เรื่องย่อ : Pulp Fiction (1994) เขย่าชีพจรเกินเดือด ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
ดูหนัง Pulp Fiction (1994) เขย่าชีพจรเกินเดือด ชีวิตของนักฆ่ามาเฟียสองคน นักมวย นักเลง และภรรยาของเขา และโจรร้านอาหารอีกคู่หนึ่งเกี่ยวพันกันในเรื่องราวความรุนแรงและการไถ่บาปสี่เรื่อง จูลส์ วินน์ฟิลด์ (ซามูเอล แอล. แจ็กสัน)และ วินเซนต์ เวก้า (จอห์น ทราโวลต้า)คู่หูมือปืนได้รับภารกิจจากหัวหน้ากลุ่มอาชญากร มาเซลลัส วอลเลค (วิง เรมส์) โดยให้นำเอากระเป๋าเดินทางที่ถูกขโมยไปกลับคืน
และยังสั่งให้เอาภรรยาสาว มีอา วอลเลค (อูม่า เธอร์แมน) ไปเที่ยวตอนไม่อยู่ด้วย อีกด้าน บุตช์ คูลิดจ์ (บรู๊ซ วิลลิส) รับค่าจ้างให้ล้มมวยจาก มาเซลลัส วอลเลค แต่พอชกจริงกลับทำให้คู่ต่อสู้เสียชีวิตโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงต้องหนีหัวหน้าอาชญากรแต่ว่าลืมนาฬิกาของพ่อจึงต้องกลับไปเอา ขณะเดียวกัน พัมคิน (ทิม รอธ) และ ฮันนี่ บันนี่ (อแมนด้า พลัมเมอร์) คู่รักที่ตัดสินใจปล้นร้านอาหารที่ทั้งสองกำลังบริการอยู่ แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด ชีวิตของคนหลากหลายที่ดูไม่เกี่ยวโยงกัน ได้บรรจบในที่สุด ดูหนังออนไลน์
เควนติน แทแรนติโน
มิราแม็กซ์ ฟิล์ม
จอห์น ทราโวลต้า
ซามูเอล แอล. แจ็กสัน
อูม่า เธอร์แมน
ฮาร์วีย์ เคย์เทล
ทิม รอธ
อแมนด้า พลัมเมอร์
มาเรีย เดอ เมดีรอส
วิง เรมส์
อีริก สตอลต์ซ
โรแซนน่า อาร์เควตต์
คริสโตเฟอร์ วอลเคน
บรู๊ซ วิลลิส
“ถ้าไม่เป็นอะไรช่วยพูดอะไรสักอย่างได้ไหม”
“สักอย่าง”
หลังจากที่หนังเรื่อง Reservoir Dogs ได้ออกฉายและประสบความสำเร็จนั้น ทำให้เควนติน ตาแรนติโน่กลายเป็นผกก.หน้าใหม่ที่หลายคนจับตามองในช่วงนั้น ไม่ได้เป็นเพราะความฟลุ๊คหรือโชคดีแต่ยังใดที่ตัวหนังสามารถทำเงินออกมาได้ ทั้งๆที่เป็นผกก.โนเนมมากๆ
และนั้น ทำให้เขามีไอเดียที่จะเขียนบทหนังเรื่องใหม่ ด้วยความที่ตัวพล็อทนั้น ค่อนข้่างมีสเกลและเนื้อเรื่องที่ดูยิ่งใหญ่มากกว่า RD หลายเท่านั้น ทำให้เขาเขียนบทหนังเสร็จและเริ่มทำหนังเรื่องนั้น โดยมีทุนสร้างแค่ 8 ล้านเหรียญ !!!!
จริงครับ เรื่องจริงครับ ทุนสร้างแค่ 8 ล้านเหรียญนั้นพอที่จะสร้างหนังสยองขวัญทุนต่ำมากกว่า ดีไม่ดีทุนแค่นี้อาจจะสร้างหนังสั้นเรื่องหนึ่งได้สบายๆ แต่เควนติน ตาแรนติโน่ทำได้ครับ แค่ 8 ล้านเหรียญแต่สามารถสร้างหนังเรื่องหนึ่งที่สามารถทำเงินออกมาได้ถึง 213 ล้านเหรียญ และยังไปได้ชิงออสการ์อีก !!!!
ถือว่าเจ๋งมากๆในยุคนั้น (และคงจะเป็นในยุคนี้ด้วย) ที่ 8 ล้านเหรียญนั้นสามารถสร้างหนังออกมาทำเงินมากกว่าผลงานเรื่องแรกของเขาซะอีกและแถมยังไปคว้ารางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปี 1994 ซะอีก ซึ่งนั้น ทำให้ผมลองควานหาหนังเรื่องมาดูจนได้
และนั้น ทำให้ผมทึ่งไปกับหนังเรื่องนี้จนได้…..
Pulp Fiction เล่าด้วยเรื่องราวแบบชุลมุนระหว่าง เหตุการณ์เริ่มต้นจากสองคู่หูนักฆ่า วินเซนต์ เวก้า (จอห์น ทราโวต้า) และ จูลส์ วินฟิลด์ (ซามัวแอล แจ็คสัน) ที่ได้รับจ้างวานจากเจ้าพ่อมาเฟียนาม มาร์เซลลัส วอลเลซ (วิง แรห์มส์) ให้ไปเก็บเด็กหนุ่มที่ทรยศเจ้านายและขโมยกระเป๋าไปด้วย
และในขณะเดียวกันกันนั้น มาร์เซลลัสต้องการให้วินเซนต์คอยพาภรรยาของเขา มีย่า วอลเลซ (ยูมา เทอร์แมน) ออกไปท่องราตรีและคอยเฝ้าอารักขาภรรยาของเขาคืนหนึ่ง เพราะมาร์เซลลัสมีธุระที่ต้องออกไปเมือง ซึ่งนั้นก็อาจเป็นคืนแห่งฝันร้ายและกดดันสุดๆของวินเซนต์เลยก็ได้…
และในขณะเดียวกันนั้น บุตซ์ คูลลิดจ์ (บรู๊ซ วิลลิซ) นักมวยที่ดันผิดสัญญากับมาร์เซลลัสว่าจะโดนน็อคในยก 5 แต่กลับกลายเป็นว่าไปน็อคคู่แข่งจนถึงตายเลย นั้นทำให้เขาโดนไล่ล่าจากพรรคพวกของมาร์เซลลัสไปด้วย
ในขณะเดียวกันนั้น พัมพ์กิน (ทิม รอธ) และ ฮันนี่ บันนี่ (อแมนด้า พลัมเมอร์) สองสามีภรรยาสุดแสบ คิดวางแผนที่จะปล้นร้านอาหาร ที่เขามานั่งทานอาหารนั้นแหละ !!!
และเรื่องราวสุดชุลมุนนั้นจะเป็นยังไง
โครตติดตามครับ !!!!!!!!!!
เชื่อไหมครับ เนื้อเรื่องย่อที่ผมเขียนไปเมื่อสักครู่นี้ มันไม่ได้เรียงกันแบบที่ผมเขียนเลยนะครับ เพราะว่าหนังเรื่องนี้มีหลายเหตุการณ์และเควนตินเองก็ดูเหมือนจะ”เล่นตลก”กับคนดูนิดๆ โดยให้เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์นั้น ไปอยู่ช่วงต้นบ้าง ช่วงท้าย ช่วงกลางเรื่องบ้าง ถ้ายังไม่เข้าใจนั้น จะพูดง่ายๆคือ แทนที่หนังจะเรียงไป 1234 นั้น เควนตินไปเรียง 4132 แทน !!!
จะว่าไปจริงๆแล้ว ผลงานเรื่องแรกของเควนตินนั้นคือ Reservoir Dogs นั้น ก็มีการดำเนินที่คล้ายๆกันแบบ Pulp Fiction นะครับ แต่สำหรับ Reservoir Dogs? นั้น ดูเหมือนการเล่าย้อนไปย้อนมาซะมากกว่า ไม่ใช่เรียงเหตุการณ์มั่วซั่วไปหนังเรื่องนี้
และดูเหมือนว่าไอการที่ตัวหนังมันเรียงไปคนละทิศคนละทางนั้น มันดันเป็นสเน่ห์อย่าหนึ่งในหนังเรื่องนี้ (จนบางครั้งเอง ก็อยากให้เฮียเควนตินแกทำหนังแบบนี้อีกนะ ชอบๆ) ด้วยการดำเนินเรื่องแบบเรียงเหตุการณ์แบบนี้นั้น มันก็มีข้อดีที่ดีจริงๆนั้น คือการดำเนินเรื่องไม่ให้ผู้ชมเดาทางถูกว่าจะเป็นยังไง ลุ้นเกรงกันไปข้างหนึ่ง ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้มีตอนจบที่หักมุม แต่ตัวหนังก็สามารถทำให้คนดูเดาทางหนังไม่ถูกว่า หนังมันจะไปในทางไหนกันแน่ (ก็เล่นเรียงเหตุการณ์แบบกวนๆนี่ 555555)
แต่ในขณะเดียวกันนั้น เควนติน ตาแรนติโน่ ก็ยังไม่ลืมที่จะใส่เอกลักษณ์ของตนเองไปร่วมในหนังเรื่องนี้ด้วย นั้นคือการมีบทสนทนาที่เยอะจนเต็มเรื่อง เชื่อว่าหลายคนคงจะเกลียดหนังแนวพูดเยอะ ต่อยน้อย มากๆเลย เพียงเพราะบทพูดที่ดูยืดยาดและน่าเบื่อเกินไป แต่เควนติน ตาแรนติโน่นั้น ทำบทสนทนาน่าเบื่อๆให้กลายเป็นบทสนทนาที่น่าสนใจและออกแนวกวนโอ้ยในเวลาเดียวกันได้อย่างลงตัวทีเดียว
ยกตัวอย่างฉากต้นเรื่องที่ มีสามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย และก็คุยกันเรื่อง ”การปล้น” อย่างเมามันถ้าเป็นคนอื่่นคงนอนสลบไปแล้ว แต่ถ้าสังเกตุดีว่าๆบทพูดของเขานั้นมีไดอะล็อกที่ชวนน่าสนใจ ทำให้บทพูดในร้านอาหารตอนต้นนั้น มีความน่าสนใจไม่ใช่น้อย ยกตัวอย่างบทสนทนาหนึ่งมาแล้วกัน
”พัมพ์ : เคยมีคนหนึ่งส่งมือถือให้กับพนักงานแล้วคนในสายบอกว่าจับลูกสาวเอาไว้ให้ส่งเงินมาไม่งั้นลูกสาวแกตาย
ฮันนี่บันนี่ : ได้ผลไหม
พัมพ์ : ได้ผลสิ ไอ้นั้นเดินแค่เดินเข้าแบงค์พร้อมกับมือถือ ไม่มีปืนไม่มีอาวุธ มีแค่โทรศัพท์เครื่องเดียว มันปล้นแบงค์ได้โดยที่ไม่เหน็ดเหนื่อยเลย”
แค่นี้ก็ดูเหมือนว่าบทสนทนานี้เป็นบทสนทนาที่ดูจริงจังและใช้ประโยชน์จากการมองข้ามสิ่งเล็กๆไป นั้น แค่นี้ก็ดูเหมือนเป็นวิธีการบางอย่างที่ทำให้เรารู้ว่า สองคู่นี้มาทำอะไรกันแน่ (นึกแล้ว ถ้าปล้นแบบนี้แล้วได้ผลจริง โดยที่ไม่ได้เตรียมอาวุธหรือเด็กอะไรนั้นเลยหละก็ นั้นถือว่าเป็นประวัติศาสตร๋การปล้นยิ่งใหญ่ โดยมีแค่โทรศัพท์ฺเครื่องเดียวเลยก็ได้)
เชื่อเลยว่า มักมีคนดูกลุ่มหนึ่งดูหนังเรื่องนี้แล้วหละก็ ประมาณ 20 นาทีก็สลบน็อคไปเรียบร้อยเลยแน่ๆ หรือไม่ก็มีคนที่หยิบรีโมทและกลอไปเรื่อยๆถึงฉากมันส์ๆ แต่ก็มีไม่กี่ฉาก (เชื่อว่าหลายคนหลวมตัวมาดูเรื่องนี้เพราะมันต้องเป็นหนังแอคชั่นแน่ๆ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ตอบโจทย์คอบู๊เลย 555555) แนะนำว่าให้ลองหาหรือเสพหนังเควนตินเกือบทุกๆเรื่องเข้าไว้ หรือไม่ก็ลองเปิดใจดูหนังเรื่องนี้อีกรอบ และสังเกตุและฟังบทพูดเข้าไว้ ฟังไปเรื่อยๆ และันั้นแหละ จะทำให้ึคุณสนใจ
นอกจากนี้แล้ว เควนติน ตาแรนติโน่เป็นผกก.นักแหกคอกแห่งวงการฮอลลีวูดเลยก็ว่าได้ สังเกตุได้จากหนังเรื่องนี้ (นี่อาจเป็นต้นแบบฉายาของเขาเลยก็ได้นะ) ทั้งๆที่ตัวหนังเป็นหนังแนว Gangster เต็มตัว แทนที่ตัวเพลงประกอบจะมาในแนวเท่ห์ๆ แต่เพลงประกอบนั้น ส่วนมากจะไปในทาง คาวบอยแจ๊ซหรือ เพลงสบายๆในช่วงยุค 60 ซะมากกว่า (โดยเฉพาะเพลงเปิดฉากไตเติลของเรื่องนั้น ฮิตติดหูมากๆซะจนรายการ,ละคร แม้กระทั่งหนังยังเคยเอาไปใช้แล้ว)
Disturbing the Peace (2020) ปิดเมืองปล้น
Goodfellas (1990) คนดีเหยียบฟ้า
Horrible Bosses (2011) รวมหัวสอย เจ้านายจอมแสบ