เรื่องย่อ : Romeo Must Die (2000) ศึกแก็งค์มังกรผ่าโลก ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
ดูหนัง Romeo Must Die (2000) ศึกแก็งค์มังกรผ่าโลก ตำรวจล้างแค้นออกตามหาตัวฆาตกรพี่ชายและตกหลุมรักลูกสาวของนักธุรกิจที่พัวพันกับข้อตกลงเรื่องเงินกับพ่อของเขา
โปซิงเป็นลูกชายคนเล็กของหัวหน้าแก๊งไชนีสไทรแอด ชูซิง ซึ่งถูกคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันเข้ามาหาในไนต์คลับที่เป็นเจ้าของโดยซิลค์ในโอ๊คแลนด์ แคลิฟอร์เนีย โปได้รับการช่วยเหลือและตักเตือนโดยไค ผู้ช่วยคนสำคัญของชูซิง โปออกจากไนต์คลับ แต่ถูกพบตัวในวันรุ่งขึ้นโดยเด็กที่ขี่จักรยานมาฆ่า ฮานซิงเป็นพี่ชายของโปและเป็นอดีตตำรวจที่ถูกคุมขังในฮ่องกง ฮานรู้ข่าวการตายของพี่ชายและหนีไปโอ๊คแลนด์เพื่อสืบสวน ซึ่งชูซิงกำลังร่วมทุนกับไอแซก โอเดย์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผิวสีและหัวหน้าแก๊ง ทั้งสองได้ซื้อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่อยู่ติดริมน้ำเพื่อขายให้กับวินเซนต์ ร็อธ เจ้าพ่อธุรกิจที่วางแผนจะซื้อแฟรนไชส์ NFL ใหม่และสร้างสนามกีฬา
แม้ว่า Ch’u จะรับรองว่าความร่วมมือของพวกเขายังคงเหมือนเดิม แต่ Isaak ก็กลัวการแก้แค้นหลังจากการตายของ Po จึงได้ให้ Mac ผู้ช่วยคนสนิทของเขาแจ้งรายละเอียดด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับ Colin ลูกชายของเขาและ Trish ลูกสาวของเขา ซึ่งปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมในกิจการผิดกฎหมายของพ่อของเธอ ในการพบกันโดยบังเอิญ Han ได้ผูกมิตรกับ Trish โดยช่วยเธอออกจาก Maurice เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ได้รับมอบหมาย จากนั้นก็พบว่า Po โทรหาร้านขายเสื้อผ้าของ Trish หนึ่งวันก่อนที่เขาจะถูกฆ่า ในงานศพของพี่ชาย Han ได้เผชิญหน้ากับพ่อที่แยกทางกันและโทษว่าเขาไม่สามารถปกป้อง Po ได้หลังจากที่ Han ช่วยให้พวกเขาทั้งสองหนีไปอเมริกาเพื่อหลบหนีทางการจีน ซึ่งส่งผลให้ Han ถูกจำคุก Kai บอก Han ว่าการตายของ Po เป็นผลมาจากสงครามแก๊งที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างชาวจีนและชาวแอฟริกันอเมริกัน ดูหนังออนไลน์
Andrzej Bartkowiak
Silver Pictures
Jet Li
Aaliyah
Isaiah Washington
Russell Wong
DMX
Delroy Lindo
ที่จริงกะไว้ว่าถ้าเวลาเอื้ออำนวยจะเขียนถึงหนังที่ดาราในดวงใจในยุค 90 ไปโกอินเตอร์กันเป็นว่าเล่น แต่ด้วยความที่ตัวเองเป็นมนุษย์ที่ถ้าจะเขียนบทความขนาดยาว(ซึ่งก็ยาวเป็นส่วนใหญ่แหละ)ถ้าไม่จำเป็นจริงๆจะไม่เขียนจากความทรงจำ อย่างน้อยต้องกลับมาดูอีกสักครั้ง เก็บรายละเอียดอีกสักคราแล้วค่อยร่ายยาว บอกตามตรงคือมีสองเรื่องที่ตั้งใจอยากเขียน หนึ่งคือ The Replacement Killers (นักฆ่ากระสุนโลกันตร์) งานเปิดตัวโจวเหวินฟะในฮอลลีวูดในปี 1998 กับอีกหนึ่งคือเรื่องนี้ (ไม่นับ Lethal Weapon 4 ที่เล่นเป็นตัวรอง)
แต่ต้องไปค้นหาไฟล์ในฮาร์ดดิสก์มาเปิดเพื่อความคมชัด แต่พอดีเรื่องนี้มีใน Netflix เลยไม่ต้องไปค้นเปิดดูได้เลย จึงมีงานเขียนถึงเรื่องนี้ออกมาก่อน งานที่ว่ากันว่าอ้างอิงมาจากวรรณกรรม Romeo & Juliet ที่มาในงานแก๊งสเตอร์กังฟู ที่อาจจะน่าตื่นเต้นสำหรับชาวตะวันตก แต่สำหรับเราๆแล้วมันกลายเป็นแค่หนังกังฟูต่อยตีธรรมดาๆที่อาจจะดูสนุก แต่มันเห็นมาจนชินซะแล้ว
ตัวหนังว่ากันที่อดีตตำรวจฮ่องกงที่ต้องถูกจองจำเพราะรับผิดแทนบิดาที่ต้องหนีความผิดจากบ้านเกิดมาอยู่อเมริกาทำมาหากินเป็นมาเฟียจีนในโอ๊คแลนด์ ระหว่างความขัดแย้งของแก๊งค์ชาวจีนกับแก๊งค์มาเฟียผิวดำที่ตามมาด้วยความตายของน้องชาย เขาจึงต้องแหกคุกมหาประลัยเพื่อเดินทางมาค้นหาความจริงในดินแดนแห่งเสรีภาพ และต้องมาอยู่ท่ามกลางสงครามความขัดแย้งระหว่างแก๊งค์ ด้วยความร่วมมือของลูกสาวหัวหน้าแก๊งค์ผิวดำที่ต้องสูญเสียพี่ชายไปด้วย
เช่นกัน ทั้งคู่จึงต้องค้นหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังการตายของคนที่พวกเขารัก ด้วยความต่างของชาติพันธุ์ และการอยู่คนละขั้วของความขัดแย้ง จึงเป็นที่มาของคำว่า Romeo หลังจากนั้นก็ไม่ยากที่จะคาดเดา เพราะเรื่องราวพาไปสู่สถาณการณ์ที่ให้พระเอกโชว์ลีลากังฟูได้อย่างถึงใจ และเหตุการณ์เบื้องลึกเบื้องหลังก็ดูออกไม่ยากว่าใครอยู่เบื้องหลังการตายและก่อชนวนสงครามระหว่างแก๊งค์ และนำไปสู่บทสรุปที่ไม่มีอะไรค้างคาแต่ทว่า เราๆท่านๆที่เป็นคนแถวนี้ได้
เห็นมาจนชินแล้วในหนังฮ่องกงในยุครุ่งเรือง แต่กับชาวตะวันตกมันไม่ใช่เพราะหนังเรื่องนี้จัดว่าทำรายได้ดีพอตัวในอเมริกา น่าจะด้วยความตื่นตาตื่นใจกับลีลากังฟูมันส์ๆของ Jet Li แต่ถึงแม้เราจะเคยได้ดูได้ชมเรื่องราวประมาณนี้ และฉากต่อสู้ประมาณนี้มานักต่อนัก แต่ไม่รู้ทำไมเรายังดูสนุก ดูซ้ำได้ และประทับใจ
ถ้าว่ากันที่ความประทับใจเมื่อแรกที่ได้ชม นั้นคือการที่ได้เห็นดาราเอเชียที่เราชื่นชอบได้รับบทเด่นเป็นพระเอกในหนังฮอลลีวูด คล้ายกับว่าเราโตมากับหนังของเขา ความรู้สึกผูกพันที่ได้ก้าวพ้นวัยมากับหนังของเขาทำให้เรามีความรู้สึกร่วม พร้อมที่จะติดตามดูด้วยความภาคภูมิใจที่เขาคือคนเอเชียที่ฝรั่งยอมรับ แต่
แท้จริงแล้วในความเป็นหนังมันยังบางเบาห่างไกลกับคำว่างานขึ้นหิ้งอยู่ไกลโข ด้วยบทที่ง่ายๆเดินเรื่องตรงๆ เรื่องราวที่คุ้นชิน แต่แม้จะเบาหวิวกลับเป็นข้อดีอีกอย่างคือความที่มันไม่ซับซ้อนเลยไม่ต้องคิดมาก และทำให้วางความป็นเหตุเป็นผลลงตั้งแต่แรก และสนุกไปกับหนัง และอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงงานที่ถ่ายทำในอเมริกาอีกเรื่องอย่างThe Master (ฟัดทะลุโลก 1992 ที่ค่อยมาว่ากันวันหลัง) เพียงแต่เรื่องนี้ได้ทีมงานที่เจ๋งกว่า โปรดัคชั่นที่สมจริงกว่า ทำให้หนังดูดีและดูได้บ่อยๆ และดูเมื่อไหรยังสนุก
ความดีงามอีกอย่างของหนังคือการวางจังหวะการโชว์ลีลากังฟูต่อยตีได้อย่างพอเหมาะและลงตัวจากการรังสรรค์ของ หยวนขุย ที่แม้จะเคยเห็นมานักต่อนัก แต่จังหวะจะโคนที่ใส่เข้าไปในหนังมันเหมาะเจาะ ไม่ยืดยาวจนย้วยเหมือนที่เคยเห็นในหนังฮ่องกง ทำให้แม้หนังจะยาวเกือบสองชั่วโมงแต่กลับไหลลื่นไม่มีช่วงน่าเบื่อ(ปกติหนังจีนมักจะมีเวลาประมาณ 90 นาที)และดูเหมือนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นแม้จะเป็นการรังสรรค์คิวบู๊จากผู้เชี่ยวชาญแต่เรากลับได้เห็นลีลาการใช้สลิงที่ต้านทานแรงโน้มถ่วง มันทำให้สำหรับคนดูอย่างเราๆรู้สึกมันจงใจเกินไป แต่สำหรับอเมริกันชนคนแดกแฮมเบอเกอร์ต้องว้าวแน่นอนเมื่อเห็นลีลาบาทาไร้เงา
แต่สำหรับ Jet Li แล้วแม้เรื่องนี้เขาจะมีชื่อเป็นดารานำ แต่ด้วยความที่เขาถูกรายล้อมไปด้วยดาราที่ขึ้นกล้องและฝีมือจัดจ้านกว่าทำให้แม้ว่าเขาจะสร้างความตื่นตาตื่นใจในฉากต่อสู้ด้วยลีลากังฟูแท้ๆที่เร้าใจ แต่เขากลับถูกผู้แสดงร่วมทุกคนข่ม ทั้งตัวร้ายอย่างรัสเซล หว่องที่ขึ้นกล้องกว่าเห็นๆ หรือกระทั่งอาลีย่าห์ผู้ล่วงลับ ไม่นับเดลรอย ลินโด หรือกระทั่งไอ้อ้วนดำแอนโธนี่ แอนเดอร์สันที่ขโมยซีนได้ทุกฉาก ทั้งที่จริงๆแล้วหลี่เหลียนเจี๋ยเองเปิดตัวได้อย่างน่าจดจำใน
Lethal Weapon 4 แต่อาจเพราะเรื่องนั้นเขาเล่นเป็นตัวรองตัวร้ายที่ไม่ได้แบกหนังทั้งเรื่องไว้กระมัง ส่วนเรื่องนี้คือหนังของเขาทั้งเรื่องเลยเผยออกมาหมดทั้งเรื่องการแสดงอารมณ์ที่หากเป็นมาตรฐานหนังจีนเขาผ่านได้สบายแต่พอมาเป็นงานระดับฮอลลีวูดที่อุดมไปด้วยยอดฝีมือเลยดูอ่อนด้อยไป ซ้ำยังการพูดภาษาอังกฤษที่กระท่อนกระแท่นเหลือหลายทำให้การเปิดตัวของเขาในมุมนี้ไม่สายงามนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสำหรับฉากต่อสู้แล้วใครก็กินเขายากเช่นกัน และเขาก็
ยืนหนึ่งในด้านนี้มาอีกนานเพราะมีหนังฮอลลีวูดตามออกมาอีกเป็นพรวน และสิ่งเหล่านี้ที่เป็นทำให้หนังเรื่องนี้ถ้าเอากันตามจริงคือหนังที่อยู่ในระดับกลางๆไม่เลิศหรูแต่ก็ไม่เลวร้าย อยู่ที่เราจะมองในมุมไหน ถ้าเรามองว่าแม้บทหนังจะบางเบาอ่อนเหตุผลแต่หนังยังซื่อตรงในการขายความมันส์ในฉากต่อสู้ที่น่าตื่นตาตื่นใจหลังจากยุค The Matrix หนังถือว่าสอบผ่านด้านนี้อย่างเต็มตัวความสุขที่ได้ดูหนังเรื่องนี้คือการได้เห็นดาราในดวงใจได้ไปโชว์ความสามารถให้ฮอลลีวูดเห็น เป็นความภาคภูมิใจของคนเอเชีย และหนังยังเพียบพร้อมไปด้วย
ความสนุกในแบบที่หนังแนวนี้ควรจะเป็น ยิ่งนึกยิ่งน่าเสียดายที่ Jet Li ได้ไปโชว์ลีลาในอเมริกาช้าไป ถ้าเขาได้ไปในช่วงที่สดสุดขีดหน้าตาเป็นหนุ่มผมสั้นหน้าใสๆอย่างตอนเล่นเป็นหวงเฟยหงจะน่าตื่นตาตื่นใจขนาดไหน แต่เมื่อตอนที่เขาเล่นเรื่องนี้เขาเริ่มที่จะโรยราและเห็นริ้วรอย ทำให้การเข้าฉากกับอาลีย่าห์ขาดความสมจริง จะเป็น Romeo ก็มองไม่เห็นมุมของความรักเอาเสียเลย แต่ก็ตามนั้น หนังจงใจขายความมันส์และความตื่นตาตื่นใจในฉากต่อสู้อยู่แล้ว และถ้ามองมุมนี้ หนังเรื่องนี้คือการเปิดตัวที่สวยงามสำหรับหลี่เหลียนเจี๋ยที่ใช้ชื่อใหม่ว่า Jet Li