Kramer vs. Kramer (1979) พ่อ แม่ ลูก โหลดเร็วไม่มีสะดุด

เรื่องย่อ : Kramer vs. Kramer (1979) พ่อ แม่ ลูก ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD

Biography หนังชีวิตจริง
หนังฝรั่ง

Kramer vs. Kramer (1979) พ่อ แม่ ลูก

รีวิว

Kramer vs. Kramer ดูแล้วมาบ่น

ต้นฉบับของ ‘Marriage Story (2019)’ อย่างแท้จริง เรามองว่าที่ยังมีหนังยึดอะไรบางอย่างของหนังเรื่องนี้เอาไว้ ก็เพราะประเด็นของมันคือ ‘ความร่วมสมัย’ ไม่สามารถถูกพรากไปได้ด้วยกาลเวลา นั่นก็คือ ‘ปัญหาชีวิตคู่’ ที่มันยังคงเป็นปัญหาที่อยู่ในทุกยุคทุกสมัย จะถ่ายทอดอีกกี่ครั้งก็จะยังเป็นดราม่าที่กินใจผู้คน และสร้างความฉุกคิดบางอย่างได้เสมอ เช่นเดียวกับเรื่องนี้ ที่หนังกำลังบอกเราว่า “ปัญหาการหย่าร้าง ไม่ใช่แค่เรื่องของผัวเมียเท่านั้น แต่มันยังทำให้ ‘เด็ก’ เจ็บปวดกับทางเลือกที่กฎหมายตัดสินให้ด้วย”

หนังไม่พูดเยอะ แต่ใส่ความขัดแย้งผ่านการแสดงที่น้อยแต่มากของ Meryl Streep เข้ามาก่อนเลย พ่อ แม่ ลูก เราจะเห็นแววตาของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่กำลังจมทุกข์ ผ่าน ‘น้ำเสียง’ ที่ส่งลูกเข้านอน และ ‘สายตา’ ที่ใช้สื่อสารกับสามีของเธอ ซึ่งมันทำให้เราคิดว่า ตัวสามีเองจะต้องมีปัญหาอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เธอไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตคู่อีกแล้ว รวมถึงตัวลูกชายเอง ก็โหยหาความรักจากแม่ พอมันผสมกันมันเลยทำให้เรามอง ‘พ่อ/สามี’ เป็นฝ่ายผิดไปโดยปริยาย แต่เมื่อหนังเล่าไปสักพัก เราจะพบกับคำตอบอีกแบบหนึ่ง

เป็นหนังที่เราไม่สามารถตัดสินให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เพราะ ‘ชีวิตคู่’ เป็นเรื่องของคนสองคน และความรู้สึกที่เป็นของใครของมัน แต่ถ้าในมุมมองของเรา มันคือ ‘ความเพิกเฉย’ ของสามี ที่หมกมุ่นอยู่กับงาน ในขณะที่ภรรยาเองน่าจะต้องการความเอาใจใส่ แบบที่คนเป็นภรรยาควรจะได้รับ ซึ่งก็อย่างที่บอก ไม่มีใครถูกหรือผิด แค่ความต้องการกับสิ่งที่ทำ มันไม่บาลานซ์กันเท่านั้นเอง

ชอบการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง ‘พ่อลูก’ มากๆ มันเริ่มต้นอย่างตะกุกตะกัก ขัดแย้งกันตามประสา ก่อนที่เขาสองคนจะเริ่มละลายพฤติกรรมต่อกัน จนกลายเป็นความผูกพันที่แนบแน่น เรารู้สึกตามไปกับพวกเขาจริงๆ ดูเป็นพ่อลูกที่รักกันมากๆ ไม่มีเงาของการได้รับการดูแลจากแม่แล้ว แต่พอครึ่งหลัง แม่ที่ทิ้งไปกลับมาอีกครั้ง เพื่อจะมาทวงสิทธิ์การเลี้ยงดูลูก ตั้งแต่ตอนนั้นเอง ที่ทำให้เราเอาใจช่วยพ่อแบบสุดพลัง อยากให้การต่อสู้คดีในชั้นศาลชนะ แม้ว่าในเงื่อนไขทางกฎหมายมันจะ ‘ยาก’ และมีอุปสรรคอยู่เต็มไปหมดก็ตาม

การแสดงของทั้งคู่ดีงามอยู่แล้ว สมกับรางวัลที่ได้รับ แต่เรากลับชอบการแสดงของ ‘Justin Henry’ ที่เล่นเป็นลูกชายมากที่สุด เห็นว่าเป็นนักแสดงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ได้รับการเสนอเข้าชิงออสการ์ด้วย การแสดงของเขาเป็นธรรมชาติ มีความยียวนตามประสาเด็ก ที่ทั้งน่าหมั่นเขี้ยว และก็น่าเอ็นดู แต่พอเข้าสู่บทดราม่าในตอนท้ายๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรารู้สึกเห็นใจ และเข้าใจทันทีเลยว่า การหย่าร้างมันมีผลกระทบกับเด็กที่ไม่มีสิทธิ์เลือกมากขนาดไหน

เอาเป็นว่า Kramer vs. Kramer (1979) พ่อ แม่ ลูก เป็นหนังที่ยังคงร่วมสมัย แม้จะผ่านมากว่า 40 ปีแล้วก็ตาม และมันยังเป็นหนังดราม่าที่ดูได้แบบไม่วืดกลางทาง จังหวะในการเล่าไม่มากไม่น้อยไป ไม่ได้มีซีนระเบิดพลังการแสดงแบบ Marriage Story แต่เชือดเฉือนกันด้วยอารมณ์ ช่องโหว่ของการต่อสู้ในชั้นศาล และความเป็นครอบครัวที่เหมือนลิ้นกับฟัน ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว หนังก็ประนีประนอมคนดูด้วย ‘บทสรุป’ ที่หาทางออกได้ Feel Good จนแอบเซอร์ไพรส์เล็กน้อย เพราะเราไม่คิดว่าจะลงเอยแบบนี้เหมือนกันนั่นเอง

หนังโปรดของข้าพเจ้า

หนังชนะรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปี 1980 พ่วงด้วย ดัสติน ฮอฟฟ์แมน ชนะรางวัลนักแสดงนำชาย และเมอรีล สตรีป ชนะสมทบหญิงยอดเยี่ยม ส่วนโรเบิร์ต เบนตัน ชนะรางวัลผู้กำกับและเขียนบทยอดเยี่ยม จากถ้าชอบ Marriage Story ต้องไม่พลาดเรื่องนี้โดยเด็ดขาด
——————————-
หนังเล่าถึง ‘เท็ด’ (Dustin Hoffman) สามีผู้ทุ่มเททำงานอย่างหนักจนไม่มีเวลาให้ครอบครัว เขาเชื่อว่าหน้าที่หารายได้เป็นของเขาส่วนการเลี้ยงลูกเป็นหน้าที่ของภรรยาก็คือ ‘โจแอนนา’ (Meryl Streep) เปิดหนังมาเขาก็ได้รับมอบหมายงานใหญ่ที่ต้องใช้ความรับผิดชอบมากขึ้นแต่เมื่อกลับมาบ้านกลายเป็นว่าโจแอนนาขอแยกทางทิ้งให้ลูกชายคนเดียวอาศัยอยู่กับเขา ในช่วงเวลาที่งานของเขามีภาระความรับผิดชอบมากขึ้น เขายังต้องมาทำหน้าที่คนเป็นพ่ออีกด้วย และเมื่อเขาทำหน้าที่พ่อได้ 18 เดือน อดีตภรรยาของเขาได้ยื่นฟ้องศาลเพื่อขอสิทธิในการเลี้ยงดูบุตร
.
ความประทับใจแรกขอยกให้ดัสติน ฮอฟฟ์แมน ก่อนดูจำได้แค่ว่าหนังได้ออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่พอเห็นการแสดงฉากระเบิดอารมณ์ตามด้วยการสงบสติอารมณ์ของฮอฟฟ์แมน ผมมั่นใจทันทีว่าเขาต้องได้ออสการ์นักแสดงนำชายแน่ ๆ พ่อ แม่ ลูก เรื่องนี้จัดเป็นอีกหนึ่งการแสดงที่ยอดเยี่ยมของฮอฟฟ์แมนจริง ๆ สายตาเขาเวลามองลูก มองภรรยา บุคลิก วิธีพูด อารมณ์ การแสดงทุกอย่าง ๆ ดูหนังออนไลน์ ของฮอฟฟ์แมนในหนังเรื่องนี้เป็นที่น่าจดจำมาก ๆ นักแสดงคุณภาพของจริง ส่วนเมอรีลออกน้อยแต่ออกมาแต่ละครั้งนี่การแสดงสุดยอดจริง ๆ แววตาเศร้าน้ำตาสั่งได้คู่ควรออสการ์นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม
.
ความประทับใจต่อมาคือบทหนัง ต้องบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้ต้องดูจนจบถึงจะพูดได้ว่ายอดเยี่ยม ถ้าแบ่งแต่ละส่วนของหนังผมยังรู้สึกว่ามันถูกนำเสนอสั้นไปหน่อย อย่างเช่นครึ่งแรกหนังโฟกัสไปที่หน้าที่พ่อของเท็ดซึ่งตามความจริงก็คือเขาได้รับมอบงานใหญ่แต่เพราะภรรยาแยกทางพอดีทำให้เขาต้องเลี้ยงลูกไปด้วยซึ่งมันก็ย่อมกระทบกับงานที่ทำ ส่วนครึ่งหลังถ้ามองแค่ฉากในศาลฉากเดียวก็รู้สึกว่ามันสั้นและยังไม่ดุเดือด แต่พอรวมทุกฉากของหนังมาถึงบทสรุปตอนจบก็ต้องยกนิ้วให้เลยว่าทุกอย่างถูกนำเสนอพอเหมาะ ขอชมการเขียนบทเลยครับว่ารวบรัดฉับไวแต่คงไว้ซึ่งประเด็นที่ต้องการสื่อ
.
มันคือหนังสะท้อนภาพครอบครัวยุคนั้นได้เป็นอย่างดี ทัศนคติของผู้ชายมองตัวเองเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ให้ฝ่ายหญิงทำหน้าที่เป็นแม่(บ้าน) พออยู่กินกันไปสักระยะก็อาจจะมีปัญหาสะสมในบางครอบครัว ยิ่งการที่ต้องทุ่มเทกับงานมาก ๆ จนไม่มีเวลาให้ภรรยาและลูกก็อาจทำให้ถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของปัญหา สุดท้ายปัญหาของผู้ใหญ่ก็เป็นเด็กที่ต้องรับเคราะห์

evanston_dad

⭐ 8/10

หลังจากผ่านมาหนึ่งทศวรรษของความไม่สงบที่วุ่นวาย ภาพยนตร์อเมริกันเริ่มเปลี่ยนแนวทางและหันเหความสนใจจากสนามรบที่เต็มไปด้วยสงคราม การทุจริตทางการเมือง และความไม่สบายใจในสังคมทั่วไปไปสู่โลกแห่งปัญหาครอบครัวที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ผลกระทบที่คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์เห็นแก่ตัวเริ่มมีต่อครอบครัวอเมริกันเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นและมีลูกเป็นของตัวเอง ทำให้รู้สึกได้ เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ดราม่าครอบครัวที่มีปัญหาเรื่องครอบครัวเรื่องแรกๆ ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงทศวรรษ 1980 และเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง ปัจจุบันภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ

เนื่องจากเป็นที่รู้จักในฐานะภาพยนตร์ที่เอาชนะ “Apocalypse Now” ในการชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปี 1979 แต่การเปรียบเทียบภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนี้ก็เหมือนกับการเปรียบเทียบกล้วยกับอกไก่หมัก: ทั้งสองเรื่องไม่เหมือนกันเลย แต่เราเพลิดเพลินกับทั้งสองเรื่องไม่ได้หรือ ผู้กำกับ/นักเขียนอย่าง Robert Benton ไม่ได้พยายามทำอะไรที่แปลกใหม่ในภาพยนตร์ของเขา

จุดแข็งของหนังเรื่องนี้อยู่ที่การแสดง โดยเฉพาะของดัสติน ฮอฟฟ์แมนและเมอรีล สตรีป พ่อ แม่ ลูก ที่รับบทสามีภรรยาที่หย่าร้างและทะเลาะกันอย่างเด็กๆ และเห็นแก่ตัวเพื่อแย่งลูกชาย ฉากในศาลที่ทั้งคู่ต่อสู้เพื่อสิทธิในการดูแลลูก และทั้งคู่ถูกบังคับให้ทำร้ายอีกฝ่ายด้วยวิธีที่เลวร้ายนั้นช่างน่าหดหู่ใจและให้ความรู้สึกสมจริง หนังเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอพ่อของฮอฟฟ์แมนที่เข้มแข็งให้กลายเป็นฮีโร่ หรือแม่ของสตรีปที่หลงทางให้กลายเป็นคนร้าย พวกเขาไม่ใช่คนดีหรือคนเลวในฐานะมนุษย์ พวกเขาแค่ไม่เก่งเรื่องการแต่งงานเท่านั้น

Smells_Like_Cheese

⭐ 8/10

ฉันคิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้ดูหนังที่ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งซึ่งมีนักแสดงที่ยอดเยี่ยมสองคน “Kramer vs. Kramer” เป็นหนังที่ยอดเยี่ยมสำหรับฉัน เพราะฉันคิดว่าฉันเข้าใจความรู้สึกนั้นได้ น่าเสียดายที่พ่อแม่ของฉันหย่าร้างกัน แม้ว่าฉันจะอายุมากกว่าบิลลี่ในหนังเรื่องนี้ แต่ฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดและความสับสนของเขา การมีพ่อแม่ที่คุณคิดว่ามีความสุขแต่สุดท้ายกลับเกลียดชังกันเป็นเรื่องที่แย่ที่สุด จริงๆ แล้ว จากหนังเรื่องนี้ ฉันคิดว่ามันทำให้ฉันตระหนักว่าพ่อแม่ของฉันก็เป็นคนเหมือนกัน และพวกเขาก็มีความเจ็บปวดไม่ต่างจากฉันกับน้องสาว

กลับมาที่หนังเรื่องนี้ หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดี ใช่ มันเก่าแล้ว และเมอรีลกับดัสตินยังเด็กมาก แต่ฉันอยากจะแนะนำหนังเรื่องนี้ให้กับหลายๆ คน เพราะฉันคิดว่าคนส่วนใหญ่ก็เข้าใจความรู้สึกนั้นได้ มีช่วงเวลาที่ตลก เศร้า มีความสุข และผ่อนคลาย ซึ่งถูกนักแสดงที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นหนังที่ดีและสมควรได้รับคะแนนมากกว่า 7.5 9/10

ผู้กำกับ

Robert Benton

บริษัท ค่ายหนัง

Columbia Pictures

นักแสดง

Dustin Hoffman
Meryl Streep
Jane Alexander
Justin Henry
Howard Duff

โปสเตอร์หนัง

Kramer vs. Kramer (1979) พ่อ แม่ ลูก

เรื่องย่อ

หลังจากที่ภรรยาของเขาทิ้งเขาไป ผู้บริหารฝ่ายโฆษณาในแมนฮัตตันผู้หมกมุ่นอยู่กับงานถูกบังคับให้เรียนรู้ทักษะการเลี้ยงลูกที่ถูกละเลยมายาวนาน แต่การต่อสู้แย่งชิงลูกชายคนเล็กของทั้งคู่ทำให้บาดแผลที่เกิดจากการพลัดพรากจากกันรุนแรงยิ่งขึ้น ภรรยาของเขาจากเท็ดเครเมอร์ปล่อยให้เขาสูญเสียความสัมพันธ์ระหว่างเท็ดกับบิลลี่ลูกชายของเขา แต่การสู้รบที่ดุเดือดจะนำพาบุตรชายที่หย่าร้างของคู่ที่หย่าร้างมา Traumatized (Dustin Hoffman) Ted Kramer เป็นผู้จัดการโฆษณาคนบ้างานที่เพิ่งได้รับมอบหมายบัญชีใหม่และสำคัญมาก และแบ่งปันข่าวดีกับภรรยาของเขาโจแอนนา (เมอรีลสตรีพ) “พ่อ แม่ ลูก”

เพียงเพื่อจะพบว่าเธอกำลังจากเขาไปโดยบอกว่าเธอต้องการจะพบตัวเอง เธอออกจากเท็ดเพื่อเลี้ยง Kramer vs. Kramer (1979) พ่อ แม่ ลูก ดูบิลลี่ลูกชายของเขา (Justin Henry) ตัวเอง ในขั้นต้นเท็ดและบิลลี่ไม่มีความสุขกับอีกคนหนึ่งเพราะเท็ดไม่มีเวลาที่จะแบกภาระงานเพิ่มเติมของเขาอีกต่อไปแล้วบิลลี่นึกถึงความรักและความเสน่หาหลังจากเดือนแห่งความวุ่นวาย Ted และ Billy เรียนรู้ที่จะรับมือ เท็ดเป็นเพื่อนกับมาร์กาเร็ตเพื่อนบ้านของเขา (เจนอเล็กซานเดอร์) “Kramer vs. Kramer” ซึ่งเคยแนะนำให้โจแอนออกจากเท็ดหากเธอไม่มีความสุขมาร์กาเร็ตเป็นพ่อแม่ของเพื่อนคนเดียว เธอกับเท็ดกลายเป็นญาติทางวิญญาณ

วันหนึ่งขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ในสวนสาธารณะเพื่อดูลูก ๆ ของพวกเขาเล่นบิลลี่ตกลงไปที่โรงยิมในป่าตัดใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง เท็ดวิ่งหลายช่วงตึกผ่านการจราจรที่กำลังจะมาถึงซึ่งพาบิลลี่ไปโรงพยาบาลบาลผู้ปลอบโยนลูกชายของเธอในระหว่างการรักษาสิบห้าเดือนหลังจากที่เธอออกจากเปียโนกลับไปนิวยอร์กเพื่อขอให้บิลลี่และการต่อสู้ถูกคุมขัง ในระหว่างการทดลองทั้งเท็ดและโจแอนนายังไม่พร้อม ลอบสังหารตัวละครที่โหดร้ายที่นักกฎหมายของพวกเขาปลดปล่อยมาร์กาเร็ตคนอื่น ๆ ที่ถูกบังคับให้เป็นพยานว่าเธอได้เสนอให้โจแอนนาที่ไม่มีความสุขออกจากเท็ดแม้ว่าเธอจะพยายามบอกโจแอนถึงตำแหน่งที่สามีของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ในที่สุดข้อเท็จจริงที่สร้างความเสียหายที่เท็ดถูกไล่ออกก็เป็นความรับผิดชอบของผู้ปกครองที่ขัดแย้งกันทำให้เขาต้องทำงานที่มีรายได้ต่ำในศาลรวมถึงรายละเอียดของอุบัติเหตุ