Equals (2015) ฝ่ากฎล้ำ โลกห้ามรัก

Equals (2015) ฝ่ากฎล้ำ โลกห้ามรัก

รีวิวหนัง

Equals  Me Review – มีรีวิว

หนังเกี่ยวกับโลกที่คนทุกคนจะไร้อารมณ์ ไร้ความรู้สึก ใครมีถือว่าป่วย พระเอก นางเอก ถูกจัดว่าเป็นคนป่วยและมารักกัน …แล้วจะอยู่รอดต่อไปได้อย่างไรในสังคมนี้ภาพรวมคือหนังก็ไร้อารมณ์ ไร้ความรู้สึกพอสมควร ไปโฟกัสกับฉากซ้ำๆ กิจวัตรของตัวละครหลัก ตอนดูนี่แอบทรมานมาก เพราะมันเป็นโลกอุดมคติเกินไป ถึงมันจะทำให้เข้าใจว่าโลกแบบนี้ คนที่มีอารมณ์ ความรู้สึกอยู่แล้วจะอึดอัดยังไง แต่หนังมันน่าจะทำได้สนุกกว่านี้

คือพอมันนำเสนอเรื่องซ้ำๆ นักแสดงตีหน้าตาย ไร้อารมณ์ความรู้สึก (คือเล่นดี ตามบทนะ) …แต่มันไม่สนุกไงครับอยากบอกว่าใช้ความพยายามในการดูหนังเรื่องนี้ให้จบนานมาก ดูแล้วหลับ ดูแล้วเบรค หลายรอบมาก กว่าจะทนดูจนจบขอสารภาพว่าช่วงสุดท้ายกรอๆ ว่าจะมีประเด็นอะไรน่าสนใจมั้ย …ซึ่งก็ไม่มี (สำหรับผม)

สรุป : ถ้าว่างมากๆ …แนะนำให้หาหนังเรื่องอื่นมาดู หรือ ไปทำอย่างอื่น แทนการดูหนังเรื่องนี้ครับ

Kanin The Movie

( 8 / 10 )
.
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น เราต้องยืนยันและยอมรับในตรงนี้ว่า Equals ไม่ได้จัดอยู่ในหนังคุณภาพซะเท่าไหร่ มันเต็มไปด้วยความเวิ่นเว้อ เนิบนาบ หลายๆช่วงเกือบจะไร้แก่นสาร และ หลายๆช่วงเกือบจะทำให้หลับ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การผสมผสานของเนื้อหา อารมณ์ การแสดง โปรดักชั่น แสงสี และ ดนตรี มันทำให้เรารู้สึกชอบมากๆอย่างบอกไม่ถูก บางทีอาจจะเป็นอาการตื่นรู้สึกที่เกิดกับพระเอกโดยไม่รู้ตัวแบบในหนังก็ได้
.
Equals เล่าเรื่องราวในอนาคตเหมือนหลายๆเรื่องที่พบเห็น ที่แตกต่างหน่อยก็คือโลกใน   มันเป็น utopia มันเป็นโลกในอุดมคติของมนุษย์ที่สงบ ไร้ปัญหาใดๆ ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะมนุษย์ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้ไม่มีความรู้สึกตั้งแต่เกิด ไม่มีความรู้สึกในทีนี้คือ ทุกๆการสัมผัสในร่างกาย อารมณ์ ความรู้สึก พวกเค้าเติบโตมาอย่างหุ่นยนต์ มีชีวิตประจำวันวนไปมาแบบไร้แก่นสาร โดยไม่มีโอกาสจะได้ตั้งคำถามกับตัวเองเลยว่าเราทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ชีวิตแบบนี้มีไปเพื่ออะไร
.
เหมือนมีมนต์อะไรบางอย่างที่ดึงดูดเราเข้ากับเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มเลือก หลายๆอย่างที่ถูก set ตั้งแต่แรกมันโดนใจเราอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่สถานปัตยกรรมที่ดูมินิมอล เรียบง่าย ทันสมัย แต่ไม่ได้ก้าวข้ามความเป็น hitech สูงจนเกินไป อนึ่ง เพราะหนังไม่ได้มี gadget ล้ำๆ แหวกๆมากซะเท่าไหร่ ที่ดูทันสมัยน่าจะเป็นการออกแบบ้าน / เครื่องแต่งงาน และอุปกรณ์ทำงานของตัวละครเอกซะมากกว่า กระนั้น ด้าน production สถาปัตยกรรมก็ดูจะไม่มีไปมากกว่า สวย และ เก๋ เพราะทั้งหมดทั้งมวลถูกสร้างสรรค์มาเพื่อให้ดูว่ามันเป็นโลกอนาคต ที่เงียบสงบ (ด้วยการใช้สีขาว – โทนเย็นเกือบทั้งหมด) อนึ่ง หนังถ่ายทำที่ญี่ปุ่นด้วย ซึ่งเราประทับใจเมืองนี้มากๆ และสัมผัสได้ว่ามันเป็นโลเคชั่นเมืองเล็กๆ เพราะหนังได้กล่าวในบางช่วงถึงความชิบหายวายวอดจากสงครามมาก่อนหน้า
.
เรื่องความสัมพันธ์ตัวละครเป็นอะไรที่เราชอบพอสมควร เราจะได้เห็นสองตัวละครในช่วงแรกที่ต่างมีความรู้สึกเหมือนกัน แต่วิธีรับมือต่างกัน คนแรกไม่สามารถควบคุมได้ อีกคนพยายามฝืนความรู้สึกตัวเองมาตลอด การระเบิดลงของคนหลังจึงไม่ใช่เรื่องแปลก หนังได้ Kristen Stewart มาเล่น แต่เป็นบทบาทที่เราประทับใจมากๆ เพราะนางรับอารมณ์ดราม่าไว้เกือบทั้งเรื่องเลย

ตัวละครที่ต้องแสดงเป็นคนไม่รู้สึก แต่ตัวเองรู้สึก มันช่างว้าวุ่นป่วนใจเหลือเกิน ส่วน Nicholas Hoult ทำได้ดีในช่วงแรกที่พัฒนาจากคนไม่รู้สึกกลายว่าเป็นคนช่างรู้สึก ตั้งแต่การได้ลิ้นรสชาติอาหาร, สัมผัสกับน้ำอีกที่อาบ การฝันร้าย การสนใจคนสักคน แอบชาติ ไปจนถึงรัก พัฒนาการตัวละครนี้ช่วงแรกดีมากๆ และหนังก็มาขยี้ตอนท้ายอีกที
.
ที่น่าเศร้าที่สุดคือ  เล่าถึงสังคมมนุษย์ที่พยายามจะลบล้างสิ่งที่มนุษย์เป็นทั้งหมดออก ทั้งการรู้สึก การมีความอารมณ์ ความต้องการ เสียใจ เศร้าใส ฯลฯ ในหนัง ยังไม่สามารถรักษาโรคได้ แต่ก็น่าสนใจที่พวกเค้าพยายามจะหาทางรักษา ซึ่งนั่นก็หมายถึงการลบล้างความเป็นมนุษย์แบบเบ็ดเสร็จ จนอาจเรียกว่าเราเกิดมาเพื่อเป็นเครื่องจักรก็ไม่แปลก
.
ที่ประทับใจคือขยายพันธุ์ของมนุษย์ที่ใช้ระบบ เรียกเกณฑ์ตั้งครรภ์แทน ประดั่งเกณฑ์ทหารแต่ไม่รู้ว่าจะโดนเมื่อไหร่ ระบบในหนังมีความน่าสนใจมาก เป็นความโหดร้ายที่ไร้ฉากรุนแรง ไม่มีตัวละครตัวร้ายแบบโหดๆ หรือตัวการให้นางเอกเอาชนะ ไม่มีการปฏิวัติ ไม่มีแคทนิส ไม่มีทริส นี่คือโลก utopia ที่ตัวละครป็นแค่เล็กๆจริงๆ ไม่สาารถจะก้าวเข้าไปต่อสู้กับสิ่งใดๆได้ เราชอบตรงนี้
.
เป็นหนังรักที่ประทบใจในช่วงท้ายมากๆ แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะมีความพิลึกพิลั่นอย่างกะทอดละครหลังข่าวมาใส่ จนรู้สึกว่า drop มากๆกระนั้นช่งท้ายที่ไม่ได้เซอร์ไพรซ์อะไร กลับฆ่าเราเต็มๆ จนรู้สึกว่ามันเป็น tragic ที่งดงาม ชวนอึดอัด ไม่แพ้ตอนดู the lobster ที่ตัวละครถูกห้ามในรักกันในตอนท้าย กระนั้นใน Equals ถูกเล่าอาจประณีต บรรจง และเนี๊ยบจนหลายๆช่วงดูล่องลอยหลุดสตอรี่ไป กระนั้น โดยภาครวมเราประทับใจที่สุด จนเรียกได้ว่านานๆทีจะประทับใจกับหนังรักแบบนี้ จนอยากหาผลงานเก่าของเค้ามาดูเลย
“มนุษย์ต่างส่งยานสำรวจอวกาศออกไปไกล 800 ล้านไมล์ เพื่อค้นหาว่าเรามีชีวิตเพื่ออะไร ทั้งๆที่ความหมายที่แท้จริงมันอยู่ตรงหน้าเรามาตั้งนานแล้ว”

ผู้กำกับ

Drake Doremus

บริษัท ค่ายหนัง

Route One Films
Scott Free Productions
Freedom Media
Infinite Frameworks Studio

นักแสดง

Nicholas Hoult
Kristen Stewart
Guy Pearce
Jacki Weaver

โปสเตอร์หนัง

เรื่องย่อ

ดูหนัง Equals (2015) ฝ่ากฎล้ำ โลกห้ามรัก ในยูโทเปียที่ไร้ซึ่งอารมณ์ คนสองคนตกหลุมรักกันเมื่อพวกเขาฟื้นความรู้สึกจากโรคลึกลับ ทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างพวกเขาและสังคม

ในสังคมดิสโทเปียแห่งอนาคต พลเมืองหรือที่เรียกว่า “สมาชิก” อาศัยอยู่ภายใต้ Collective ซึ่งเป็นองค์กรนิติบัญญัติที่คอยติดตามและควบคุมการกระทำของประชาชน ประชาชนมีความมั่นคงทางจิตใจ อารมณ์และความเจ็บป่วยส่วนใหญ่จะถูกกำจัดให้สิ้นซาก โดยอารมณ์และกิจกรรมทางเพศขัดต่อกฎเกณฑ์ของสังคม และการปฏิสนธิทำได้โดยการผสมเทียมผ่านการเรียกตัวในการปฏิสนธิ ดูหนังออนไลน์

Silas พลเมืองคนหนึ่ง ทำงานเป็นนักวาดภาพประกอบให้กับ Atmos เมื่อกลับมาถึงบ้านในคืนหนึ่ง เขาเห็นพลเมืองสองคนถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว และนึกถึงการระบาดของโรค Switched-On Syndrome (SOS) ซึ่งเป็น “โรค” หลายระยะที่ช่วยฟื้นคืนอารมณ์ของมนุษย์ ผู้ประสบภัยที่ไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองก้าวหน้าไปสู่ระยะที่สี่ และถูกควบคุมตัวในสถานบำบัดโรคระบบประสาททางอารมณ์ที่มีข้อบกพร่องอันน่าสะพรึงกลัว (DEN)

ซึ่งเป็นสถาบันของกลุ่ม Collective ซึ่งไม่มีใครจากไป วันรุ่งขึ้นในที่ทำงาน พนักงานที่ฆ่าตัวตายกระโดดลงไปสู่ความตาย และคนงานที่ไม่มีอารมณ์ก็วิเคราะห์ช่วงเวลานั้นอย่างเย็นชา สิลาสเป็นสมาชิกกลุ่มเพียงคนเดียวที่สังเกตเห็นเพื่อนร่วมงานอย่างเนียมีปฏิกิริยาทางอารมณ์ ต่อมาในการประชุมทีม เขาเห็นการแสดงออกของ Nia แสดงให้เห็นอารมณ์อีกครั้ง

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Little Monsters (2019) ซอมบี้มาแล้วงับ

Across the Universe (2007) รักนี้คือทุกสิ่ง

Bad Education (2020)

Horns (2013) คนมีเขา เงามัจจุราช

Krampus (2015) แครมปัส ปีศาจแสบป่วนวันหรรษา