Humane (2024)

Humane (2024)

เรื่องย่อ

ดูหนัง Humane (2024) หลังจากการล่มสลายของสภาพแวดล้อมที่บีบให้มนุษยชาติต้องกำจัดประชากรออกไป 20% งานเลี้ยงอาหารค่ำของครอบครัวก็ปะทุขึ้นอย่างโกลาหลเมื่อแผนการของพ่อที่จะเข้าร่วมในโครงการการการุณยฆาตครั้งใหม่ของรัฐบาลเกิดความผิดพลาดอย่างน่าสยดสยองหลังจากการล่มสลายของสภาพแวดล้อมที่บีบให้มนุษยชาติต้องกำจัดประชากรออกไป 20% งานเลี้ยง

อาหารค่ำของครอบครัวก็ปะทุขึ้นอย่างโกลาหลเมื่อแผนการของพ่อที่จะเข้าร่วมในโครงการการการุณยฆาตครั้งใหม่ของรัฐบาลเกิดความผิดพลาดอย่างน่าสยดสยอง เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญสยองขวัญ ปี 2024 กำกับโดย Caitlin Cronenbergและเขียนบทและอำนวยการสร้างโดย Michael Sparaga    ดูหนังออนไลน์

นำแสดงโดยเจย์ บารูเชล ,เอมิลี แฮมป์เชียร์ ,เซบาสเตียน ชาคอน , อลันนา เบล, ซีเรน่า กูลัมเกาส์, ยูนิพาร์ค,เอนริโก โคลัน โทนี และปีเตอร์ กัลลาเกอร์ เป็นภาพยนตร์สารคดีเรื่องแรกของ Caitlin Cronenberg และเข้าฉายเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567  ภาพยนตร์เรื่องนี้ผสมผสานองค์ประกอบของหนังระทึกขวัญ

สยองขวัญและดราม่าครอบครัวเพื่อกล่าวถึงหัวข้อวิกฤตสภาพภูมิอากาศโครเนนเบิร์กนำเสนอเรื่องมนุษยธรรมด้วยข้อเท็จจริงที่ไม่เกรงกลัว โดยพยักหน้าให้เห็นถึงประเด็นเรื่องการสอดส่องดูแลองค์กรและความชั่วร้ายของการทำสัญญาภาคเอกชน และด้วยสายตาที่ชัดเจนต่อแผนการและความลับที่ซ่อนอยู่ในซอกมุมของวิกตอเรียนและ ซอกมุมของบ้านหลังนั้น”

ผู้กำกับ

เคทลิน โครเนนเบิร์ก

บริษัท ค่ายหนัง

ไอเอฟซี ฟิล์มส์

นักแสดง

•  เจย์ บารูเชล
• เอมิลี่แฮมป์เชียร์
• เซบาสเตียน ชาคอน
• อลันนา เบล
• ซิเรน่า กูลัมเกาส์
• ยูนิพาร์ค
• เอ็นริโก โคลันโตนี่
• ปีเตอร์ กัลลาเกอร์

โปสเตอร์หนัง

รีวิวหนัง  Humane (2024)

คนวิจารณ์หนังไม่เป็น Part 2

ในโลกอนาคตที่ทุกคนต้องเผชิญปัญหากับระบบนิเวศที่พังทลาย ทำให้รัฐบาลออกกฎให้ประชากรต้องสละชีวิตตัวเองราวๆ 20% เพื่อให้โลกอยู่ต่อได้ โดยจะมีพนักงานมาฉีดยาให้กับคนที่สมัครใจยอมตาย แล้วทางการจะส่งเงินชดเชยให้กับครอบครัวหรือคนใกล้ชิดผู้ตาย
หนังเล่าไปที่ครอบครัวมหาเศรษฐีตระกูลนึงที่คนพ่อได้เข้าร่วมโครงการการุณฆาตนี้แต่กลับผิดแผนหลังฝ่ายภรรยาหนีหายตัวไป จนมีเหตุจำเป็นที่ลูกๆทั้ง 4 คนของตระกูลต้องหาคนใดคนนึงมาตายแทนที่เขา ทำให้ลูกๆแต่ละคนที่ก็ไม่ค่อยชอบหน้ากันอยู่แล้วต้องไล่ฆ่ากันเองเพื่อเอาชีวิตรอด!
งานกำกับหนังใหญ่ครั้งแรกของ caitlin cronenberg ช่างภาพมืออาชีพและเป็นศักดิ์เป็นลูกสาวของ david cronenberg เจ้าพ่อหนังสยองขวัญในตำนานจาก the fly, videodrome, scanner และเป็นน้องสาวของ brandon cronenberg ผกก. หนังสุดโหดรุ่นใหม่ของยุคจาก possessor, infinity pool
เห็นรีวิวค่อนข้างกึ่งๆไม่ดีเลยไม่ได้หวังอะไรแต่ดูจบเซอร์ไพรส์มาก คือเห็นได้ชัดเลยว่า caitlin ยังคงติดหล่มในการทำหนังครั้งแรกอยู่บ้าง มีความเพลย์เซฟ ยังไม่กล้าแตะหรือปล่อยของอะไรออกมาได้สุด (จากที่คนพ่อ david, คนพี่ brandon ไปไกลมากๆแล้ว) ทำให้อะไรหลายๆอย่างของหนังที่น่าจะสุดขีดคลั่งกว่านี้

จากงานที่น่าจะดูเสียดสีชนชั้นแบบมีคลาส กลายเป็นหนังระทึกขวัญเอาฮาแบบค่าย blumhouse ดูเอาบันเทิงๆ ชวนนึกถึง the purge แต่ส่วนตัวนี่ก็ว่าสนุกมากๆนะ หนังตลกมาก เหี้ยห่ามาก ซีนต่อสู้ไล่ฆ่าอะไรต่างๆก็โบ๊ะบ๊ะบันเทิงกันสุดๆ มาดูคนรวยที่ง่อยๆเงอะงะๆสู้กันไปมาจนได้แผลกันคนละข้างจนถึงช่วงนึงตัวละครต้องยอมแพ้ แบบว่าพอเถอะ 5555
จริงๆอาจเสียดายที่หนังไม่ได้ชูไอเดียการลดประชากรไปมากกว่าเป็นแค่ตัวเดินเรื่องให้ตัวละครต้องฆ่าแกงกันเอง เพราะมันเอื้อมากๆที่จะแตะพูดถึงชนชั้นคนรวย-คนจนที่มีปฎิกิริยาต่อโครงการเสียสละชีวิตมนุษย์ คือในหนังมันมีการพูดถึงคนที่ไม่เห็นด้วย มีคนประท้วงออกมา แต่พวกตัวเอกดันทำงานให้รัฐบาลที่ต้องคอยเป็นพีอาร์พูดถึงข้อดีของโครงการนี้
สุดท้ายโครงการที่ว่าก็มาแวะกัดพวกเขากันเอง เลยกลายเป็นช่วง eat the rich ที่เหล่าพนักงานบริษัทที่เป็นคนจนๆทำงานหาเช้ากินค่ำสะใจที่ได้เห็นคนรวยแว้งกัดกันเอง เพราะแต่ก่อนโครงการนี้มีแต่คนจนและคนที่ไม่มีอันจะกินเท่านั้นที่เลือกจะจบชีวิตตัวเองเพื่อให้คนที่เรารักได้เงินจากเรา
(เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของหนังในช่วงท้าย)

แต่พอช่วงท้ายที่คนรวยดันสามัคคีกันลุกฮือมาเอาคืนเหล่าพนักงานกันได้แล้ว สุดท้ายพนักงานก็กลัวตายมากกว่าศักดิ์ศรีจนยอมช่วยเหลือคนรวยให้รอดจากโครงการนี้ได้ กลายเป็นความเสียดสีแดกดันแนวทางหนัง eat the rich อีกทีที่สุดท้ายคนจนก็ยอมก้มหน้าช่วยเหลือคนรวยอยู่ดี มันเจ็บและจุกดี
อาจจะไม่ใช่หนังที่แตะไปไกลได้มากสุดแต่มันก็เป็นหนังตลกร้าย-ระทึกขวัญที่ทำออกมาได้สนุก น่าติดตาม และตลกไปกับพฤติกรรมความเงอะงะของคนรวยที่ไล่ฆ่ากันเองเพราะไม่มีใครอยากจะตาย ถือว่างานกำกับครั้งแรกของ caitlin ยังต้องฝึกอีกเยอะแต่ก็ถือว่าเรื่องนี้ก็เป็นสนามลองมือครั้งแรกที่เออ สนุกใช้ได้ดี
🔟คะแนน: 3.5/5 ดาว🔟

wikipedia

ท่ามกลางวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่ทำให้รัฐบาลทั่วโลกต้องบังคับใช้การุณยฆาต ทั้งแบบสมัครใจและ แบบเกณฑ์เพื่อควบคุมจำนวน ประชากร อดีตผู้ประกาศข่าว ชาร์ลส์ ยอร์ก ได้เรียกลูกๆ ทั้งสี่คนซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วมาทานอาหารเย็นที่บ้านของเขาพร้อมกับดอว์น คิม เชฟชื่อดัง ภรรยาคนที่สองของเขา ลูกๆ ของเขาได้แก่นักมานุษยวิทยา ผู้ก่อความขัดแย้ง จาเร็ด ยอร์ก ซีอีโอบริษัทยาที่กำลังประสบปัญหา แอชลีย์ ยอร์ก นักแสดงที่กำลังดิ้นรน โนอาห์ ยอร์ก อดีตผู้ติดยา และมีอา ลูกสาววัยเตาะแตะของราเชล

เกิดการโต้เถียงในครอบครัวเมื่อชาร์ลส์ประกาศว่าเขาและดอว์นสมัครเข้าร่วมโครงการการุณยฆาตของกรมกลยุทธ์พลเมืองด้วยความเต็มใจ อย่างไรก็ตาม ต่อมาดอว์นแอบหนีออกไปหลังจากเปลี่ยนใจ บ็อบจากกรมกลยุทธ์พลเมืองมาถึงพร้อมกับเจ้าหน้าที่ DOCS ที่ติดอาวุธ การโต้เถียงอย่างดุเดือดอีกครั้งเกิดขึ้นเมื่อพวกเขารู้ว่าชาร์ลส์ได้กำหนดการุณยฆาตของเขาในเย็นวันนั้นพร้อมกับทุกคนที่อยู่ที่นั่น

เมื่อดอนไม่อยู่ ชาร์ลส์จึงพยายามเลื่อนการนัดหมาย บ็อบนำเอกสารยกเลิกนัดไปยื่นให้ชาร์ลส์ ซึ่งจะทำให้ทรัพย์สินของครอบครัวถูกอายัด และเปิดเผยต่อสาธารณะว่าชาร์ลส์เป็นคนทรยศ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะดำเนินการต่อไป หลังจากชาร์ลส์เสียชีวิต บ็อบแจ้งกับครอบครัวว่าตามกฎหมายแล้ว เขาจะต้องรับศพที่สองตามที่สัญญาไว้ในตอนแรก บ็อบพามีอาซึ่งได้รับการยกเว้นจากการุณยฆาตเพราะเธอเป็นผู้เยาว์ออกไปข้างนอก ในขณะที่ครอบครัวยอร์กทั้งสี่คนมีเวลาสองชั่วโมงในการตัดสินใจว่าใครควรตาย

เจเร็ดแนะนำให้โนอาห์ตายเพราะเขาเป็นลูกบุญธรรมและสร้างความผิดหวังให้กับครอบครัวที่ฆ่าผู้หญิงคนหนึ่งในอุบัติเหตุทางรถยนต์ เรเชลพยายามแทงโนอาห์ แต่เขาสู้กลับ เกิดการเผชิญหน้าอย่างรุนแรงหลายครั้งในขณะที่โนอาห์ต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเองจากพี่น้องของเขา ในที่สุดพวกเขาทั้งหมดก็จับตัวเขาไว้ได้

หลังจากได้รับข้อความจากเขา แฟนสาวของโนอาห์ เกรซ ดอว์สัน ก็มาถึงบ้าน เกรซเกิดอาการตื่นตระหนกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และก่อความวุ่นวายขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ DOCS ยิงเธอเสียชีวิต โนอาห์ดิ้นหลุดออกมาและแทง บีบคอ และต่อสู้ตอบโต้พี่น้องของเขา เมื่อรู้ว่าพวกเขาเกือบจะฆ่ากันเอง เรเชลจึงอาสาจะทำการุณยฆาต จาเร็ดโต้แย้งว่าเขาควรเป็นอาสาเพราะเขาละทิ้งภรรยาคนแรกและลูคัส ลูกชายของเขา โนอาห์ทำให้ทุกคนมารวมกันโดยเสนอที่จะฆ่าบ็อบแทน

พี่น้องทั้งสองล่อลวงบ็อบและเจ้าหน้าที่ DOCS เข้าไปในบ้านซึ่งพวกเขาถูกปลดอาวุธและจับเป็นตัวประกัน อย่างไรก็ตาม แอชลีย์เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บที่เธอได้รับขณะต่อสู้กับโนอาห์ พี่น้องทั้งสองทำการุณยฆาตเจ้าหน้าที่ที่ยิงเกรซ บ็อบยอมรับว่าดอว์นถูกควบคุมตัวและตอนนี้ถูกคุมขังอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของ DOCS บ็อบยังคงต่อรองราคาอย่างสิ้นหวังและขู่เข็ญในขณะที่โนอาห์เตรียมฉีดยาการุณยฆาตให้กับเขา กล้องตัดเป็นสีดำ

หลังจากนั้นไม่นาน จาเร็ด เรเชล มีอา ดอว์น และลูคัส ลูกชายของจาเร็ด ได้ไปชมคอนเสิร์ตเปียโนที่โนอาห์เคยเล่นเป็นนักดนตรีฝีมือฉกาจมาก่อน บ็อบที่บอบช้ำและบอบช้ำปรากฏตัวในโฆษณาทางโทรทัศน์ที่โฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลอ้างว่าแอชลีย์และเกรซสมัครเข้าร่วมการุณยฆาตโดยสมัครใจ

ในเว็บไซต์รวมบทวิจารณ์Rotten Tomatoesบทวิจารณ์จากนักวิจารณ์ 71% จาก 55 คนเป็นเชิงบวก โดยมีคะแนนเฉลี่ย 6.2/10 ความเห็นโดยรวมของเว็บไซต์ระบุว่า ” ความระทึกขวัญทางจิตวิทยาที่บิดเบี้ยวของ   นั้นเบี่ยงเบนความสนใจได้เพียงพอที่จะเบี่ยงเบนความสนใจจากความพยายามที่แปลกประหลาดเป็นครั้งคราวในการสร้างสมดุลระหว่างการวิจารณ์ทางสังคมและการเมืองกับความสยองขวัญที่มีแนวคิดสูง”

Owen GleibermanจากVarietyกล่าวว่า “Cronenberg นำเสนอเรื่อง ด้วยความตรงไปตรงมาและกล้าหาญ พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงปัญหาของการเฝ้าติดตามขององค์กรและความชั่วร้ายของการทำสัญญากับเอกชน และด้วยสายตาอันเฉียบคมในการจับแผนการและความลับที่ซ่อนอยู่ในซอกหลืบสมัยวิกตอเรียนของบ้านหลังนั้น”

Richard RoeperจากChicago Sun-Timesให้คะแนน 3 ใน 4 ดาวว่า “มีฉากที่ชวนขนลุกอยู่บ้าง แต่โดยหลักแล้วนี่เป็นหนังระทึกขวัญทางจิตวิทยา ซึ่งเป็นการปรับปรุง/ดัดแปลงจากThe Fall of the House of Usher ” จอห์น แอนเดอร์สันแห่งวอลล์สตรีทเจอร์นัลกล่าวว่า “แฟนหนังสยองขวัญแนวฮาร์ดคอร์จะได้สัมผัสกับความหวาดเสียวจากหนังเรื่อง  แม้ว่าหนังเรื่องนี้อาจจะเข้าถึงแก่นของเนื้อเรื่องได้แม้จะจัดวางอย่างเรียบง่ายก็ตาม”

The New York Timesประกาศว่า “เป็นเรื่องราวที่แปลกประหลาดและน่าติดตามมาก ซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่แม้ภาพยนตร์จะจบลงแล้ว”  บทวิจารณ์สองในสี่ดาวบนเว็บไซต์RogerEbert.comระบุว่า “สิ่งที่ฉลาดหลักแหลมเกี่ยวกับ  ส่วนใหญ่อยู่ที่ขอบของมัน รวมถึงบางทีอาจเป็นเพราะว่า Cronenberg สร้างภาพยนตร์ที่อย่างน้อยก็บางส่วนเกี่ยวกับระบบอุปถัมภ์ โดยหลักๆ แล้วคือการที่ตัว

ละครโยนออกจากหอคอยงาช้างแล้วดูพวกเขาต่อสู้กันในโคลนเพื่อแย่งชิงตำแหน่งที่จะปีนกลับขึ้นไปได้ ประเด็นการวิจารณ์สังคมที่แฝงอยู่ใน นั้นน่าสนใจอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ประเด็นเหล่านั้นมากเกินไปดูผิวเผิน เป็นการหยอกล้อกับแนวคิดเกี่ยวกับสิทธิพิเศษโดยที่ไม่มีอะไรจะพูดมากนัก”

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน  Humane (2024)

A Most Atrocious Thing (2024)

Perfect Sisters (2014) พฤติกรรมซ่อนนรก

Kidnapping Stella (2019) ขังอำมหิต

The Last Thing Mary Saw (2021)