Ray (2004) เรย์ ตาบอด ใจไม่บอด

Ray (2004) เรย์ ตาบอด ใจไม่บอด

เรื่องย่อ

ดูหนัง Ray (2004) เรย์ ตาบอด ใจไม่บอด เรื่องย่อ: เรย์ชาร์ลส์โรบินสันเริ่มตาบอดเมื่ออายุเจ็ดขวบไม่นานภายหลังจากได้เห็นน้องชายของเขาจมน้ำ แรงบันดาลใจจากแม่ที่เป็นอิสระอย่างดุเดือดซึ่งรับรองว่าเขาทำทางของตัวเองในโลกชาร์ลส์พบการโทรและของขวัญของเขาหลังคีย์บอร์ดเปียโน การเดินทางผ่านวงจรไคตินนักร้องที่มีชื่อเสียงได้รับความโด่งดังก่อนที่จะระเบิดขึ้นเวทีระดับนานาชาติเมื่อเขาเป็นผู้ก่อตั้งการประสมประสานของจังหวะและบลูส์ร็อคแอนด์โรลพระวรสารประเทศแจ๊สรวมทั้งวงออเคสตราในสไตล์ที่เอาอย่างมิได้  ดูหนังออนไลน์

เรย์ ชาร์ลส์ โรบินสันเติบโตมาในความยากจนที่ฟลอริดาโดยอารีธา ผู้เป็นแม่ของเขา เรย์เริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่ยังเด็ก แต่กลับถูกหลอกหลอนด้วยการเสียชีวิตโดยไม่ได้ตั้งใจของจอร์จ น้องชายของเขา ซึ่งจมน้ำเสียชีวิตในอ่างล้างหน้าของแม่ เรย์สูญเสียการมองเห็นเมื่ออายุได้ 7 ขวบและตาบอดสนิท อารีธาจึงสอนให้เขาเป็นอิสระ และในที่สุดก็ส่งเขาไปเรียนที่โรงเรียนสำหรับคนหูหนวกและตาบอด

ในปี 1946 เรย์เข้าร่วมวงดนตรีคันทรี่ของคนผิวขาวและสวมแว่นกันแดดเพื่อปกปิดดวงตาที่บาดเจ็บของเขา สองปีต่อมา เขาเดินทางไปที่ซีแอตเทิล และเข้าร่วมวงดนตรีในไนท์คลับ แม้ว่าเจ้าของไนท์คลับจะเรียกร้องความต้องการทางเพศและควบคุมเงินและอาชีพของเขา ก็ตาม หลังจากที่ค้นพบว่าเขากำลังถูกเอาเปรียบ เรย์จึงเซ็นสัญญาบันทึกเสียงของตัวเองและออกจากวง เขาออกทัวร์ในChitlin’ Circuitในชื่อ “เรย์ ชาร์ลส์” และได้รู้จักกับเฮโรอีน

อาห์เมต เออร์เตกุนแห่งค่ายเพลงแอตแลนติกค้นพบเรย์และบันทึกเพลงฮิตแรกของเขาด้วยเพลง ” Mess Around ” ของเออร์เตกุนในสังกัด Yamilksa ในฮูสตันเรย์ตกหลุมรักเดลลา บี ลูกสาวของนักเทศน์ แม้ว่าเธอและคนอื่นๆ จะไม่พอใจกับการที่เรย์นำเพลงกอสเปล มาผสม กับดนตรีของเขา แต่เขาก็แต่งงานกับเดลลาและยังคงมีชื่อเสียงจากเพลง ” I Got a Woman ” และ ” Hallelujah I Love Her So ”

เดลล่าที่กำลังตั้งครรภ์พบชุดอุปกรณ์ยาของเรย์และเผชิญหน้ากับเขา ทั้งคู่กลับมาคืนดีกันหลังจากคลอดลูกคนแรก แต่เรย์กลับเริ่มมีความสัมพันธ์กับแมรี่ แอนน์ ฟิชเชอร์ นักร้อง ในปี 1956 เมื่อเรย์ได้รับความนิยมมากขึ้น เขาก็จ้างวงดนตรีสามชิ้นให้มาเล่นเป็น ” เดอะ เรเล็ตต์ ” และตกหลุม รัก มาร์กี้ เฮนดริกซ์ นักร้องนำทันที ทั้งคู่เริ่มมีความสัมพันธ์กันเอง และแมรี่ แอนน์ผู้ขี้หึงก็จากไป

มาร์จี้ขอให้เรย์ให้เธอลองเฮโรอีน แต่เขากลับห้ามไม่ให้เรย์เสพมัน โปรดิวเซอร์ของเขาสังเกตเห็นว่าเขาติดเฮโรอีนจนหมดตัวแล้ว เมื่อเขาแสดงอาการบางอย่างขณะบันทึกเสียงเพลง ” Night Time Is the Right Time ” บนเปียโนไฟฟ้าเครื่องใหม่ แต่ถึงแม้จะกังวล พวกเขาก็รับรู้ถึงความเป็นอัจฉริยะของเขา และอาชีพการบันทึกเสียงของเขาก็ยังคงดำเนินต่อไป

ไม่กี่ปีต่อมา เมื่อวงดนตรีของเรย์เล่นจบเร็ว และเจ้าของคลับเรียกร้องให้พวกเขาเล่นต่อในเวลาที่เหลือ เรย์จึงเล่นเพลง ” What’d I Say ” ทันที ความนิยมของเขาเพิ่มขึ้นตลอดช่วงทศวรรษ 1950 และเขาย้ายครอบครัวไปลอสแองเจลิสแต่ยังคงใช้เฮโรอีน ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับเดลลาและมาร์จี้ตึงเครียด ในปี 1960 เขาเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับABC Recordsเพื่อเจรจาเพื่อเป็นเจ้าของเทปมาสเตอร์ของ เขา

เรย์ยังคงพัฒนาดนตรีของเขาต่อไป โดยบันทึกเพลงฮิตอย่าง ” Georgia on My Mind ” มาร์จี้เปิดเผยว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ และตัดสัมพันธ์กับเรย์เมื่อเรย์เรียกร้องให้เธอยุติการตั้งครรภ์ เขาแต่งเพลง ” Hit the Road Jack ” โดยมีมาร์จี้เป็นผู้ขับร้องเดี่ยว ซึ่งใช้การรับรู้ใหม่ของเธอเพื่อเริ่มต้นอาชีพนักร้องเดี่ยว ในขณะที่เรย์ดิ้นรนกับการติดยา

ในปี 1961 เรย์ได้พบกับผู้ประท้วงสิทธิพลเมืองนอกคอนเสิร์ตของเขาในเมืองออกัสตา รัฐจอร์เจียเขาตัดสินใจไม่เล่นในสถานที่ที่แยกคนผิวสี จึงยกเลิกคอนเสิร์ตและถูกห้ามไม่ให้เล่นในจอร์เจีย หลังจากที่เขาอนุญาตให้ผู้ชมผิวดำและผิวขาวเต้นรำร่วมกันบนเวทีระหว่างคอนเสิร์ตในเมืองอินเดียแนโพลิส ตำรวจก็บุกเข้าตรวจค้นห้องพักในโรงแรมของเขา ตำรวจเปิดเผยว่าเขาถูกจับกุมในข้อหาครอบครองเฮโรอีน ทำให้เดลลาไม่พอใจ แต่ค่ายเพลงของเขาได้ยกฟ้องข้อกล่าวหาดังกล่าว

ในเซนต์หลุยส์เรย์ร้องเพลง ” I Can’t Stop Loving You ” ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากเพลงคันทรี และประทับใจโจ อดัมส์ ผู้ประกาศ ที่มาร่วมทัวร์ของเขา เรย์ย้ายครอบครัวไปที่เบเวอร์ลีฮิลส์และได้รู้ว่ามาร์จี้เสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาด โจทำให้วงดนตรีของเรย์ไม่พอใจ และเจฟฟ์ บราวน์ เพื่อนเก่าแก่และผู้จัดการของเขา ซึ่งเรย์ไล่ออกเพราะขโมยของ

ในปี 1965 เรย์กลับมาจากคอนเสิร์ตในมอนทรีออลและถูกจับอีกครั้งในข้อหาครอบครองเฮโรอีน เดลลาปฏิเสธข้อแก้ตัวและขอร้องให้เขาเลิกเสพยา และเขาถูกตัดสินให้เข้ารับการบำบัดการติดยาเรย์ฝันร้ายอย่างแจ่มชัดระหว่างการเลิกยา จึงเรียนรู้ที่จะเล่นหมากรุกกับดร.แฮ็กเกอร์ และแฮ็กเกอร์อธิบายให้เขาฟังว่าทนายความของเขาโต้เถียงกับผู้พิพากษาโดยตกลงที่จะพักโทษในบอสตันภายใต้เงื่อนไขว่าเขาต้องบำบัดการติดยาให้เสร็จสิ้นและตกลงเข้ารับการทดสอบยาเป็นระยะ เรย์เห็นภาพนิมิตของจอร์จและแม่ของพวกเขา ซึ่งขณะเดียวกันก็ชื่นชมที่เขาประสบความสำเร็จ แต่กลับตำหนิจอร์จที่ปล่อยให้การติดยาทำให้เขาพิการ โดยจอร์จบอกกับเรย์ว่าการตายของเขาไม่ใช่ความผิดของเขา

ผู้กำกับ

Taylor Hackford

บริษัท ค่ายหนัง

Bristol Bay Productions
Anvil Films
Baldwin Entertainment Group

นักแสดง

Jamie Foxx
Kerry Washington
Clifton Powell
Harry Lennix
Terrence Howard
Larenz Tate
Richard Schiff
Regina King

โปสเตอร์หนัง

รีวิวหนัง Ray (2004) เรย์ ตาบอด ใจไม่บอด

หนังโปรดของข้าพเจ้า

ไม่รู้จะเขียนยกย่องความยิ่งใหญ่ของ ‘เรย์ ชาร์ลส’ ยังไงดี เอาเป็นว่าตอนนิตยสาร Rolling Stone เขาจัดโหวตศิลปินยอดเยี่ยมตลอดกาลก็มีชื่อของเรย์เป็นอันดับ 10 รวมถึงการฝากผลงานเพลงฮิตขึ้นบิลบอร์ดอันดับหนึ่งจำนวนถึง 3 เพลง (Georgia On My Mind, I Can’t Stop Loving You และ Hit the Road Jack)

หนังเล่าเรื่องของ ‘เรย์ ชาร์ลส’ (Jamie Foxx) สุดยอดนักร้องนักแต่งเพลงที่ตาบอดตั้งแต่ 7 ขวบ ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นเป็นนักดนตรีอาชีพจนถึงช่วงกลางของอาชีพ ซึ่งเป็นช่วงไต่เต้าจนประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยช่วงดังกล่าวเขาต้องเผชิญปัญหาการติดเฮโรอีนและเรื่องชู้สาวระหว่างออกทัวร์

ไปอ่านบทสัมภาษณ์ของ ‘เทย์เลอร์ แฮ็คฟอร์ค’ ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เขาบอกว่าตัวเองได้สิทธิทำหนังชีวประวัติของเรย์มาตั้งแต่ปี 1987 แล้ว แต่เขาไม่สามารถหาสตูดิโอไหนจะมาออกทุนสร้างให้ ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจหาทุนสร้างทำหนังด้วยความอิสระ โดยบทหนังและการตัดต่อทั้งหมดได้รับความยินยอมจากตัวเรย์เอง (เรย์อ่านบทหนังผ่านอักษรเบรลล์ และอยู่ในการตัดต่อหนังครั้งแรก) นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่าเลือกจะเล่าชีวิตของเรย์ผ่านหนังแค่ถึงช่วงกลางของอาชีพ เนื่องจากว่าชีวิตหลังเขาเลิกเฮโรอีนได้มีแต่ความสำเร็จโดยไม่มีส่วนอื่นมาขัดแย้งเหมือนช่วงก่อนหน้าที่เจอปัญหามากมาย

ชีวิตของเรย์ในวัยเด็กไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทั้งความเป็นคนผิวดำยากจนแล้วยังตาบอดอีก แต่สิ่งที่เขาโชคดีมาก ๆ คือแม่ที่ปลูกฝังทัศนคติสู้ชีวิตให้เขาตั้งแต่เล็กว่าถึงพิการก็ต้องช่วยเหลือตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น และต้องฉลาดเพื่อจะได้ไม่ลำบากเหมือนแม่ กระนั้นในวัยเด็กเขาก็มีปมที่เป็นภาพฝังหัวมาตลอดนั่นก็คือความรู้สึกผิดต่อการเสียชีวิตของน้องชายที่จมถังน้ำโดยเขาได้แต่นิ่งเฉยไม่ช่วยเหลืออะไรเพราะนึกว่าเป็นการแกล้งเล่นของน้อง

ปมความรู้สึกผิดในวัยเด็กส่งผลให้เขาเข้าสู่วังวนทดลองใช้ยาเสพติด เขาเสพยาโดยมองว่ามันไม่ได้ทำลายอาชีพศิลปินของตัวเอง เขาไม่เคยไปทำงานสาย, เขามีความรับผิดชอบต่อทุกการแสดง, เขาอัดเพลงเทคเดียวผ่านได้สบาย ๆ ทั้งยังสร้างสรรค์ผลงานดนตรีอันยอดเยี่ยมมากมายในช่วงที่ใช้เฮโรอีน แต่เขาไม่รู้ตัวว่ามันกำลังทำลายคนรอบข้าง ทั้งชู้รักของเขาที่แอบลองใช้ยาเสพติดโดยมองเขาเป็นต้นแบบ, และภาพของสื่อมวลชนที่รุมทำลายเมื่อรู้ข่าวว่าเขาติดยาซึ่งส่งผลกระทบต่อครอบครัวของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งที่ความจริงแล้วยาเสพติดมันเป็นการแก้ปัญหาที่ผิดวิธีของเรย์ เพราะเขาสามารถไปพบจิตแพทย์เพื่อทำการบำบัดรักษาปมความรู้สึกผิดวัยเด็กเหมือนที่เขาเอาชนะจิตใจตัวเองได้หลังเลิกยาจนประสบความสำเร็จต่อเนื่องยาวนาน

เรื่องความเก่งกาจในการประพันธ์ดนตรีก็ถูกท่ายทอดผ่านในหนัง โดยมีทั้งการยกย่อง ‘อาห์เมท เออร์เทกุน’ ผู้ค้นพบพรสวรรค์และชักชวนให้เขามาอยู่ในสังกัด Atlantic Records ซึ่งอาห์เมทมีความสำคัญต่อจุดเปลี่ยนชีวิตของเรย์อีกอย่างคือการเปลี่ยนแนวร้องจากการพยายามเหมือนสองนักร้องเพลงแจ๊สชื่อดังให้กลายมาเป็นสไตล์ของตัวเอง โดยเริ่มจากการเล่นสไตรด์เปียโนได้อย่างเร้าใจ, รวมถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งที่เขาหันมาร้องเพลงคันทรี่อันโด่งดังขึ้นบิลบอร์ดอันดับหนึ่ง และที่ขาดไม่ได้คือการเป็นนักดนตรีคนแรกที่ปฏิเสธเล่นดนตรีในรัฐจอร์เจียเนื่องจากเป็นรัฐที่มีการแบ่งชนชั้นของผู้เข้าร่วมชมคอนเสิร์ตตามสีผิว เหตุการณ์นี้เป็นจุดที่ผมมองว่าทำให้เขากลายเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ที่ใช้สถานะตัวเองต่อสู้เรื่องสีผิวแม้ไม่ได้ลงเล่นการเมือง

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน Ray (2004) เรย์ ตาบอด ใจไม่บอด

Santa s Slay (2005) ซานต้ามาเป็นซาตาน

Santa Buddies (2009) แก๊งน้องหมาป่วนคริสต์มาส

Sleeping with the Enemy (1991) กระชากรักด้วยเลือด

Four Christmases (2008) คู่รักอลวนลุยคริสต์มาสอลเวง

A Bad Moms Christmas (2017) คริสต์มาสป่วน แก๊งค์แม่ชวนคึก