เรื่องย่อ : Inside Llewyn Davis (2013) คน กีต้าร์ แมว ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
ดูหนัง Inside Llewyn Davis (2013) คน กีต้าร์ แมว หนึ่งสัปดาห์ในชีวิตของนักร้องหนุ่มในขณะที่เขาสำรวจฉากพื้นบ้านของ Greenwich Village ในปี 1961 ในปี 1961 ลอยวิน เดวิสเป็นนักร้องโฟล์คที่กำลังดิ้นรนใน Greenwich Village ในนิวยอร์กซิตี้ อัลบั้มเดี่ยวของเขา Inside Llewyn Davis ไม่ได้ขาย; เขาไม่มีเงินและนอนอยู่บนโซฟาของคนรู้จัก หลังจากเล่น The Gaslight Café ในคืนหนึ่ง เขาถูกชายในชุดสูททุบตีในตรอกด้านหลังคาเฟ่
เดวิสตื่นขึ้นมาในอพาร์ตเมนต์ของเพื่อนสองคน ครอบครัวกอร์ไฟนส์ ขณะที่เขาจากไป แมวของพวกเขาก็หนีไปและถูกขังไว้ เขาพามันไปที่อพาร์ตเมนต์ของจิมและจีน เบอร์คีย์ โดยที่ฌองยอมให้เดวิสค้างคืนอย่างไม่เต็มใจ ฌองบอกเดวิสว่าเธอท้อง และเขาอาจจะเป็นพ่อคน เช้าวันรุ่งขึ้น เดวิสเปิดหน้าต่าง และแมวของ Gorfeins ก็หนีไป ต่อมา ฌองขอให้เดวิสจ่ายค่าทำแท้ง แม้ว่าเธอจะอารมณ์เสีย แต่อาจเป็นลูกของจิมที่เธอกำลังจะยุติก็ตาม ดูหนังออนไลน์
เดวิสไปเยี่ยมน้องสาวโดยหวังว่าจะยืมเงิน เธอกลับมอบกล่องข้าวของของเขาให้เขาแทน ซึ่งเขาบอกให้เธอทิ้งไป เธอบอกว่าเขาสามารถหาเงินได้ด้วยการกลับไปหาพ่อค้านาวิกโยธิน ตามคำเชิญของจิม เดวิสบันทึกเพลงแปลกใหม่เกี่ยวกับการเดินทางในอวกาศร่วมกับจิมและอัลโคดี เนื่องจากต้องการเงินเพื่อทำแท้ง เดวิสจึงตกลงที่จะจ่ายเงิน 200 ดอลลาร์ทันทีแทนที่จะเป็นค่าลิขสิทธิ์ เดวิสพยายามนัดหมายเพื่อทำแท้ง เพียงเพื่อจะได้รู้ว่าการจ่ายเงินนั้นไม่จำเป็น เพราะเขาจ่ายเงินไปแล้วสำหรับขั้นตอนเดียวกันนี้เมื่อสองปีก่อนในนามของผู้หญิงอีกคนที่เก็บเด็กไว้โดยไม่แจ้งให้เขาทราบ
และสุดท้ายสิ่งที่เป็นจุดแข็งของหนังเรื่องนี้ที่สุดก็คือ เพลงโฟล์คในเรื่องนั่นล่ะครับ แต่ละเพลงดีๆทั้งนั้น ใครที่ชอบฟังเพลงโฟล์คซอง ฟังเสียงกีต้าร์ เรื่องนี้ไม่ควรพลาดเลยครับ คือจะมีซีนร้องเพลงมาตลอดทั้งเรื่อง ทั้งเพลง 500 Miles, Hang Me, Oh Hang Me และอีกมากมาย ฟังได้เพลินๆเลยครับ
สรุปคืออย่างที่บอกเลย หนังเรื่องนี้จะเดินเรื่องช้าๆสไตล์สองพี่น้อง Coen ถ้าใครไม่ชอบหรือไม่ชินกับจังหวะเดินเรื่องแบบนี้อาจมีแอบเบื่อได้เหมือนกัน เพราะตัวเรื่องไม่หวือหวาอะไรทั้งนั้น เหมือนให้เราเพียงตามดูชีวิตของนักดนตรีโฟล์คซองคนหนึ่งเท่านั้นเอง แต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ยอดเยี่ยมก็คือความเรียบง่ายนั่นล่ะครับ
โจเอล โคเอน
อีธาน โคเอน
StudioCanal
Anton Capital Entertainment
Scott Rudin Productions
Mike Zoss Productions
Oscar Isaac
Carey Mulligan
John Goodman
Garrett Hedlund
F. Murray Abraham
Justin Timberlake
คำเตือนก่อนเลยว่ามันไม่ใช่หนังสำหรับทุกคนจะดูแล้วอินหรือชอบ เผลอ ๆ บางคนดูอาจจะมีง่วงหงาวหาวนอน โดยเฉพาะคนที่ไม่คุ้นกับดนตรีโฟล์กซองอาจจะมีหลับใส่หนังได้ง่าย ๆ แต่ถ้าอดกลั้นต่อโทนหนังที่เอื้ออำนวยแก่การนอนได้แล้วล่ะก็ คุณอาจจะได้อะไรดี ๆ บางอย่างจากนักดนตรีตัวอย่างที่มีชื่อว่า ‘เลวิน เดวิส’ (Oscar Isaac)
หนังเล่าเรื่องของ ‘เลวิน เดวิส’ ศิลปินแนวโฟล์กซองไส้แห้งที่ออกอัลบั้มก็ไม่ประสบความสำเร็จ หาเงินด้วยการร่อนเร่ร้องเพลงเปิดหมวกตามผับเท่าที่โอกาสจะเอื้ออำนวย ที่ซุกหัวนอนก็คือบ้านเพื่อนนักดนตรีที่พอจะมีน้ำใจแก่เขา แต่กระนั้นหนังก็แสดงให้เห็นชัด ๆ ว่านิสัยส่วนตัวเขาก็ไม่ได้ดีสักเท่าไร ทั้งการตีท้ายครัว, ทำสาวท้องแล้วทิ้งเสน่ห์อย่างหนึ่งของสองพี่น้องโคเอนที่เรารู้สึกมาตลอดเลยคือความเป็นหนังตลกร้าย เรามักจะรู้สึกว่าชะตากรรมของตัวละครในหนังของเขามันจะต้องพบเจออะไรบางอย่างที่ทำให้เราต้องสบถหัวเสียแทนตัวละคร ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะเจอในหนังดนตรีเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
ฉากที่เราว่าตลกร้ายมาก ๆ ก็คือตอนที่เลวินได้รับแจ้งให้ไปเล่นกีต้าร์แทนนักดนตรีคนหนึ่งที่ป่วย เราเองก็คิดเหมือนตัวละครในหนังว่ามันก็เป็นเพียงโชคชะตาหนึ่งที่หยิบยื่นเงินเพียงให้เขาประทังชีวิตไปอีกต่อ ตอนนั้นเขามีทางเลือกสองทางคือเซ็นรับในนามนักดนตรีอิสระ ได้เงินทันทีแต่ชวดค่าลิขสิทธิ์ หรือจะเซ็นรับในนามศิลปินมีสังกัดที่นอกจากจะได้เงินช้าแล้วยังต้องเสียส่วนแบ่งให้สังกัดอีก ซึ่งเราก็ไม่ได้ขัดแย้งอะไรที่เลวินจะเลือกเงินตรงหน้า แต่ตอนจบของหนังกลับใส่ตลกร้ายเข้ามาเมื่อเพลงดังกล่าวที่เขาไปอัดด้วยนั้นดันกลายเป็นเพลงฮิตจนนักดนตรีคนอื่น ๆ ได้ส่วนแบ่งรวยอื้อซ่า อะไรที่ไม่คาดคิดแบบนี้มันมักจะปรากฎในบทหนังที่สองพี่น้องโคเอนเขียนเสมอ
เราชอบ Inside Llewyn Davis ในมุมที่บางทีเราก็เอียนกับหนังที่คอยพร่ำบอกว่าถ้าเราพยายามยังไงชีวิตก็ต้องจบด้วยความสำเร็จ ทั้งที่บนโลกความจริงอันโหดร้ายนั้นบางทีต่อให้เราพยายามยังไงมันก็ไม่ได้สมหวังเสมอไป เรารู้สึกดีที่สองพี่น้องโคเอนหยิบมุมนี้มาทำหนังบ้าง ไม่ใช่ว่าโลกนี้จะต้องมีแต่หนัง feel-good ให้กำลังใจให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ซึ่งเอาเข้าจริงเราก็รู้สึกว่าคนดูก็ได้แต่เสพหนังแบบนี้แล้วก็วาดฝันว่าจะทำแต่ไม่ลงมือทำ!
‘สำหรับคนที่ชื่นชอบเพลงโฟล์คซอง หนังเรื่องนี้เป็นหนังของคุณ”หนังเรื่องนี้เล่าถึงชีวิตของนักดนตรีโฟล์คซองคนหนึ่งที่ชื่อว่า ‘ลูวิน เดวิส’ ซึ่งเป็นเรื่องราวชีวิตที่เรียบง่ายเหมือนเพลงโฟล์คตัวละครมีความเป็นมนุษย์ทั่วไปธรรมดาๆ หาช้า กินค่ำ มีขาวมีดำ เเบบฉบับมนุษย์คนหนึ่งโดยตัวหนังจะเดินเรื่องเรื่อยๆ ไม่มีจังหวะเร่งเร้าอะไรมากมาย แต่สิ่งที่ทำให้เรายังคงจดจ่ออยู่กับหนังได้ก็คือ ชีวิตอันล้มเหลวของตัวละครนั่นล่ะครับ
คือหนังเรื่องนี้สร้างมากจากเรื่องจริงของนักร้องโฟล์คซองที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง แต่ทว่าในหนังเรื่องนี้กลับเห็นแต่ความล้มเหลว ความเฮงซวย ของนักร้องคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำเพลงแล้วไม่รุ่งสักที รายได้ก็น้อย เน้นไปตายเอาดาบหน้า คือต้องไปอาศัยนอนกับคนรู้จัก มีเพื่อนฝากแมวไว้ ก็ไปทำแมวเพื่อนหาย และก็เอาแมวไปคืนผิดตัว ยังไม่พอดันไปนอนกับแฟนของเพื่อนอีก และทำแฟนของเพื่อนท้องด้วย 😫
คือดูยังไงไอ้นักร้องคนนี้มันก็ไม่น่ารุ่งเอาเลยจริงๆเมื่อดูเรื่องนี้แล้วแอบนึกถึงพวกศิลปินนักวาดภาพชื่อดังยุคก่อนๆ เลยนะ ที่เขาชอบเรียกว่าศิลปินไส้แห้งนั่นล่ะครับบางคนกว่าผลงานของเขาจะมีชื่อเสียงก็ตายไปแล้ว 200-300 ร้อยปี กว่าศิลปะชิ้นนั้นจะได้รับการยอมรับแต่คำว่า ”ศิลปะ” ถ้ามันคือของจริง ถ้ามันเป็นงานที่ทรงคุณค่า สักวันจะมีคนเห็นค่าสิ่งนั้นเองครับเหมือนนักร้องโฟล์คซองคนนี้กว่าจะมีชื่อเสียงขึ้นมาก็ล้มจนจะไม่มีที่ยืนอยู่เเล้ว
หนังเรื่องนี้มีงานภาพที่เรียกได้ว่า ”สวยหมดจด” จริงๆครับ เป็นงานภาพโทนวินเทจเทาๆ ให้อารมณ์เหมือนพาเราย้อนไปในยุค 60 ได้เลย คือภาพออกมาทั้งสวย ทั้งดูเหงา ทั้งมีเสน่ห์ และคลาสสิคในเวลาเดียวกัน
การแสดงก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันครับ หนังได้ทั้ง Oscar Isaac, Carey Mulligan, Justin Timberlake, John Goodman และ Adam Driver มาแสดง ซึ่งแต่ละคนฝีมือก็เห็นๆกันอยู่เเล้วครับหนังเรื่องนี้กำกับโดยสองพี่น้อง Coen ที่เด่นด้านการเล่าเรื่อง การสร้างอารมณ์กดดันที่เข้ากับโทนหนัง และเรื่องนี้ถือว่าเป็นงานอีกเรื่องที่ทำได้ดีมากๆครับ (ส่วนตัวเรื่องนี้เป็นหนังที่ชอบอันดับต้นๆของสองพี่น้องคู่นี้)
และสุดท้ายสิ่งที่เป็นจุดแข็งของหนังเรื่องนี้ที่สุดก็คือ เพลงโฟล์คในเรื่องนั่นล่ะครับ แต่ละเพลงดีๆทั้งนั้น ใครที่ชอบฟังเพลงโฟล์คซอง ฟังเสียงกีต้าร์ เรื่องนี้ไม่ควรพลาดเลยครับ คือจะมีซีนร้องเพลงมาตลอดทั้งเรื่อง ทั้งเพลง 500 Miles, Hang Me, Oh Hang Me และอีกมากมาย ฟังได้เพลินๆเลยครับ
สรุปคืออย่างที่บอกเลย หนังเรื่องนี้จะเดินเรื่องช้าๆสไตล์สองพี่น้อง Coen ถ้าใครไม่ชอบหรือไม่ชินกับจังหวะเดินเรื่องแบบนี้อาจมีแอบเบื่อได้เหมือนกัน เพราะตัวเรื่องไม่หวือหวาอะไรทั้งนั้น เหมือนให้เราเพียงตามดูชีวิตของนักดนตรีโฟล์คซองคนหนึ่งเท่านั้นเอง แต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ยอดเยี่ยมก็คือความเรียบง่ายนั่นล่ะครับ
ทำให้นิยามของหนังเรื่องนี้คือ ”มันเรียบง่ายเหมือนดนตรีโฟล์ค”
และงานภาพกับเพลงในหนังมันคือศิลปะอย่างแท้จริง
คะแนนความชอบส่วนตัว 8/10
Sniper Ultimate Kill (2017) สไนเปอร์ 7 ภาระกิจสุดโหด กำจัดนักฆ่า
The Birds (1963) รักระหว่างสงครามนก