ดูหนังออนไลน์ เต็มเรื่อง หนังใหม่อัพเดททุกวัน ฟรี HD ชัด

ดูหนังออนไลน์ moviehd24 หนังใหม่HD ดูหนังเต็มเรื่อง2024 ซีรี่ย์ออนไลน์ ดูซีรี่ย์ฟรี

google search

Ford V Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์

ปีที่ฉาย : 2019
เสียง : พากย์ไทย
Episode : -
imdb 8.3
ความคมชัด : HD
Ford V Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์

ดูหนังออนไลน์ Ford V Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์

เรื่องย่อ : Ford V Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์ ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD

ดูหนัง Ford V Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์

รีวิว

หนังโปรดของข้าพเจ้า

Ford V Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์ เปิดฉายรอบพิเศษหลัง 2 ทุ่มตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายนนี้

• การกำกับเหมือนแข่งรถเลย ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะต้องเร่งความเร็วทะยานไปข้างหน้าตลอดการแข่ง มันต้องมีช่วงผ่อนช่วงเร่งที่แม่นยำ ซึ่ง เจมส์ แมนโกลด์ ทำสำเร็จ

• ตอนแรกกังวลกับความยาวหนังยาว 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่พอดูจริงเพลินมาก เวลาผ่านไปเร็ว เล่ากระชับ โฟกัสเส้นเรื่องหลักคงเส้นคงวา

• เหมือนดูหนังที่ทีมแข่งรถกับผู้บริหารมีเป้าหมายคนละอย่างกัน แต่สามารถฉลองชัยชนะตัวเองได้แบบ win-win ฝั่งนึงต้องการโอกาสพิสูจน์ตัวเอง อีกฝั่งต้องการโชว์พาวและสร้างแผนการตลาด

• ชื่อหนัง Ford V Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์ ดูจะไม่ตรงปกเท่าไร(แต่ก็ถูก) ชื่อขายในทวีปอเมริกาเหนือเลยต้องบิ๊วๆ ฝั่งเมกัน vs. อิตาเลียน หน่อย ชอบที่หนังใช้ชื่อแบบ Le Mans 66 มากกว่า

เหมือนจะเล่นท่าไม่ยากแต่ทำให้เพลินและเข้มข้นตลอดสองชั่วโมงครึ่งได้นี่ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน คือเทียบกับ Rush แล้วต้องบอกว่าแกนเรื่องของ  บางกว่ามาก (ไม่ได้เทียบว่าใครดีกว่ากันนะ ชอบทั้งคู่) ใน Rush มันจับจุดว่าเจมส์ ฮันท์ กับ นิกิ เลาด้า ที่เป็นคู่แข่งตัวฉกาจลึก ๆ แล้วเคารพกันและใช้อีกฝ่ายเป็นแรงผลักดันตัวเองให้อยากเอาชนะ ซึ่งเนื้อเรื่องมันใหญ่กว่า พาไปสำรวจข้างในตัวละครเยอะจนมีรอยแผลหรือช่วงส่วนเกินอยู่บ้าง เทียบกับ  คือเส้นตรงเหมือนกันแต่กำกับแม่นเป๊ะทุกจังหวะ จนเราสนุกกับหนังมาก ทั้งตอนเล่าเรื่องที่ต้องสู้กับผู้บริหารฟอร์ดที่ชอบเข้ามาแทรกแซงเพราะห่วงภาพลักษณ์แบรนด์ และสู้กับนักแข่งทีมเฟอร์รารี่ เดือดพอกันเลย

หนังเริ่มจากบริษัทฟอร์ดในช่วงตกต่ำจะไปซื้อกิจการเฟอร์รารี่ที่ในแง่วิศวกรรมรถแข่งสุดยอดแต่บริษัทล้มละลาย ทีนี้กลายเป็นโดนหยามกลับมาเลยทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อจะล้มทีมรถแข่งเฟอร์รารี่ในสนามเลอมังส์ จ้าง ‘เชลบี้’ (Matt Damon) นักแข่งอเมริกันคนเดียวที่เคยชนะสนามเลอมังส์มาสร้างรถแข่งพร้อมหาคนขับเทพ ๆ ในอเมริกามาร่วมทีม ซึ่งปัญหาดันมีอยู่ว่าพวกกรรมการบริหารบางคนไม่ชอบขี้หน้า ‘เคน ไมล์ส’ (Christian Bale) ช่างเครื่องที่รู้จักรถเป็นอย่างดีแถมยังฝีมือขับขั้นเทพอีกต่างหาก

ถ้าว่าตามตรงแล้วชื่อหนังอาจจะควรเป็น Ford v Shelby เสียมากกว่า ฟอร์ดในที่นี้หมายรวมถึงทั้งองค์กรที่ขาดจิตวิญญาณในการพัฒนาวิศวกรรมยานยนต์ มีทีมบอร์ดบริหารที่เยอะแยะมากความ เจ้าของบริษัทเองก็ไม่ได้รักในสินค้าที่ขาย อันที่จริงแทบจะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ แถมยังขาดอารมณ์ร่วมกับการแข่งรถที่ตัวเองกระหายจะล้มเฟอร์รารี่ ห่วงยอดขายแต่แผนการตลาดดันไม่มีทิศทางชัดเจน การสู้กันในหนังจึงเป็นเรื่องของคนนอกวงการรถแข่ง กับคนอย่างเชลบี้ที่ลมหายใจเข้าออกแทบจะผูกพันกับมันมาทั้งชีวิต ถ้าเชลบี้จะสร้างทีมแข่งรถขั้นเทพก็ต้องอาศัยเงินทุนไม่จำกัดจากฟอร์ด ซึ่งต้องสู้กับบอร์ดบริหาร เล่นตามเกม เขาขออะไรก็ยอมบ้าง สวนตามจังหวะที่ตัวเองไม่ควรยอม ในขณะที่สหายอย่างเคน ไมล์ส ดันเป็นคนที่อารมณ์ศิลปินมากกว่า ดีลยากกันไปอีก

แต่ที่สนุกจริงได้ลุ้นมากคือการแข่งสนามสุดท้ายที่จัดเต็มความยาวและความแรงเต็มเหนี่ยว ดู ๆ อยู่อาจมีเผลอเหยียบคันเร่งในโรงหนัง อินขนาดว่าขากลับบ้านจากรอบสื่อยังอยากสวมวิญญาณนักแข่งซิ่งบนถนนกรุงเทพฯ เลยทีเดียว ดนตรีประกอบและงานภาพสอดรับประสานกันลงตัว หนังทั้งบิ๊วอารมณ์ให้เอาใจช่วย ทั้งผ่อนคลายในบางจังหวะ ตอนจบก็ไม่ได้ฟูมฟายเกินงาม อันที่จริงมันค่อย ๆ จบได้งดงามด้วยในแง่ของการพิสูจน์ตัวเอง เหมือนกับว่าเราไม่ได้จำเป็นต้องไปแข่งกับใคร เพราะความยิ่งใหญ่คือการเอาชนะความท้าทายของตัวเอง ซึ่งทั้งเชลบี้และไมล์สทำได้สำเร็จ

Director: James Mangold (ผู้กำกับ 3:10 to Yuma, Logan, Identity, Walk the Line)

screenplay: Jez Butterworth, John-Henry Butterworth, Jason Keller

Genre: biography, drama

8/10

Kanin The Movie

Ford V Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์

ค่อนข้างเป็นงานที่เซอร์ไพรซ์แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายอะไร อาจจะเพราะเราต่อติดกับหนังของ เจมส์ แมนโกลด์ มาตลอดเลย ทั้ง Identity, Walk the Line, 3:10 to Yuma, The Wolverine, Logan (ยกเว้น Knight and Day สักเรื่องนึง) แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ได้คิดว่า  จะเป็นภาพยนตร์ที่พาเราเดินทางมาสู่ประสบการณ์นี้ อาจจะเพราะเราไม่ได้รู้เรื่องจริงของสงครามยานยนต์ ไม่ได้ทราบเหตุการณ์ เลอ มองส์ ปี 66 หรืออะไรก็ตาม แรกเริ่มมันคือภาพยนตร์ที่ชวนให้นึกถึงปลายทางแบบหนึ่ง แต่กลับหักเลี้ยวเปลี่ยนเส้นทางไปสู่จุดหมายอีกแบบได้งดงามน่าสนใจ เพราะมันไปไกลกว่าเรื่องของบริษัท อำนาจ ทุนนิยม การค้า แต่เป็นเรื่องของจิตวิญญาณมนุษย์ และปณิธานที่แทรกซึมอยู่ในชีวิตของตัวละครอย่างเต็มเปี่ยม

ชอบเรื่องของ การเร่ง-การผ่อน มากๆ สำหรับการแข่งขัน เลอ มองส์ ที่กินระยะเวลา 24 ชม. ความเร็วไม่ใช่ปัจจัยสำคัญเพียงหนึ่งเดียว และสำหรับ เคน ไมลส์ ชีวิตเขาก็ไม่อาจทะยานไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งตลอดเวลาได้เช่นกัน  จึงพูดถึงการผ่อน การปล่อยวาง และยอมแพ้ต่อบางสิ่ง ซึ่งมันไม่เพียงแต่สอดรับกับเรื่องของการแข่งขัน แต่ยังแสดงภาพความสัมพันธ์และมิตรภาพของตัวละครออกมาอย่างกลมกลืนด้วย มันจึงไม่ใช่หนังบ้าระห่ำที่มุ่งเน้นและเสาะหาแต่ความเร็ว แต่ยังเปิดพื้นที่ให้เราเห็นความใจเย็น ความสงบ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางสนามแข่ง ท่ามกลางสงครมธุรกิจ หรือกระทั่งบนรถยนต์ที่ความเร็ว 7,000 รอบต่อนาที ซึ่งเรารู้สึกว่า เจมส์ แมนโกลด์ กำกับแม่นมาก บาลานซ์ดีไปหมดเลยทั้งพาร์ทแอคชั่น พาร์ทดราม่า มันอาจจะไม่ได้ระเบิดระเบ้อโฉบเฉี่ยวแต่ก็ระทึกบีบหัวใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เมื่อหนังมันพูดถึงบททดสอบความเป็นมนุษย์ของตัวละคร

มันเป็นหนังที่พูดเรื่อง ชัยชนะ-พ่ายแพ้ อย่างเข้มข้นและหลากหลายมิติมากๆ คำว่าชนะของมนุษย์มีหลากหลายรูปแบบ กระทั่งเรื่องๆเดียวก็สามารถมองได้อย่างมากมายว่าอะไรคือสิ่งที่ชนะ อะไรคือสิ่งที่แพ้ เพราะแต่ละคนล้วนมีหมุดหมายปักอยู่เป็นของตัวเอง Ford v Ferarri หยิบเอาประเด็นนี้มาเล่าอย่างน่าสนใจในเกมสงครามธุรกิจที่ทุกคนพยายามเป็นผู้ชนะในแบบของตน การต่อสู้เริ่มขึ้นตั้งแต่การประกอบรถ คิดค้นนวัตกรรม การจัดหาคนแข่งขัน หรือกระทั่งในสนาม รถยนต์กับคนขับก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ตัดสิน หากแต่ยังเป็นพิต มีทีมงานอีกมากมายที่สามารถเล่นเกม พลิกผันสถานการณ์ได้เช่นกัน (ซึ่งสนุกมาก) กระนั้น สิ่งที่ทำให้เราอินที่สุดคือการที่หนังตั้งคำถามว่า “ชัยชนะเป็นของใคร” และอะไรที่เป็นตัววัดชัยชนะ การเข้าถึงเส้นชัยก่อน ศักดิ์ศรี กำไรธุรกิจ ฯลฯ มันเป็นหนังที่พูดถึงสิ่งเหล่านี้เยอะ แต่ก็เพื่อผลักตัวละครอย่าง เคน ไมลส์ ออกมา หลายๆคนอาจจะไม่รู้สึกว่า Ford v Ferrari เป็นชื่อหนังที่เหมาะสม แต่เรากลับรู้สึกว่าเพราะชื่อนี้นี่แหละหนังถึงเจ็บ แต่ในระหว่างที่เจ็บ มันก็โรแมนติกงดงามอย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน

Ford v Ferrari อาจเรียกได้ว่าเป็นหนังบันเทิงที่สุดประจำปีนี้เรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ มันเป็นเรื่องราวที่ทรงพลัง ผ่านการถักทอมาอย่างดี แต่ก็ไม่ได้ทิ้งความเป็นแมส หนังเล่าสนุก เต็มไปสีสัน และเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของคอมเมดี้ที่น่าจดจำ รวมไปถึงฉากแข่งรถก็สนุกเร้าใจซึ่งเล่าได้ดีทั้งภาพและเสียง (โดยเฉพาะอย่างหลังที่กระหึ่มสะใจจน Digital Soundcheck กระเด็นไปเลย) อีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้คงเป็นการแสดงของ คริสเตียน เบล และ แมตต์ เดมอน แน่นอนว่าสุดยอดทั้งคู่ เบล กลับมาในโหมดที่มีแววน่าจับตาเฉกเช่นตอน The Fighter (2010) แต่ที่แอบเซอร์ไพรซ์คือ เดมอน ที่ไม่ค่อยได้เห็นเล่นหนังทำนองนี้เท่าไหร่แล้ว แม้จะไม่มีพื้นที่ให้ปล่อยของ แต่ตอนจบก็ดีจนต้องกราบอยู่ดี

ตอนนี้หนังเข้าฉายรอบพิเศษ 2 ทุ่มครับ ฉากจริงวีคหน้า ช่วงนี้อาจจะเห็นคำว่า “หนังแห่งปี” เยอะหน่อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าผลงานคุณภาพเข้ามาชนกันเยอะจริงๆ Ford v Ferrari ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใดถ้าเราจะใส่คำดังกล่าวเข้ามาในบทความ ใครที่ชื่นชอบหนังทำนอง Rush (2013) ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง อาจจะไม่มันส์เท่า แต่เชื่อเถอะว่าคุณต้องหลงรักมันแน่นอน (ส่วนตัวชอบเรื่องนี้มากกว่า)

Ford V Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์ (dir. James Mangold) – 8.5/10

หนังครอบจักรวาล

Ford V Ferrari (2019) – เล็ทส์โก วิ่งสู่ฝัน วันของเราDirector : James Mangold (Logan, Walk the Line)

Genre : Action, Biography, Drama

Spoil : Lv.0/5 (**กำลังจะ spoil)

เป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่อยากดูมากๆของปีนี้เลย เพราะด้วยความที่มี Method Actor อย่าง Bale ร่วมแสดง มันทำให้ใจคือแบบอยากดูไป 80% แล้ว ละยิ่งรู้ว่า James Mangold โอ้โหหหหห เอาไป 100% ไปเลย!!

บท : บทดำเนินไปอย่างลื่นไหลและไม่น่าเบื่อ เราจะต้องมาคอยนั่งลุ้นจนตัวเกร็งไปหมดว่า จะผ่านมั้ย จะได้มั้ย จะรอดมั้ย จะตายมั้ย ยกให้ Mangold เลยที่รังสรรค์มันออกมาได้ลุ้นระทึกทุกวินาทีขนาดนี้ และทุกอย่างดูมีปมปัญหา ก็ไม่คิดว่ามันสร้างมาจากเรื่องจริงแต่มันจะเดือดได้ขนาดนี้

การแสดง : Christian Bale คือโคตรดี บอกเลยว่าเข้าชิงนำชายออสการ์ปีนี้ไม่ยากเลย เป็นตัวละครที่เหมือนไม่ได้แสดง นึกว่าคือตัวจริงๆมาเล่น ซีนอารมณ์ก็สุด ซีนเค้นความรู้สึกก็สุด เพราะตัวละคร เคน ไมล์ ค่อนข้างจะมีปมเรื่องการเข้าสังคมและที่สำคัญ มันมีหลายมิติมาก ส่วน Matt Demon ก็ดีในส่วนที่แมตทำได้ มาลุ้นอีกทีว่าจะไหวเข้าชิงสมทบชายมั้ย และส่วนนักแสดงสมทบที่เหลือก็เผ็จไม่ต่างกัน

ข้อสำคัญที่สุดเลยคือ ไดอะล็อคที่ส่งให้กันแม่งมันมากๆ

งานเสียง : หวดกันยับกับเสียงจากรถต่างๆ เสียงแน่นมากกกกกกก เสียงดนตรีประกอบก็ดี ดีไปหมดเลย!!!!

งานภาพ : การถ่ายดีมาก ไม่คิดว่าแค่การแข่งรถเฉยๆมันจะทำให้เราลุ้นได้ ก็ต้องยอมรับว่ามุมกล้องมันช่วยให้เราอินจริงๆ ทั้ง Handicam ที่ติดตรงประตูรถ มุมกล้องที่เห็นอากัปกิริยา ความรู้สึกของคนขับ เสมือนเค้าให้เราไปนั่งข้างๆตัวละคร

โปรดักชั่นและการแต่งกาย : มันสร้างมาจากเรื่องจริง แล้วสถานที่ถ่ายทำ และการแต่งกายก็ทำให้เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

‼️‼️สรุป‼️เป็นหนังชีวประวัติที่อยากแนะนำให้ดูมากๆครับ มันสนุกและลุ้นมากๆ พอตัวละครทำอะไรสำเร็จนิดหน่อย น้ำตานี่แทบไหลเลย แค่ไปดูการแสดงก็โคตรคุ้มแล้วจีงงงงง!

💚ความชอบส่วนตัว 5/5

🎬ความเป็นหนัง 5/5

🌟หนังดาวรุ่ง 10/10

ขอบสหนัง

ขอบสหนังรีวิว

Ford V Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์

ในบรรดาหนังกระแสหลักในปี 2019 คงไม่มีเรื่องไหนที่ดึงดูดความน่าสนใจผมได้มากเท่ากับหนังแนวทาง Based on the true story ที่อิงจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในการดีไซต์รถแบรนด์ฟอร์ด เพื่อเอาชนะแบรนด์เฟอร์รารี่ในการแข่งขันรถสุดหฤโหดที่ต้องแข่งขันอย่างต่อเนื่อง 24ชั่วโมงเลอ มังส์

จุดเด่น

เจมส์ แมนโกลด์ ผู้กำกับเรื่องนี้ขึ้นชื่อลือชาในการผลิตหนังได้หลากหลายสไตล์ และการเล่าเรื่องที่อิงจากความเป็นจริงทำให้มันกลายเป็นหนังดราม่าที่โคตรมันได้อรรถรสมาก ปกติแล้วคนทั่วไปดูหนังไม่ค่อยอิงแนวทางแบบนี้ แต่ใน Ford & Ferrari ไม่ได้เป็นแบบนั้น

หนังเปิดหัวที่มาที่ไปของตัวละครหลัก คือ เคน ไมลส์ และ คารอล เชลบี ที่มาพบกันโดยความไม่ได้ตั้งใจ แต่เกิดประทับใจในฝีมือการขับรถของไมลส์ การดำเนินเรื่องก็เริ่มขึ้นจากตรงนั้น หนังไม่ได้เน้นเรื่องการช่วงชิงพื้นที่ในการแข่งรถเหมือนในชื่อเรื่อง แต่มันเป็นการปูความสัมพันธ์ของ ไมลส์ และ เชลบี ซึ่งตลอดทั้งเรื่องจนนำไปสู่การแข่งขันสนาม24ชั่วโมงเลอ มังส์ แน่นอนว่าเป้าหมายคือการล้มเฟอร์รารี่ เราจึงได้เห็นการทดลองที่ล้มลุกคลุกคลานที่ดูยังไงแล้ว คุณจะต้องชอบความดราม่าของหนังเรื่องนี้

ส่วนเทคนิคการถ่าย

ทำการออกแบบฉาก ยอมรับว่าทีมงานของ แมนโกลด์ เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน ทั้งนักแสดง, โลเคชั่นการถ่ายทำ ตัวรถที่ใช้แข่งขันที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ทำให้ภาพที่ปรากฏสู่สายตาคนดู อารมณ์เหมือนอยู่ในยุคปี 1966

นักแสดง

ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องดีมากๆ ที่นักแสดงนำตัวชูโรงของเรื่องไม่ใช่ทอม ครูซ และ แบรด พิตต์ เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้น ผมมองว่าโฉมหน้าของหนังคงไม่ได้เป็นแนวทางดราม่าที่สนุกเร้าใจไปด้วยการห่ำหั่นกันในสนามแข่งขันรถเพื่อช่วงชิงความเป็นเจ้าแห่งความเร็วแน่ๆ

ซึ่งการมี คริสเตียน เบล มาสวมบทเป็น เคน ไมลส์ บุคคลที่มีอยู่ในชีวิตจริง อดีตทหารผ่านศึกผู้หลงใหลและเชี่ยวชาญในด้านรถยนต์จนมาเปิดอู่ซ่อมรถ และกลายเป็นคนขับรถแบรนด์ฟอร์ด จนเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์วงการความเร็วไปตลอดกาล พี่แกสอบผ่านชั้นเชิงการแสดงหายห่วง หลายฉากในหนังได้เห็นภาพเบลที่ดูเท่ห์มีเสน่ห์โดยเฉพาะซีนที่อยู่หลังพวงมาลัย เขาตีสามารถเข้าถึงคาแรกเตอร์ได้แบบแนบเนียน

แมตต์ เดมอน อดีต กับบท คารอล เชลบี อดีตนักขับรถชื่อดังที่ต้องผันตัวเองมาเป็นคนออกแบบรถให้ฟอร์ดเพื่อนำไปแข่งในเลอ มังส์ บทนี้มีความสำคัญมากในการดำเนินเรื่อง เพราะต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่ไม่เข้าใจการแข่งขันรถ ใส่สูทผูกไท หวังผลประโยชน์ทางธุรกิจและภาพลักษณ์ มองแค่ว่าโยนเงินให้แล้วไปจัดการ ซึ่งคาแรกเตอร์ของแมตต์ ในเรื่องดูมีความฉลาดแสบสันมากๆ ตั้งต้นเรื่องจนจบ

จอช ลูคัส นี่คือนักแสดงที่เอาตรงๆ คือมนุษย์ที่สร้างความปั่นป่วนให้หนังเรื่องนี้ นอกจากกลุ่มฝั่งตรงข้ามอย่างเฟอร์รารี่ อารมณ์ประมาณว่าไม่มีประโยชน์ประจบนาย อยากมีหน้ามีตาในสังคมการแข่งขันรถ วางแผนที่จะดัดหลัง เคน ไมลส์ และคารอล เชลบี อยู่ตลอดเวลา ยอมรับว่าตัวละครที่เล่นของ ลูคัส นั้นช่วยดำเนินเรื่องได้ดี แม้ว่าผมจะไม่ชอบขี้หน้าก็เถอะนะ

จุดบอดของเรื่อง

ความพิถีพิถันในการถ่ายทอดเรื่องราวของตลอด 2 ชั่วโมงครึ่ง มันทำให้ผมรู้สึกว่ามันไม่มีจุดอ่อนหรือช่องโหว่ให้ต้องไปตำหนิติติง ในแง่ของประวัติศาสตร์ยานยนต์อิงจากความเป็นจริงได้สมบูรณ์แบบแล้ว แต่ผมรู้สึกติดขัดช่วงการจบของเรื่องราวเล็กน้อยแค่นั้น

สรุป

Ford V Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์ นี่คือหนังดราม่าที่ดูแล้วโคตรบันเทิง การเก็บรายละเอียดที่หมดจดอิงจากความเป็นจริงทำให้หนังสมจริง ผสมผสานกับการฟาดฟันบทของนักแสดงที่ดูอร่อยเหาะ ไม่มีความน่าเบื่อจนอยากเดินหนีเลยแม้แต่น้อย

แจกรีวิว 9.5/10

ผู้กำกับ

  • James Mangold

บริษัท ค่ายหนัง

  • Chernin Entertainment
  • TSG Entertainment
  • Turnpike Films

นักแสดง

  • Matt Damon
  • Christian Bale
  • Jon Bernthal
  • Caitríona Balfe
  • Tracy Letts
  • Josh Lucas

โปสเตอร์หนัง

Ford V Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์

Ford V Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์

Ford V Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์

เรื่องย่อ

ดูหนังออนไลน์ แคร์โรลล์ เชลบี นักออกแบบรถยนต์ชาวอเมริกันและเคน ไมล์ส นักขับต้องต่อสู้กับการแทรกแซงของบริษัทและกฎฟิสิกส์เพื่อสร้างรถแข่งปฏิวัติวงการให้กับฟอร์ด เพื่อเอาชนะเฟอร์รารี่ในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ในปี 1966

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

The Legend of Speed (1999) เร็วทะลุนรก

FAST X (2023) เร็ว…แรง ทะลุนรก 10

Fast & Furious: Hobbs & Shaw (2019) เร็ว…แรงทะลุนรก ฮ็อบส์ & ชอว์

Fast And Furious 8 (2017) เร็ว…แรงทะลุนรก 8

Days of Thunder (1990) ซิ่งสายฟ้า

แสดงความคิดเห็น
movie onlineขอดูหนังออนไลน์ดู หนัง ออนไลน์ ฟรี 2023ช่องดูหนังฟรีดู หนัง ฟรี ออนไลน์ ไม่ สะดุดดู หนัง ออนไลน์ดู หนัง ออนไลน์ 037ดู หนัง ออนไลน์ 2023ดู หนัง ออนไลน์ 2024ดู หนัง ออนไลน์ 4kดู หนัง ออนไลน์ ไม่ กระตุกดู หนัง ใหมดู หนังซับไทยดูการ์ตูนออนไลน์ดูหนังดูหนัง พากย์ไทยดูหนัง เต็มเรื่องดูหนังHDดูหนังการ์ตูนดูหนังฝรั่งดูหนังฝรั่ง พากย์ไทยดูหนังฝรั่ง พากย์ไทย ออนไลน์ฟรีไม่กระตุกดูหนังฟรีดูหนังออนไลน์ดูหนังออนไลน์ ชัดดูหนังออนไลน์ ไม่มี โฆษณาดูหนังออนไลน์24ชั่วโมงดูหนังออนไลน์ชัด hd ฟรีดูหนังใหม่หนัง ดู ฟรีหนัง ออนไลน์หนัง เต็ม เรื่องหนัง เต็มเรื่องหนัง เต็มเรื่องพากย์ไทยหนังชนโรง พากย์ไทยหนังออนไลน์ มากมายหนังออนไลน์ เต็มเรื่องหนังออนไลน์movieหนังออนไลน์ฟรี ไม่สะดุดหนังออนไลน์ฟรีไม่สะดุดหนังเต็มเรื่องหนังใหม่ เต็มเรื่องออนไลน์ฟรีไม่กระตุกเว็บ ดู หนัง ไม่ สะดุดเว็บดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมงเว็บดูหนังไทยออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมงเว็บหนัง

ดูหนังออนไลน์ ดูซีรี่ย์ฟรี เรื่องอื่นๆ

ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่2024 moviehd24 ดูหนังเต็มเรื่อง หนังHD ดูหนังฟรีไม่กระตุก