มีสีสัน น่าสนใจกว่าตัวละครพระรองเสียอีก

หนังเก่า คลาสสิก รีวิวเวอร์

ฮิตช์ค็อกคือ ในโลกของภาพยนตร์ หนังหลายๆเรื่องของเขามักเกี่ยวข้องกับการตีความหมาย ซึ่งในเรื่องนี้ก็มีสิ่งของสำคัญที่ล้วนสื่อถึงสัญลักษณ์ทางเพศ เช่น กุญแจ ซึ่งเป็นสิ่งของสำคัญของเรื่อง กุญแจนั้นสื่อถึงอำนาจและการควบคุม โดยมองจากมุมมองความเชื่อโบราณที่ชายเป็นใหญ่ และลักษณะกุญแจเองก็สื่อถึงอวัยวะเพศชาย ภายในเรื่องเราจะเห็นว่าตัวละครสามีและภรรยา  ถือกุญแจกันคนละดอก สื่อถึงอำนาจที่เท่าเทียม แต่พอเมื่อสามีขโมยกุญแจของภรรยาและมอบให้ Swann เธอสูญเสียอำและการควบคุม ตกอยู่ในสถาณการณ์ลำบาก อีกทั้งการที่กุญแจมีบทบาทสำคัญกับเรื่องมันสื่อถือการที่สามีคุมเกมตลอดทั้งเรื่อง; และอีกตัวอย่างคือ กระเป๋า ที่ในโลกของฟรอยด์คือสัญลักษณ์ของอวัยวะเพศหญิง ดังนั้นในเรื่องนี้มันจึงสื่อถึงความลับของผู้หญิง ตัวละคร   ไม่เต็มใจที่สามีมาเปิดหยิบของในกระเป๋าเธอ ซึ่งเจ้าหล่อนใช้ ‘กระเป๋า’ ซ่อนจดหมายรักระหว่างเธอกับชู้ การล้วงมือเข้าไปกระเป๋าเปรียบเสมือนการข่มขืน หรือการลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว Saboteur (1942) ซึ่งแน่นอนว่าการที่  ควักมือเข้าไปในกระเป๋าของเจ้าหล่อนหลายต่อหลายครั้ง เท่ากับความลับของเธอแทบไม่มีอะไรหลงเหลืออีกต่อไป เรื่องราวของ  จึงถูกเปิดเผยออกมาสู่โลกภายนอก

ผู้กำกับ Saboteur

อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก

บริษัท ค่ายหนัง Saboteur

แฟรงก์ ลอยด์ แจ็ค เอช. สเกอร์บอล

นักแสดง

• พริสซิลา เลน โรเบิร์ต
• คัมมิ่งส์ นอร์แมน ลอยด์
• ออตโต ครูเกอร์ อลัน
• แบกซ์เตอร์ อัลมา ครูเกอร์
• โดโรธี ปีเตอร์สัน
• เคลม บีแวนส์

โปสเตอร์หนัง

เรื่องย่อ

ล่ามือสังหาร แบร์รี เคน คนงานในโรงงานเครื่องบิน หลบหนีข้ามสหรัฐอเมริกา หลังจากที่เขาถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ ว่าเป็นคนจุดไฟที่คร่าชีวิตเพื่อนสนิทของเขา Saboteur (1942) ดูหนังออนไลน์

“The Emperor and the Minister” เป็นภาพยนตร์ดราม่าประวัติศาสตร์ที่ออกฉายในปี 1982 กำกับโดย Li Han-hsiang เรื่องราวเกิดขึ้นในประเทศจีนโบราณในสมัยราชวงศ์หมิง โดยเจาะลึกความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างอำนาจ ความภักดี และความทะเยอทะยาน ซึ่งวนเวียนอยู่กับความปั่นป่วนอันวุ่นวายระหว่างจักรพรรดิและรัฐมนตรีที่เขาไว้วางใจ

หัวใจของเรื่องคือจักรพรรดิ Zhu Di ซึ่งแสดงโดยนักแสดงในตำนาน Tony Leung Ka-fai และรัฐมนตรีผู้ภักดีของเขา Fang Xiaoru รับบทโดย Ti Lung จูตี้ขึ้นครองบัลลังก์หลังจากช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งและแผนการทางการเมืองอันวุ่นวาย โดยมุ่งมั่นที่จะนำความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่อาณาจักรของเขา อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้า รัชสมัยของพระองค์ก็ถูกทดสอบโดยความขัดแย้งภายในและภัยคุกคามจากภายนอก

ฟาง เซียวหรุ นักวิชาการและที่ปรึกษาที่ได้รับความเคารพอย่างสูง กลายเป็นคนสนิทและนักยุทธศาสตร์คนสำคัญที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดของจูตี้ แม้จะมีภูมิหลังและอารมณ์ที่แตกต่างกัน แต่องค์จักรพรรดิก็ทรงพึ่งพาภูมิปัญญาและคำแนะนำของฝางอย่างมาก ทำให้เกิดความผูกพันที่แน่นแฟ้นของความไว้วางใจและความเคารพซึ่งกันและกันระหว่างพวกเขา

อย่างไรก็ตาม เมื่อความทะเยอทะยานของจักรพรรดิเพิ่มมากขึ้นและการยึดอำนาจของเขาแน่นแฟ้นขึ้น ความตึงเครียดระหว่างเขากับรัฐมนตรีก็เริ่มคุกรุ่น ฟาง เซียวหรุ ได้รับคำแนะนำจากหลักการอันแน่วแน่และความมุ่งมั่นต่อสวัสดิภาพของประชาชน พบว่าตัวเองขัดแย้งกับการปกครองแบบเผด็จการของ Zhu Di มากขึ้นเรื่อยๆ และวิธีการที่โหดเหี้ยม

ภาพยนตร์เรื่องนี้สำรวจประเด็นเกี่ยวกับศีลธรรม หน้าที่ และอิทธิพลอันเสื่อมทรามของอำนาจ ขณะที่ Zhu Di กลายเป็นเผด็จการมากขึ้นและไร้ความปรานีในการแสวงหาการควบคุมที่สมบูรณ์ Fang Xiaoru ต้องเผชิญกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางศีลธรรม เขา ควร รับใช้ ผู้ ปกครอง ซึ่ง การ กระทํา ทรยศ ต่อ หลักการ ที่เขา รัก มาก ต่อ หรือ หรือ เขา ควร ยืนหยัด เพื่อ สิ่ง ที่ ถูก ต้อง แม้ ต้อง แลก กับ ผล เสียหาย ส่วนตัว อย่าง มาก?

เมื่อความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างองค์จักรพรรดิและรัฐมนตรีของพระองค์ถึงจุดแตกหัก ซึ่งจบลงด้วยการเผชิญหน้าอันดราม่าที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีประวัติศาสตร์ การเล่าเรื่องที่น่าดึงดูดใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการปรับปรุงด้วยการแสดงของนักแสดง โดยเฉพาะโทนี่ เหลียง กาไฟ และติ ลุง ซึ่งเคมีที่เข้ากันบนหน้าจอและอารมณ์ที่ลึกซึ้งทำให้ตัวละครของพวกเขามีชีวิตขึ้นมาด้วยความละเอียดอ่อนและซับซ้อน

หากมองในแง่สายตาแล้ว “จักรพรรดิและรัฐมนตรี” ถือเป็นงานฉลองที่น่าจับตามอง ด้วยเครื่องแต่งกายในยุคสมัยที่หรูหรา การออกแบบฉากที่ประณีต และการถ่ายทำภาพยนตร์ที่น่าทึ่งซึ่งถ่ายทอดความยิ่งใหญ่และความมั่งคั่งของยุคราชวงศ์หมิง ความใส่ใจในรายละเอียดและความถูกต้องทางประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้พาผู้ชมย้อนเวลากลับไปสู่โลกแห่งกลอุบายของจักรวรรดิและการดำเนินกลยุทธ์ทางการเมือง Saboteur (1942)

“จักรพรรดิ์และรัฐมนตรี” ไม่ใช่แค่มหากาพย์ทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการสำรวจสภาพของมนุษย์และการต่อสู้ที่เหนือกาลเวลาระหว่างมโนธรรมและอำนาจอีกด้วย มันเตือนเราว่าแม้แต่ผู้ปกครองที่มีอำนาจมากที่สุดก็ยังไม่รอดพ้นจากข้อจำกัดทางศีลธรรมและผลที่ตามมาจากการกระทำของพวกเขา ด้วยการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม การแสดงที่โดดเด่น และภาพที่สวยงาม ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงยังคงเป็นภาพยนตร์คลาสสิกเหนือกาลเวลาที่ยังคงโดนใจผู้ชมจนถึงปัจจุบัน

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

The Legend Of Meng Po (2024) เปิดตำนานเมิ่งโผ

The Goddess of Mercy (1967) กำเนิดเจ้าแม่กวนอิม

The Emperor And The Minister (1982) ฮ่องเต้จอมพิชิต

Villain and Widow (2010)

Murder Mubarak (2024) ทีมสืบคดีแปลก