Mission Impossible Dead Reckoning Part One (2023) มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง

Mission Impossible Dead Reckoning Part One (2023) มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง

เรื่องย่อ

ดูหนังออนไลน์ Mission Impossible Dead Reckoning Part One (2023) มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง เรื่องราวของ Ethan Hunt (Cruise) และ IMF ที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามใหม่จาก Gabriel (Esai Morales) วายร้ายที่ต้องการใช้อาวุธทรงอานุภาพที่สามารถควบคุมอนาคตและชะตากรรมของโลกให้เป็นไปตามผู้ที่ครอบครอง การไล่ล่าสุดขอบโลกนี้ได้นำพาให้ Ethan Ethan เองอย่าง Gabriel ที่ซึ่งทำให้เขาต้องตัดสินใจว่าจะเลือกอะไร ระหว่างภารกิจปกป้องคนนับล้าน หรือชีวิตของคนที่เขาห่วงใยมากที่สุด

เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นสายลับอเมริกันปี 2023 กำกับโดย Christopher McQuarrie จากบทภาพยนตร์ที่เขาเขียนร่วมกับ Erik Jendresen มันเป็นภาคต่อของ Mission: Impossible – Fallout (2018) และภาคที่ 7 ของภาพยนตร์ซีรีส์ Mission: Impossible นำแสดงโดยทอม ครูซในบทอีธาน ฮันท์ ร่วมกับนักแสดงทั้งเฮย์ลีย์ แอตเวลล์, วิง ราเมส, ไซมอน เพ็กก์, รีเบคก้า เฟอร์กูสัน, วาเนสซ่า เคอร์บี, เอไซ โมราเลส, ปอม เคลเมนเทียฟ, มารีลา การ์ริกา และเฮนรี่ เซอร์นี ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ฮันต์และทีม IMF ของเขาต้องเผชิญหน้ากับ “เอนทิตี” ซึ่งเป็น AI อันธพาลอันทรงพลัง

ในเดือนมกราคม ปี 2019 ครูซได้ประกาศภาพยนตร์ Mission: Impossible สองเรื่องถัดไปที่จะถูกถ่ายทำติดต่อกัน โดยแม็คควอร์รีเขียนบทและกำกับทั้งสองเรื่อง หลังจากนั้นไม่นานก็มีการประกาศสมาชิกที่กลับมาและนักแสดงใหม่ และลอร์น บัลฟ์ ผู้แต่งดนตรีประกอบให้กับ Fallout ก็กลับมาทำดนตรีประกอบ การถ่ายทำเริ่มในอิตาลีในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 แต่ต้องหยุดลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

จะกลับมาดำเนินการต่อในปีนั้นและปิดในเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 โดยมีสถานที่ถ่ายทำอื่นๆ รวมถึงนอร์เวย์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในซีรีส์นี้นับตั้งแต่ Mission: Impossible 2 (2000) ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ J. J. Abrams และเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในซีรีส์ที่ไม่ได้ผลิตโดย Bad Robot Productions ของ Abrams นับตั้งแต่ Mission: Impossible III (2006) ด้วยงบประมาณราว 291 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นภาพยนตร์ที่แพงที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยสร้างมา

Dead Reckoning Part One ฉายรอบปฐมทัศน์บน Spanish Steps ในโรมเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2566 และเข้าฉายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 โดยพาราเมาท์ พิคเจอร์ส ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์และทำรายได้ทั่วโลกกว่า 567.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากงบประมาณโดยรวมและการแข่งขันจากปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม “Barbenheimer”

ทำให้ทำผลงานได้ไม่ดีนักในบ็อกซ์ออฟฟิศ ในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 96 ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขาเสียงยอดเยี่ยมและเอฟเฟกต์ภาพยอดเยี่ยม กลายเป็นภาพยนตร์ Mission: Impossible เรื่องแรกที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสองครั้งในงาน British Academy Film Awards ครั้งที่ 77 และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงอีกสี่ครั้ง รวมถึงภาพยนตร์แอ็คชั่นหรือภาพยนตร์ผจญภัยยอดเยี่ยมในงาน Saturn Awards ครั้งที่ 51 ภาคต่อมีกำหนดฉายวันที่ 23 พฤษภาคม 2025

Sevastopol ซึ่งเป็นเรือดำน้ำล่องหนของรัสเซียยุคใหม่ ใช้ AI ขั้นสูง ซึ่งทำงานโดยกุญแจรูปกางเขนสองชิ้น AI หลอกลวงลูกเรือให้โจมตีเป้าหมายหลอก แต่กลับโดนตอร์ปิโดของตัวเองโจมตี ทำให้ทุกคนบนเรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ IMF อีธาน ฮันท์ เดินทางไปยังพื้นที่ว่างเปล่าของทะเลทรายอาหรับ และนำชิ้นส่วนสำคัญกลับมาจากอิลซา เฟาสต์ เจ้าหน้าที่ MI6 ที่ไม่ยอมรับได้สำเร็จ และยังแกล้งทำเป็นการตายของเธอเพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะรอดชีวิตจากเงินรางวัลที่มาจากแหล่งที่ไม่รู้จัก

ย้อนกลับไปในวอชิงตัน ดี.ซี. อีธานแทรกซึมในการบรรยายสรุปของชุมชนข่าวกรองสหรัฐฯ ให้กับผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ เดนลิงเจอร์ เพื่อหารือเกี่ยวกับ AI ที่รู้จักกันในชื่อ “เอนทิตี” ยูจีน คิททริดจ์ ผู้อำนวยการ CIA กล่าวว่าเอนทิตีประสบความสำเร็จและสามารถจัดการกับไซเบอร์สเปซได้ ทำให้สามารถควบคุมเครือข่ายข่าวกรองด้านกลาโหมและการเงินทั่วโลกได้ มหาอำนาจโลกแข่งขันกันเพื่อให้ได้มาซึ่งกุญแจรูปกางเขนเพื่อควบคุมเอนทิตี แม้ว่าจะไม่ทราบวิธีการควบคุมที่แน่นอนก็ตาม

อีธานเปิดเผยตัวเองและพูดคุยกับคิททริดจ์ ซึ่งเขาอนุมานได้ว่าคิททริดจ์วางเงินรางวัลของอิลซาและระบุความตั้งใจที่จะทำลายเอนทิตี โดยรู้ว่าพวกเขาจะถือว่าเป็นคนโกงและกำลังเข้าร่วมการแข่งขันระดับโลก อีธานและเพื่อนร่วมทีม IMF ของเขา เบนจิ ดันน์ และลูเธอร์ สติกเคลล์ เดินทางไปสนามบินนานาชาติอาบูดาบีเพื่อสกัดกั้นผู้ถือชิ้นส่วนสำคัญอีกชิ้น ขณะเดียวกันก็หลบเลี่ยงสายลับสหรัฐฯ ในระหว่างการไล่ล่า ชิ้นส่วนสำคัญถูกขโมยไปโดยเกรซ หัวขโมยมืออาชีพ ขณะที่ลูเธอร์และเบนจิปลดอาวุธนิวเคลียร์หลอกลวง

อีธานสงสัยว่าเล่นผิดกติกาหลังจากได้เห็นเกเบรียล ผู้ประสานงานเอนทิตี้ซาดิสม์ที่มีความเกี่ยวข้องกับอดีตก่อน IMF ของเขา เมื่อยกเลิกภารกิจ ทีมจึงกระจัดกระจายและเกรซหนีไปโรม เกรซถูกจับกุมเมื่อมาถึง แต่อีธานช่วยเหลือเธอจากหน่วยงานท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และปารีส ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของเอนทิตี เกรซหนีไปอีกครั้ง ขณะที่อีธานพบกับลูเธอร์และเบนจิ โดยอิลซาก็กลับมาสมทบอีกครั้ง เมื่อเบนจี้และลูเธอร์ให้การสนับสนุน อีธานและอิลซาติดตามเกรซไปยังเวนิส ซึ่งพวกเขาแทรกซึมเข้าไปในงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นโดยนักค้าอาวุธอลันนา มิตโซโพลิส

เมื่อฝ่ายปลอมตัวเป็นนายหน้าซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยนิติบุคคล ทุกกลุ่มจึงเปิดเผยบทบาทของตนในการได้รับกุญแจฉบับสมบูรณ์ เกรซได้รับการว่าจ้างจากอลันนาให้ขโมยชิ้นส่วนกุญแจอีกชิ้นเพื่อผลิตกุญแจที่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจะขายให้กับผู้ซื้อของเธอในวันรุ่งขึ้นด้วยรถไฟ Orient Express กาเบรียลประกาศว่าเขาจะครอบครองกุญแจที่เสร็จสมบูรณ์ในวันรุ่งขึ้นผ่านทางเอนทิตี และอิลซาหรือเกรซจะตาย อีธานพยายามห้ามอลันนาจากการขายไม่สำเร็จ ทำให้เกเบรียลและเกรซหลบหนีไปได้ อีธานติดตามเกรซ แต่เอนทิตีเจาะข้อมูลการสื่อสารของพวกเขาและปลอมตัวเป็นเบนจิ

ทำให้เขาต้องต่อสู้กับปารีสซึ่งเขาไว้ชีวิต ขณะเดียวกัน กาเบรียลทำให้เกรซไร้ความสามารถและสังหารอิลซา ทำลายล้างอีธานผู้สาบานว่าจะแก้แค้นให้ได้ เกรซตกลงที่จะแอบอ้างเป็นอลันนาและรับกุญแจในระหว่างการขาย ลูเทอร์ออกจากสถานที่นอกเครือข่ายเพื่อป้องกันการแทรกแซงจากเอนทิตี โดยแนะนำให้อีธานปล่อยเกเบรียลให้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเอนทิตี บนรถไฟ กาเบรียลฆ่าลูกเรือเครื่องยนต์ และทำลายคันเร่งและเบรก เมื่ออยู่ที่ปารีส กาเบรียลได้พบกับเดนลิงเกอร์ ซึ่งเปิดเผยข้อมูลที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้เพื่อพยายามสร้างพันธมิตรระหว่างตัวเขากับเอนทิตี

เดิมทีเป็นอาวุธไซเบอร์ขั้นสูงที่พัฒนาโดยสหรัฐฯ เอนทิตีกลายเป็นคนโกงหลังจากนำไปใช้ต่อต้านเซวาสโทพอล กุญแจที่เสร็จสมบูรณ์จะปลดล็อคห้องภายในเรือที่มีซอร์สโค้ดของเอนทิตี ปล่อยให้มันถูกทำลายหรือควบคุมได้ ต่อมากาเบรียลก็สังหารเดนลิงเกอร์และพยายามฆ่าปารีสเมื่อเอนทิตีตัดสินใจว่าเธอจะทรยศต่อพวกเขาหลังจากที่อีธานไว้ชีวิตเธอ เกรซปลอมตัวเป็นอลันนานำกุญแจไปให้คิททริดจ์ โดยเปิดเผยว่าเป็นผู้ซื้อ และเจรจาการขายมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ควบคู่ไปกับการปกป้องตัวเธอเอง

แต่ล้วงกระเป๋ากุญแจจากคิททริดจ์หลังจากยกเลิกการโอน อีธานกระโดดร่มขึ้นไปบนรถไฟเพื่อช่วยเกรซ แต่เกเบรียลได้กุญแจมา อีธานและเกเบรียลต่อสู้กันบนรถไฟ แต่เกเบรียลหนีออกมาได้และระเบิดสะพานข้างหน้า เกรซและอีธานแยกหัวรถจักรออกจากส่วนที่เหลือของรถไฟ ช่วยผู้โดยสารได้ ปารีสช่วยทั้งคู่จากการล้มและบอกอีธานเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของกุญแจกับเซวาสโทพอลก่อนที่จะหมดสติไป เกรซแจ้งให้คิททริดจ์ทราบถึงความปรารถนาที่จะเข้าร่วม IMF อีธานหนีจากซากเครื่องบินด้วยร่มร่อนพร้อมกุญแจที่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งเขานำมาจากกาเบรียลระหว่างการต่อสู้ และนัดพบกับเบนจิเพื่อทำภารกิจค้นหาเซวาสโทพอลและทำลายเอนทิตีต่อไป

ผู้กำกับ

คริสโตเฟอร์ แมคควอรี

บริษัท ค่ายหนัง

• Skydance
• TC Productions

นักแสดง

• ทอม ครูซ
• เฮย์ลีย์ แอตเวลล์
• วิง ราเมส
• ไซมอน เพกก์
• รีเบกกา เฟอร์กูสัน
• วาเนสซา เคอร์บี
• เฮนรี แชร์นี

โปสเตอร์หนัง

รีวิวหนัง

Kajornkittibaramee Amonranut

รีวิว Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One คะแนน 10 เต็ม 10 คะแนน เรื่องแรกตั้งแต่ดูภาพยนตร์มาเลย

นี่คือภาพยนตร์แอ็คชั่นที่ต้องการความเข้มข้นของเนื้อหาให้จริงจัง อึดอัด หลากอารมณ์ได้ลงตัวในเรื่องเดียว และไม่น่ามีภาพยนตร์แฟรนไชส์ไหนที่สามารถยกระดับภาพยนตร์ของตนเองให้สูงไปทุกก้าวได้ขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่ดูหนังสายแอ็คชั่นมาเลย

ส่วนเรื่องฉากเสี่ยงตาย การถ่ายด้วยรถไฟจริงๆ คือสุดมาก ภาพสวยแทบจะทั้งเรื่องซึ่งเป็นสิ่งที่ ภาพยนตร์ฮีโร่ไม่สามารถทำได้ในด้านความสวยสมจริง

ภาพยนตร์แห่งปี 2023 ที่ดูมาและชอบสุดเลย (ก่อนเสด็จพ่อจะฉายโรง)

Korn Spoil-Saga

รีวิวภาพยนตร์ Mission: Impossible- Dead Reckoning Part One ลำดับที่ 18

เป็นภาพยนตร์ที่มีความเข้มข้นและหนังมีประเด็นการเล่าเรื่องเกี่ยวกับการใส่ฉากย้อนอตีดมา แต่ ฮีธาน ฮันท์เก่งโคตรๆอยากดูพาร์ทต่อไปไม่ไหวล๊าา 10/10 อัดแน่นแอคชั่น ทั้งสนุก อีหลี ชอบภาคนี้สุดแล้วเป็นอะไรที่มันอินมากๆ ทั้งได้เห็นตัวละครใหม่ๆ เช่น เกรซ ,Degas ,อลันนา มิตโซโพลิส เป็นภาพยนตร์ที่ขนนักแสดงมาเยอะเลยส่วนตัวชอบภาคนี้อยู่มันส์ มากๆ สิ่งที่เค้าทำกับมันอยู่ ทั้งตามหากุญแจ และปะทะกับ AI กับ เอี่ยวทริปโต หนังดีประจำปี 2023 ภาคนี้ อีธาน ฮันท์วิ่งไม่หยุด ฉุดรายได้เยอะมากๆ

ความรู้สึกส่วนตัว 10/10

Sam Movieman ผู้ชายบ้าดูหนัง

Mission Impossible Dead Reckoning Part One (2023) มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง

📢 ผู้กำกับ Christopher McQuarrie (Jack Reacher, Mission: Impossible – Rogue Nation/Fallout)

👨‍👩‍👧 ดารา Tom Cruise, Rebecca Ferguson, Ving Rhames, Simon Pegg, Hayley Atwell

⏱ ความยาว 2:43

🏆 รางวัล –

ภารกิจสุดระทึกตระกูล MI มาถึงภาค 7 แล้ว (ต้องเรียกว่า 7.1 สิ เพราะมันมีคำว่า Part One ต่อท้าย) ทอม ครู๊ซอายุขึ้นเลข 6 แต่ยิ่งอายุมากขึ้นก็เหมือนแกยิ่งสรรหาฉากเสี่ยงตายเพื่อท้าทายตัวเองมากขึ้นราวกับกลัวว่าจะมีโอกาสเหลืออีกไม่มาก ฉากขี่มอเตอร์ไซค์เหินฟ้าที่ถูกใช้โปรโมทหนังน่าจะถือเป็นอีกหนึ่งพีคของชีวิตแกแล้ว เรื่องนี้ยังได้ทีมงานมือฉมังเดิมมาการันตีคุณภาพ ทั้งนักแสดงประกอบและผู้กำกับ Christopher McQuarrie ที่ทำทั้งภาค 5 และ 6 หายห่วงว่ามือระดับนี้ไม่มีพลาด แต่…ดูแล้ว ถ้าให้เรียงลำดับภาคที่ชอบ เรื่องนี้ยังเป็นรองภาค 4,5,6 อยู่

รีวิวนี้ไม่จำเป็นต้องแยกส่วนที่ชอบกับไม่ชอบ เพราะหนังแนวนี้มักไม่ต่างกัน ฉากบู๊ยังคงเป็นจุดขายหลักที่ต้องถือว่าทำได้ดีมาก ไม่เสียยี่ห้อพี่ทอม แต่สิ่งที่อยากให้ความเห็นคือจาก 10 คะแนนเต็มแล้วให้ 8 ในขณะที่ 3 ภาคก่อนหน้าให้ 9-10 มันขาดอะไรไป และแพ้ภาคอื่นตรงไหนบ้าง

☢️ ฉากแอ๊คชั่น ผมอาจจะคาดหวังสูงมากจากการดูพรีวิวและอ่านรีวิว ซึ่งหลายเสียงยกว่าดีที่สุดในทุกภาค โดยเฉพาะฉากมอเตอร์ไซค์ลอยฟ้าที่ประโคมหนักมาก แต่พอเอาเข้าจริงฉากนี้กลับไม่กระตุกต่อมลุ้นสักเท่าไหร่ ฉากที่เห็นว่าเป็นไคลแม็กซ์มากกว่าคือฉากรถไฟร่วงที่มาหลังจากนั้นซึ่งทำเอานั่งตัวเกร็ง ฉากบู๊อื่นๆ แม้จะถือว่าน่าตื่นเต้น แต่ค่อนข้างเหมือนย้อนรอยภาคก่อนๆ ไม่ว่าจะซิ่งรถบนถนนในกรุงโรมก็คล้ายภาค 6 ในปารีส หรือต่อสู้บนรถไฟก็ใกล้เคียงภาคแรก ดูแล้วเสมือนการรีไซเคิล ต่างจาก 3 ภาคก่อนที่แทบทุกแอ๊คชั่นซีนคือความใหม่สด

☢️ บท ยังคงมีลูกล่อลูกชน ไม่ใช่บทที่มีไว้เป็นพิธีเพื่อรอฉากบู๊เหมือนหนังแอ๊คชั่นเรื่องอื่นๆ แต่ถ้าเทียบกับภาค 6 มุกตลกหรือมุกฝ่ายพระเอกพลาดเองของภาคนี้ไม่เฉียบเท่า เหมือนพอจับทางได้

☢️ ความฟลุ๊ค นอกจากการที่ผู้ร้ายยิงไม่โดนซักทีในฉากแรก ซึ่งดูจะทำให้ความพรีเมียมลดลงแล้ว ยังมีสถานการณ์คับขันที่หากเป็นภาคก่อนๆ ก็จะต้องแก้ด้วยไหวพริบ แต่คราวนี้เล่นอาศัยความฟลุ๊ค และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ดูแล้วแอบคิดว่า…เอางี้เลยหรือ?

แต่ถึงอย่างไรก็เป็นหนังแอ๊คชั่นคุณภาพสูงที่ควรดูในโรงภาพยนตร์อย่างยิ่ง แฟนๆ MI ห้ามพลาดอยู่แล้ว แต่การ์ดตกแบบนี้ ระวังหนังตระกูล Extraction กำลังจ่อคอหอยอยู่

Watchman

Mission Impossible Dead Reckoning Part One (2023) มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง ความเห็นหลังชมรอบสื่อ

– เป็นหนังพาร์ทแรกที่มีความจบในตัวและไม่กั๊ก

– ชอบบอสใหญ่ภาคนี้ กับการที่พูดถึงประเด็นเทคโนโลยีและ AI เป็นภัยได้ร่วมสมัยและน่ากลัวดี เป็นภาคที่ดูไซไฟที่สุดในทุกภาคแล้วครับ

– มีฉากน่าจดจำเยอะเช่นเคย แต่แอบเซ็งๆ ครับที่ฉากที่ดีที่สุดในเรื่องดันปล่อยฟุตเทจให้ดูในโรงกับออนไลน์ก่อนแล้ว ความตื่นเต้น ตะลึง และว้าวกับฉากนี้ก็เลยลดลง (ถึงอย่างนั้นก็ยังเสียวขามากเพราะรู้ว่า Tom Cruise เล่นจริง)

– เสียดายที่ฉากไล่ล่าต้นเรื่องที่สนุกมากมีความคล้ายหนัง 007 ซักภาคอยู่หน่อยๆ ถ้าไม่เคยมีมาก่อนจะให้คะแนนฉากนี้มากกว่านี้

– ฉากที่ชอบที่สุดคือฉากรถไฟตอนท้าย ที่ทำเอาหัวใจรัวเลยทีเดียว ระทึกเหมือนเล่นเกม arcade + Uncharted

– มุกตลกที่แทรกมาตลอดเรื่องไม่เชิงว่าล้น แต่ก็ดูเยอะไปนิด บางครั้งเปลี่ยนอารมณ์ไม่ทันเหมือนกันครับ

– Hayley Atwell สลัดคราบ Peggy Carter และเป็นอีกตัวละครไปเลย สวยกว่าตอนเล่นหนัง Marvel

– บทบางช่วงดูเวทน้ำหนักแปลกๆ ไปหน่อย และมีจุดที่รู้สึกไม่โอเคที่ทำกับตัวละครนึงแบบนี้ (ดูแล้วจะรู้เองครับว่าจุดไหน แต่ในแง่นึงก็เข้าใจได้)

– โดยรวมชอบสองภาคที่แล้วมากกว่า พอภาค 5-6 มันสุดไปแล้ว ภาคนี้เลยมองว่าดร็อปไปนิดนึงครับ

– แต่ถ้านับแค่ภาคนี้ มันยังสนุกและเอ็นจอยอยู่ดีนะครับ อารมณ์เหมือนกินอาหารร้านโปรด แล้วรู้สึกว่ารสชาติยังไม่ใช่ที่ร้านนี้ทำดีที่สุด แต่อร่อยมั้ยอร่อยเลยนะ ดูในโรงยังไงก็คุ้มครับ

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Airliner Sky Battle (2020)

Brake (2012) ขีดเส้นตายเกมซ้อนเกม

Heart of the Hunter (2024) หัวใจนักล่า

Haywire (2011) เธอแรง หยุดโลก

Last Three Days (2020)