Frequency (2000) เจาะเวลาผ่าความถี่ฆ่า

Frequency (2000) เจาะเวลาผ่าความถี่ฆ่า

เรื่องย่อ

ดูหนัง Frequency (2000) เจาะเวลาผ่าความถี่ฆ่า ลิงก์วิทยุข้ามเวลาโดยบังเอิญเชื่อมโยงพ่อและลูกตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ลูกชายพยายามช่วยชีวิตพ่อ แต่ต้องแก้ไขผลที่ตามมา เจาะเวลาผ่าความถี่ฆ่า (อังกฤษ: Frequency) เป็นภาพยนตร์อเมริกันในปี ค.ศ. 2000 แนวไซไฟ ระทึกขวัญ ดราม่า กำกับและอำนวยการสร้างโดย เกรกอรี ฮอบลิท เขียนบทโดย โทบี เอมเมอริค นำแสดงโดย เดนนิส เควด และ จิม คาวีเซล โดยเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับจอห์น ซัลลิแวน ที่พบเครื่องวิทยุที่พ่อของเขาให้ไว้ก่อนเสียชีวิตภายในบ้าน จอห์นได้คุยกับพ่อของเขาเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ผ่านทางคลื่นวิทยุที่บังเอิญย้อนเวลากลับจากปี 1999 ไปในปี 1969 โดยจอห์นพยายามเปลี่ยนอดีตให้พ่อของเขารอดชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่ทุกครั้งที่พ่อของเขาเปลี่ยนบางอย่างในมิติ จอห์นก็ได้พบว่ามันส่งผลต่อมิติของเขาด้วย ขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงอดีตก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมตามมามากมาย

ผู้กำกับ

เกรกอรี ฮอบลิท

บริษัท ค่ายหนัง

นิวไลน์ซินีมา

นักแสดง

เดนนิส เควด
จิม คาวีเซล
อังเดร บราวเออร์
เอลิซาเบธ มิตเชลล์
โนอาห์ เอมเมอริค
ชอว์น ดอยล์

โปสเตอร์หนัง

รีวิว

โลกของหนัง โลกของฉัน

เป็นหนังกึ่งๆTime Travelผสมกับสืบสวนสอบสวนไอเดียเจ๋งเล่าสนุกมีชั้นเชิง แถมเรื่องราวยังวุ่นวายและกลับตาลปัตรสุดๆเพราะผลพวงของการแก้ไขอดีต ผู้เขียนบทคนเดียวกับ The Butterfly Effect (2004) และผู้กำกับเดียวกับ Primal Fear (1996) และ Fracture (2007) ฉะนั้นรับประกันความสนุกครบรส😂 / หนังเล่าถึงจอห์นนี่ ซัลลิแวน (Jim Caviezel) เขาสามารถสื่อสารผ่านวิทยุกับ แฟรงค์ ซิลลิแวน (Dennis Quiad) พ่อผู้ตายไปแล้วเมื่อ30ปีก่อนจากการปฏิบัติหน้าที่นักดับเพลิง จอห์นนี่ผู้ล่วงรู้อนาคตจึงคิดจะช่วยชีวิตพ่อให้รอดตายจาการผจญเพลิงครั้งนั้น (ในเรื่องคือปีค.ศ.1969 และ 1999)
จริงๆไม่ใช่Time Travelซะทีเดียว แต่เป็นการสื่อสารข้ามกาลเวลามากกว่า
*
#เอาเป็นว่าเชียร์ให้ดูนะ
#จะพูดถึงหนังแบบมีสปอยล์
⚠️⚠️⚠️⚠️⚠️
*
ชอบบบบบบ จริงๆแอบนึกถึง About Time แต่คนละฟีลไม่ซึ้งบ่อน้ำตาแตกแบบน้านน หนังมันเก๋าที่ไอเดียบรรเจิดดี ถ้ามันเป็นแค่การติดต่อผ่านวิทยุเพื่อเตือนภัยล่วงหน้าให้กับพ่อก็อาจจะไม่เจ๋งพอในมุมTime Travel เพราะเรื่องดำเนินไวผ่านไปแค่ประมาณ40นาที พ่อก็รอดตายจากการดับเพลิงนั้นแล้ว ซึ่งใช่ จอห์นสามารถเปลี่ยนอดีตได้จริงแต่มันคือการยื้อชีวิตพ่อให้อยู่ต่ออีก20เพราะสุดท้ายพ่อก็ตายด้วยมะเร็งปอดอยู่ดี(สูบบุหรี่จัด) ไอ่เราก็คิดแล้วล่ะ จอห์นมันคงเตือนพ่อต่อว่าให้เลิกสูบบุหรี่ 555 แต่หนังไม่เล่นมุกเดิม มันเกิดButterfly Effectอย่างยิ่งใหญ่ คือมันมีฆาตรกรต่อเนื่องฉายาไนติงเกลที่จอห์นนี่วัยผู้ใหญ่ซึ่งเป็น

ตำรวจกำลังทำคดี ก่อนเปลี่ยนอดีตเขาฆ่าผู้หญิง3ราย แต่หลังอดีตถูกเปลี่ยนกลับกลายเป็นว่าเขาฆ่าผู้หญิงถึง10ราย!!และ1ในนั้นคือแม่ของจอห์น!! โดยแม่ถูกฆาตรกรรมหลังจากพ่อรอดชีวิตเพียงประมาณ1สัปดาห์ เรื่องราวจึงยิ่งเข้มข้นขึ้น ทั้งพ่อเมื่อ30ปีก่อน และจอห์นในปัจจุบันต้องสืบหาฆาตรกรตัวจริงไปพร้อมๆกัน ชอบลูกเล่นเหมือนจะง่ายแต่ก็ฉลาดดีแฮะ เช่น การส่งหลักฐานข้ามกาลเวลาเนื่องจากจอห์นอาศัยอยู่บ้านหลังเดิม พ่อส่งหลักฐานจากอดีตโดยเอาของไปซ่อนตรงบริเวณในบ้านที่มั่นใจว่าจะไม่มีใครหาเจอ พอพ่อซ่อนของปุ๊ป จอห์นก็หยิบมาได้เลย เร็วยิ่งกว่าEMS พีคคค5555 / แต่เหมือนยิ่งช่วยยิ่งวุ่นวาย พ่อกลับเสี่ยงชีวิตมากกว่าเดิม แม่ก็ยังไม่ปลอดภัย ลุ้นดีเหมือนกันนะ ยิ่งช่วงท้ายกลายเป็นหนังแอคชั่นที่อดีตส่งผลกับปัจจุบันได้ด่วนทันใจมากๆแบบซีนต่อซีนตัดสลับฉากไปมาบีบหัวใจไปอี๊ก
*
จริงๆเราเป็นคนชอบตอนจบแบบเฟลๆจิตตกๆ555 แต่เรื่องนี้มันแฮปปี้เอนดิ้ง เขียนบทมาให้เปลี่ยนแปลงอดีตได้ตามใจตามคำบอกอาจจะดูโม้หน่อย แต่ก็ทำให้ซาบซึ้งและอิ่มเอมหัวใจดีเหมือนกันนะเห้ย ตอนจบที่สุดท้ายพ่อและจอห์นก็มาบรรจบพบกัน จากลูกช่วยชีวิตพ่อในอดีต กลายเป็นพ่อกลับมาช่วยลูกในปัจจุบันได้ ฮือออ /เวลาดูหนังแนวนี้อาจจะต้องพยายามอย่ายึดติดกับทฤษฎีtime travelที่เคยรู้มา เพราะหนังทุกเรื่องสร้างทฤษฎีของตัวเองได้หมดแหละ แต่อยู่ที่ว่าหนังจะทำให้เราเชื่อได้แค่ไหน ส่วนตัวเราว่าเรื่องนี้มันก็ใช้ได้ มันครบรสดี หนังยาวแต่ก็ยังรู้สึกกระชับ ชอบที่มันผูกปมเข้ากับการสืบคดีฆาตรกรรม ทั้งที่จุดประสงค์แรกแค่จะช่วยพ่อให้รอดชีวิตจากการดับเพลิงแท้ๆ ฮ่าๆ

หนังโปรดของข้าพเจ้า

หากวันหนึ่งคุณได้รับการติดต่อลึกลับจากคนที่คุณรักซึ่งเขาจากไปแล้ว… คุณจะทำยังไง จะทำใจให้เชื่อได้ไหม แล้วถ้าคุณเชื่อไปแล้วคุณจะหาทางทำให้เขากลับคืนมาหรือเปล่า? ซึ่ง Frequency คือหนึ่งในหนังที่เอาธีมการข้ามมิติทะลุเวลามาเป็นตัวช่วยทำให้มันสามารถผสมผสานความเป็นหนังตำรวจจับผู้ร้ายและความดราม่าน้ำหูน้ำตาไหลในแง่มุมพ่อลูกออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและเจ๋งจริง ๆ ครับ

ตัวหนังเล่าถึงพ่อลูก ‘จอห์น’ (Jim Caviezel) และ ‘แฟรงค์’ (Dennis Quaid) ที่สามารถติดต่อกันได้ผ่านเครื่องรับสัญญาณวิทยุระยะสั้นผ่านวันเวลากว่า 30 ปีได้อย่างน่ามหัศจรรย์
ในโลกยุคปัจจุบัน จอห์นเป็นนายตำรวจที่กำลังไล่ตามจับคนร้ายในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ยังจับไม่ได้ ซึ่งในโลกนี้พ่อของเขาเสียชีวิตไปแล้ว ในโลกยุคอดีต แฟรงค์เป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมือดีกำลังเลี้ยงลูกน้อยวัยไม่กี่ขวบโดยไม่รู้เลยว่าฆาตกรที่ลูกตามล่ากำลังลอยนวลอยู่ในยุคของเขานี่เอง

ทว่าด้วยการติดต่อกันผ่านวิทยุทำให้ทั้งคู่ช่วยเหลือกันเพื่อออกตามล่าฆาตกรต่อเนื่องและช่วยเหลือเหยื่อก่อนที่มันจะลงมือ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วหนังสามารถมอบความบันเทิงให้เราได้เต็มเปี่ยมในการไล่ล่าลุ้นระทึกตัวฆาตกรทั้งจากในอดีตและปัจจุบันไปพร้อม ๆ กัน ที่สำคัญไปกว่านั้นในแง่มุมของการพยายามจะเล่าความสัมพันธ์พ่อลูกหนังเองก็ยังไปได้สุดจนสามารถเรียกน้ำตาเราเองได้ไม่ยากเลยทีเดียว

หนังได้มอบแง่มุมเล็ก ๆ แต่ดีงามอย่างหนึ่งเอาไว้ว่าสำหรับคนเป็นลูกนั้นมันคงจะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการได้มีทั้งแม่และพ่ออยู่ด้วยกันไปทุกเมื่อเชื่อวัน ดังนั้นสำหรับคนเป็นพ่อแล้ว หน้าที่อย่างหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้การทำงานให้ลุล่วงก็น่าจะเป็นการพยายามรักตัวเองให้มาก ดูแลชีวิตและสุขภาพตัวเองให้ดี เพราะมันไม่ได้มีแค่คุณเท่านั้นแล้วที่เป็นเจ้าของร่างกายนี้ มันยังมีคนข้างหลังที่รอคุณกลับบ้านอยู่ด้วยที่รักและหวังดีต่อร่าง ๆ นี้ไม่แพ้กันเลยทีเดียว

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

I See You (2019) แอบซ่อน จ้อง ผวา

Indecent Woman (1999)

Joy Ride 2 Dead Ahead (2008) เกมหยอก หลอกไปเชือด ภาค 2 : เชือดสุดทางนรก

Judgment Night (1993) 4 ล่า 4 หนี หลังชนฝา

Last Man Standing (1996) คนอึดตายยาก