เรื่องย่อ : Rain Town (2023) รอยร้าวในเงาฝน ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
Rain Town (2023) ในการแสวงหาความปรารถนาและความภาคภูมิใจของตนเอง ชู หัวหน้าครอบครัว ไม่ยอมลดละความควบคุมต่อลูกๆ ที่โตแล้วอย่างไอแซค อเล็กซ์ และรูบี้ โดยไม่สนใจความฝันและความสุขของพวกเขา เมื่อไอลีน ภรรยาของเขาต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรม ครอบครัวที่เข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งที่น่าสลดใจก็ยิ่งแตกแยกมากขึ้น เรื่องราวที่น่าสะเทือนใจนี้สำรวจความสมดุลที่ละเอียดอ่อนระหว่างความทะเยอทะยานของผู้ปกครองกับความฝันของลูกๆ ดูหนังออนไลน์
เป็นเรื่องราวของครอบครัวชาวมาเลเซียในไทปิง ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำออกมาได้ดีมากจนสามารถถ่ายทอดความสวยงามของสถานที่ได้อย่างดี องค์ประกอบของเรื่องราวที่ดี ได้แก่ พ่อที่ควบคุมทุกอย่างและเข้มงวด แม่ที่อดทนและถ่อมตัว ลูกชายคนเล็กที่ไร้ความรับผิดชอบ ลูกสาวที่ใจดี และหมอที่อารมณ์ร้ายราวกับลูกชายคนโต แต่ยังมีบางอย่างที่ขาดหายไป ตัวละครดูซ้ำซากเกินไปจนไม่น่าเชื่อ นักแสดงมีพรสวรรค์แต่บทภาพยนตร์ไม่อนุญาตให้พวกเขาพัฒนาตัวละครในเชิงลึกและโทนเรื่องก็ไม่ค่อยสมจริงนัก อย่างไรก็ตาม ฉันหวังว่าผู้กำกับจะยังคงทำภาพยนตร์ต่อไปเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์มาเลเซีย
ทุกครอบครัวย่อมมีปัญหาแต่ต้นตอของปัญหาอยู่ที่ไหนจำต้องเรียนรู้และเข้าใจให้ได้ก่อนที่จะสายเกินไป เพราะทุกปัญหาต้องมีสาเหตุและแรงดึงดูดของหนังคือสาเหตุนั้นที่ควบคู่ไปกับการเห็นรอยร้าวที่ค่อยๆชัดขึ้น และอยากรู้ว่าบั้นปลายจะเป็นยังไงที่จะมีสองทางคือแตกสลายไปหรือประคองไว้ได้ให้เป็นแค่รอยร้าวไว้เตือนใจ แต่หนังยังใจดีที่เลือกทางหลังเพราะต้นตอของปัญหาได้ย้อนกลับมามองตัวเองในยามวิกฤติที่ตนไม่สามารถควบคุมอะไรได้อย่างที่คิดแล้วและรู้ตัว
ว่าอะไรคือตัวปัญหา ซึ่งความหวังดีไม่ใช่เรื่องผิดแต่ความผิดใหญ่หลวงคือการไม่รับฟังใครไม่สนใจความฝันของลูกๆจนความหวังดีนั้นเป็นความสุขของตนเองที่เป็นความเห็นแก่ตัวที่โยนความต้องการของตนเองให้ลูกๆแบก สุดท้ายเมื่อทุกอย่างจวนจะสายเกินไปจำต้องเรียนรู้และเข้าใจแม้จะเจ็บปวดแต่บางอย่างก็ไม่อาจหวนคืนจึงต้องเรียนรู้และเข้าใจ ว่าชีวิตอาจไม่ต้องมองหาความสุขในอุดมคติที่สมบูรณ์แบบจนมองข้ามความงามที่อยู่ในความจริงอันไม่สมบูรณ์แบบนั้น
ฉันดูหนังเรื่องนี้ที่ Aeon TGV ในไทปิงเพราะฉันเห็นโปสเตอร์และมันดูน่าสนใจเพราะฉันเห็นว่ามีซูซาน แลงคาสเตอร์แสดงนำ เนื้อเรื่องก็โอเค แต่ฉันรู้สึกว่าสามารถทำอะไรได้อีกมากมายเพื่อพัฒนาตัวละครแต่ละตัว เนื้อเรื่องก็ธรรมดาๆ หวังว่าจะมีอะไรพิเศษๆ ให้ดูบ้าง เพราะมีเรื่องราวความรักของคนจีนในท้องถิ่นและผู้หญิงลูกครึ่ง บางทีฉันอาจคาดหวังไว้สูงเกินไป โดยหวังว่ามันจะออกมาเหมือนหนังเกาหลี สิ่งเดียวที่น่าเศร้าสำหรับฉันคือตอนที่พ่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายที่เป็นหมอในโรงพยาบาล ฉันผิดหวังมากที่หนังไม่มีจุดเด่นอื่นๆ ของเมือง เช่น ป่าชายเลนกัวลาเซเปตัง เป็นต้น โดยรวมแล้วก็ยังพอดูได้ แต่ไม่โดดเด่นเท่าหนังของอาหมัดของยัสมิน
ความยอดเยี่ยมของหนังมาจากความเป็นคนธรรมดาจนเหมือนเป็นครอบครัวทั่วไปที่เห็นได้ทุกเมื่อเชื่อวันของทีมนักแสดง ข้อดีของหนังเรื่องนี้คือบทที่ธรรมดาสามัญจนกลายเป็นชีวิตคนธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้ตามตลาด นี่คือหนังที่เล่าเรื่องของครอบครัวชนชั้นกลางไม่ใช่คหบดีที่ไหนนักแสดงจึงต้องกลายเป็นคนธรรมดาและส่วนที่ดีเลิศคือการที่ผู้เขียนไม่เคยดูนักแสดงเหล่านี้ในหนังเรื่องอื่นมาก่อน นั่นหมายความว่านี่เหมือนไม่ใช่การแสดงแต่เป็นเหมือนการดูครอบครัวคนธรรมดาทั่วไปที่สามารถเห็นได้จากครอบครัวจริงๆที่มีหัวหน้าครอบครัวเป็นคนเชื้อสายจีนหัวเก่า ที่อาจเป็นครอบครัวเราเองหรือเป็นของคนใกล้ตัวคนรู้จักแต่อย่างน้อยจะต้องได้สัมผัสมาบ้างยิ่งทำให้การดูหนังเรื่องนี้เป็นความสามัญดั่งชีวิตคนจริงมากกว่า และการแสดงที่ต้องยอมรับว่ามีเสน่ห์ในแบบคนธรรมดาของนักแสดงรุ่นหนุ่มและความเฉียบขาดของนักแสดงรุ่นใหญ่ของประเทศเพื่อนบ้านอย่างชิวกินหวา และ Susan Lankester ที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน
กลายเป็นงานนอกสายตาแต่สร้างความประทับใจแม้ว่าจะคล้ายกับหนังไต้หวันมากจนเกือบคิดว่าใช่ ความจริงผู้เขียนก็พอเคยดูหนังมาเลเซียมาบ้างแต่ความรู้สึกบางอย่างไม่ใช่แบบนี้ทั้งโทนเรื่องการเล่าเรื่องบทหนังและโทนสี หรืออาจมีหนังมาเลเซียดีๆแบบนี้แต่ผู้เขียนไม่เคยดูก็ไม่ทราบแต่หนังเรื่องนี้อาจต้องยอมรับว่าสัมผัสทางใจเหมือนหนังไต้หวันมากอาจเพราะพูดภาษาจีน (ปนอังกฤษ) หรืออาจเพราะหนังเล่าเรื่องของครอบครัวจีนชนชั้นกลางที่เห็นบ่อยๆในหนังไต้หวันง่ายๆคือดูแล้วก็คิดถึง A Sun (2019) หรือ Little Big Women (2020) เพราะเนื้อหาว่าด้วยปัญหาที่ซ่อนอยู่ในความปกติของครอบครัวที่ฉากหน้า
เหมือนเป็นครอบครัวในอุดมคติที่สมบูรณ์แบบ เพราะพ่อที่ทำงานจนเกษียณมีลูกคนโตเป็นหมอลูกๆอีกสองคนเรียบจบปริญญาที่เป็นที่น่าภาคภูมิใจแต่หารู้ไม่ว่าความฝันและชีวิตเป็นเรื่องของใครของมันที่จะต้องไล่ตามและแบกรับด้วยตัวเอง เพราะการมีลูกเลี้ยงดูลูกเพื่อให้ลูกมีความสุขมิใช่เพื่อให้ลูกทำเพื่อเรามีความสุขด้วยการแบกภาระความฝันของคนรุ่นเราหนังอาจกำลังบอกกับเราแบบนี้
ผู้เขียนเคยบ่นมาหลายครั้งแล้วกระมังว่าทุกชาติทุกภาษาที่มีอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของตนเองย่อมต้องมีงานดีงานแย่ปะปนกัน ขึ้นอยู่กับว่าคนดูอย่างเราๆจะได้เจอกับงานแบบไหนเหมือนที่ผู้เขียนเจอหนังเรื่องนี้เพราะความเข้าใจผิด เพราะหนังเรื่องต่อไปนี้เป็นหนังจากประเทศเพื่อนบ้านคือมาเลเซียที่ผู้เขียนยอมรับว่าผ่านตาหนังจากประเทศนี้มาบ้างก็ไม่ได้มีอะไรน่าประทับใจเป็นพิเศษ แถมถ้ารู้มาก่อนว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังมาเลเซียอาจลังเลที่จะดูเพราะประสบการณ์ที่
ผ่านมาร่วมกันยังไม่ค่อยดีนัก ทว่าเมื่อตอนที่ผู้เขียนเปิดเจอสัมผัสทางสายตาชวนคิดว่าเป็นหนังไต้หวันด้วยโทนสีและภาษาจีนที่ผู้เขียนแยกไม่ออกว่าอันไหนจีนกลางอันไหนกวางตุ้งเพราะผู้เขียนเป็นชายกลางคนที่อยู่ภาคเหนือของประเทศไทย แล้วเมื่อเปิดดูด้วยความเข้าใจผิดว่าเป็นหนังไต้หวันแต่พลันที่รู้ว่าเป็นหนังมาเลเซียก็กลายเป็นว่าถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว แม้เวลาของหนังจะผ่านไปไม่นานแต่มีบางอย่างดึงดูดผู้เขียนให้ติดตามได้และอดไม่ได้ที่จะต้องเขียนถึงตรง
พื้นที่นี้ไตปิงคือเมืองที่อยู่ในรัฐเประประเทศมาเลเซียโดยขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ชุ่มชื้นที่สุดในประเทศด้วยความที่มีปริมาณฝนต่อปีมากจนได้ชื่อว่าเป็น และเรื่องราวต่อไปนี้คือเรื่องของรอบครัวจูที่มีหัวหน้าครอบครัวเป็นชายชราเชื้อสายจีนคือจูกัมหวา (ชิวกินหวา) ที่มีภรรยาเป็นลูกครึ่งฝรั่งไอลีน (Susan Lankester) ทั้งคู่มีลูกสามคนคือไอแซค (ฟาเบียน ลู) ลูกชายคนโตที่เป็นแพทย์ประจำบ้านในโรงพยาบาลกับอเล็กซ์ (วิลสัน ลี) ลูกชายคนกลางที่ยังไม่มีงาน
ทำและรูบี (พอลลีน ตัน) ลูกสาวคนเล็กที่ทำขนมขายแต่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวหัวเก่าเต็มที่โดยมีพ่อที่หัวโบราณออกแนวเผด็จการในบ้านที่ครอบงำทุกอย่างไว้โดยมีแม่ที่เข้าใจลูกๆคอยประคอง กระนั้นเมื่อทุกอย่างมันถูกกักขังความเก็บกดจึงต้องมาเมื่อลูกๆเข้าสู่วัยผู้ใหญ่จึงเหมือนมีความอดทนอยู่ในบางอย่าง จนเมื่อความอดทนนั้นสุกงอมปัญหาจึงกลายเป็นรอยร้าวจนทำให้ครอบครัวที่น่าจะอบอุ่นเพียบพร้อมสุ่มเลี่ยงต่อการล่มสลายเพราะ
ใคร…เหมือนร้อยเรียงชีวิตจริงที่เหมือนจริงจนจะเอื้อมมือไปสัมผัสได้ประมาณภาพสะท้อนในกระจกเงา นี่คือหนังที่เหมือนกับดูครอบครัวจีนหัวเก่าที่อยู่ข้างบ้านมากกว่าการดูภาพยนตร์สักเรื่องเพราะบทหนังเหมือนกับหยิบเอาเรื่องจริงมาเล่า แน่นอนที่มันออกมาจริงปานนี้คงเพราะเรื่องแบบนี้มีให้เห็นทั่วไปในสังคมโดยเฉพาะบ้านเราและบ้านเขาที่มีบางอย่างทางบริบทใกล้เคียงกันทำให้เหมือนใกล้ตัวจนเกือบเอื้อมมือไปสัมผัสได้ แน่นอนอีกเช่นกันที่บทหนังตั้งใจมาเป็นกระจก
สะท้อนสังคมปัจจุบันที่การปะทะกันทางความคิดของคนสองรุ่นที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเชิงทัศนคติ ที่เหมือนเป็นการมองภาพสะท้อนของครอบครัวเชื้อสายจีนจริงๆที่เคร่งขนบและหัวโบราณที่กลายเป็นความล้าหลังในทัศนคติของคนรุ่นใหม่ และเพราะนี่คือหนังดราม่าครอบครัวที่หยิบเอาเรื่องทั่วไปเรื่องของชนชั้นกลางที่เหมือนมีครอบครัวในอุดคติแต่มีบางอย่างซ่อนไว้ในความปกติ จึงเหมือนกับเป็นร้อยร้าวที่อยู่ในเงาฝนของเมืองแห่งสายฝนคือไตปิงได้อย่างยอดเยี่ยม
ในการแสวงหาความปรารถนาและความภาคภูมิใจของตนเอง ชู หัวหน้าครอบครัว ไม่ยอมลดละความควบคุมลูกๆ ที่โตแล้วอย่างไอแซค อเล็กซ์ และรูบี้ โดยไม่สนใจความฝันและความสุขของพวกเขา เมื่อไอลีน ภรรยาของเขาต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรม ครอบครัวที่เข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งที่น่าสลดใจก็ยิ่งแตกแยกมากขึ้น เรื่องราวที่น่าสะเทือนใจนี้สำรวจความสมดุลที่ละเอียดอ่อนระหว่างความทะเยอทะยานของผู้ปกครองกับความฝันของลูกๆ
มีปัญหาใหญ่สองประเด็น ประการแรกคือภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่สามารถทำตามคำสัญญาในชื่อ (หรือการตลาดก็ได้) ทั้งฝนและเมืองไม่ได้เป็นตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้ พวกเขาไม่ได้มีบทบาทในการขับเคลื่อนเรื่องราว และจบลงด้วยการเป็นเพียงฉากประกอบเท่านั้น (ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ) ประการที่สอง ซึ่งเป็นจุดที่บทภาพยนตร์ล้มเหลวอย่างแท้จริง ก็คือภาพยนตร์เรื่องนี้ขาดมุมมอง ไม่มีเสียงหลัก ไม่มีจุดยึดทางอารมณ์ มีเพียงความดราม่าที่ผสมผสานกันซึ่งผลักดันให้พล็อตเรื่องพื้นฐานที่คาดเดาได้ไปสู่จุดจบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่แย่ แต่เป็นโอกาสที่พลาดไป
ซูซาน แลงคาสเตอร์เป็นคนที่เก่งที่สุดในการทำเพลง “Get Out”Raintown มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมาเลเซียอย่างชัดเจน โดยมีธีมและเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจซึ่งส่งผลกระทบอย่างมาก การได้เห็นผู้กำกับชาวมาเลย์กำกับภาพยนตร์กวางตุ้งถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก
แม้ว่าตัวละครที่โดดเด่นของเมืองจะถูกลบออกไปจากภาพยนตร์ไปมาก แต่ไทปิงก็ทำหน้าที่เป็นเพียงฉากหลังทั่วๆ ไปที่สามารถถูกแทนที่ด้วยเมืองเล็กๆ อื่นๆ ในมาเลเซียได้ ส่วนภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ดำเนินเรื่องตามโครงเรื่องทั่วๆ ไปเช่นกัน
การแสดงที่แข็งแกร่งของนักแสดงอาวุโสอย่างซูซาน แลงเคสเตอร์และชิวคินวาห์ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความลึกซึ้งทางอารมณ์ที่ *ช่วยให้* ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เป็นเพียงภาพยนตร์ดราม่าน้ำเน่าที่เราคุ้นเคยใน RTM Cerekaramas เท่านั้น