เรื่องย่อ : Drive My Car (2021) สุดทางรัก ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
Drive My Car (2021) สุดทางรัก
ยูซูเกะ ฮาฟูกุ (ฮิเดโตชิ นิชิจิมะ) เป็นนักแสดงและผู้กำกับละครเวทีหนุ่มใหญ่ที่มีชีวิตแต่งงานแสนสุขกับ โอโตะ (เรกะ คิริชิมะ) นักเขียนบทสาว แต่แล้ววันหนึ่งโอโตะก็เสียชีวิตอย่างกะทันหัน ทิ้งไว้เพียงความลับและบาดแผล สองปีต่อมา ฮาฟูกุซึ่งยังคงไม่สามารถเยียวยาจิตใจตัวเองจากความสูญเสียได้ ตัดสินใจรับข้อเสนอไปกำกับละครเรื่องหนึ่งในเทศกาลที่ฮิโรชิมาและขับรถออกเดินทางไปตามลำพัง ที่นั่นเขาได้พบมิซากิ (โทโกะ มิอุระ) หญิงสาวเงียบขรึมผู้ได้รับมอบหมายให้มาเป็นคนขับรถของเขา ทั้งคู่ซึ่งแตกต่างกันในทุกด้านจำต้องใช้เวลาร่วมกันบนรถสีแดงคันเล็ก โดยหารู้ไม่ว่ามันจะกลายเป็นทั้งสถานที่เผยความลับและเป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง
รีวซูเกะ ฮามางูจิ
[CR] Drive My Car (2021) – เรื่องราวความเจ็บปวดของคนเสียศูนย์ในชีวิต / หนังญี่ปุ่นที่งดงามและโดดเด่นในรอบหลายปี
Drive My Car (2021) – สุดทางรัก
” สวยงาม และประณีต… เป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ยืนได้อย่างโดดเด่นในเวทีภาพยนตร์โลก ”
สวัสดีครับทุก ๆ ท่าน ! เนื่องจากกำลังจะถึงสิ้นปีแล้ว ผมอยากมาแนะนำหนังที่น่าประทับใจ (ซึ่งบางท่านอาจจะพลาดหรือหลงลืมไป) สำหรับกระทู้นี้ก็อยากจะมารีวิว Drive My Car (2021) ของผู้กำกับ Ryusuke Hamaguchi
ณ เวลานี้ ต้องบอกว่า เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเข้าชิงออสการ์ภาพยนตร์ต่างประเทศในปีนี้ เนื่องจากได้เข้าชิงและคว้ารางวัลใหญ่ในหลายเทศกาล รวมถึงตัวหนังยังได้รับรางวัลใหญ่จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (Festival De Canne 2021) ในสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Award for Best Screenplay) และยังเข้าชิงปาล์มทองคำ (Palme d’Or) อีกด้วย น่าจับตามองมากเลยทีเดียว !
เรื่องย่อ
Drive My Car สุดทางรัก | Official Trailer ซับไทย
ยูซูเกะ ฮาฟูกุ (ฮิเดโตชิ นิชิจิมะ) นักแสดงและผู้กำกับละครเวทีหนุ่มใหญ่ที่มีชีวิตแต่งงานแสนสุขกับ โอโตะ (เรกะ คิริชิมะ) นักเขียนบทสาว วันหนึ่งโอโตะเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ทิ้งไว้เพียงความลับและบาดแผล
สองปีต่อมา ฮาฟูกุยังคงไม่สามารถเยียวยาจิตใจตัวเองจากความสูญเสียได้ จึงตัดสินใจรับข้อเสนอไปกำกับละครเรื่องหนึ่งที่เมืองฮิโรชิมา ที่นั่นเขาได้พบมิซากิ (โทโกะ มิอุระ) หญิงสาวเงียบขรึมผู้ได้รับมอบหมายให้มาเป็นคนขับรถของเขา
ทั้งคู่ซึ่งแตกต่างกันในทุกด้านจำต้องใช้เวลาร่วมกันบนรถสีแดงคันเล็ก โดยหารู้ไม่ว่ามันจะกลายเป็นทั้งสถานที่เผยความลับและเป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง… [Credit – pantip]
ความรู้สึกหลังจากได้ชม
– ต้องขอบอกว่า Drive My Car เป็นหนังที่ “สวยงาม เนี้ยบ ประณีต” เมื่อเทียบกับหนังญี่ปุ่นที่ดูมาในรอบหลายปี ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่ไม่ใช่งานที่ง่ายกับการดัดแปลงและตีความงานเขียนของมูราคามิมาเป็นงานภาพยนตร์ (งานเขียนของมูราคามิขึ้นชื่อว่า งานประพันธ์ที่อ่านยากและต้องอาศัยการตีความสูง และมีชื่อเสียงในระดับโลก)
– จุดที่ประทับใจที่สุดคงเป็น “ภาษาหนังและเทคนิคการเล่า” โดยเล่าเรื่องตัดสลับไปมาระหว่าง ละครเวที (เส้นเรื่องนามธรรม) กับ เรื่องราวในโลกความเป็นจริง (เส้นเรื่องรูปธรรม) ทั้งสองเส้นเรื่องต่างเดินขนานกันไป มีการผลัดสลับกันให้น้ำหนักไปมา จนท้ายที่สุดทั้งสองเส้นเรื่องก็กลายเนื้อเดียวกัน
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Eiko Ishibashi | Drive My Car (Kafuku)
– ในขณะที่เดินเรื่อง หนังมีการขยี้อารมณ์ และค่อย ๆ คลี่คลายปมสิ่งต่าง ๆ ที่วางไว้ตั้งแต่ต้น เพื่อนำไปสู่บทสรุป ทำให้ภาพรวมหนังดูครีเอทและแพรวพราว / หลายๆ ฉากหรือบางส่วนของเนื้อเรื่องมีการใส่ “ความแฟนตาซีเล็ก ๆ” ลงไป (บนโลกความเป็นจริง) ตามสไตล์งานเขียนของมูราคามิ แล้วแสดงออกมาผ่านเนื้อเรื่อง มุมกล้อง งานภาพ เสียง โลเคชั่น
จากที่ว่ามานี้ ต้องยกเลยว่า นี่เป็นหนังที่เปี่ยมด้วยสุนทรียภาพโดยที่ไม่ได้ดูยากจนเกินไป และไม่แปลกใจว่า ทำไมหนังถึงโดนใจนักวิจารณ์มากมาย สามารถไปคว้ารางวัลในเทศกาลภาพยนตร์หลาย ๆ ที่… อย่างไรก็ตาม Drive My Car ก็ไม่ใช่หนังดูง่ายแบบปอกกล้วยเข้าปาก หนังมีความอาร์ต มีภาษาที่ประณีต ละเมียดละไม จึงต้องระมัดระวัง และไม่ใจร้อนจนเกินไปในขณะชม
บรรยากาศพาให้เราอยากไปฮิโรชิม่าในทันที
– ในส่วนประเด็นหลักของหนัง ดูแล้ว ก็นึกถึงเรื่อง Manchester by the Sea (2016) โดยเฉพาะการพรรณนาเพื่อระบายอารมณ์และการก้าวข้ามความเจ็บปวดจากปมในจิตใจของเหล่าผู้เสียศูนย์ในชีวิต (ถ้าเทียบกันระหว่างสองเรื่องนี้ ผมรู้สึกว่า Drive My Car ทำได้น่าสนใจมากกว่า)
– จุดที่อยากชื่นชมอีกอย่างก็เป็นเรื่องงานภาพกับเสียง ทำได้อารมณ์จริง ๆ จนดูจบก็อยากไปเที่ยวฮิโรชิม่าในทันที !
สรุป
– ขอยกให้เป็นหนังที่ประทับใจที่สุดในปีนี้ หากมีโอกาสก็เป็นอีกเรื่องที่แนะนำนะครับ โดยเฉพาะใครที่อยากจะสัมผัสกับหนังรสชาติใหม่ ๆ ที่ไม่ได้เดินเรื่องแบบหนัง Blockbuster
ทั้งนี้ Drive My Car ก็ไม่ใช่หนังที่หาดูได้ง่ายเสียทีเดียว หากติดตามในวงการภาพยนตร์ของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ก็มักจะเห็นแต่งานของ Hirokazu Koreeda ที่มักจะไปได้ไกลถึงเวทีใหญ่อย่างออสการ์หรือลูกโลกทองคำมากกว่า (เช่น Shoplifter เรื่องล่าสุดก็ไปเข้าชิงออสการ์ในปี 2019)
นี่จึงเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ได้เห็นฝีมือของผู้กำกับญี่ปุ่นคนอื่น ๆ อีกทั้งปีที่แล้ว Parasite ของ Bong Joon-ho ก็สร้างประวัติศาสตร์อย่างยิ่งใหญ่ ดังนั้นก็หวังว่าทางฟากญี่ปุ่นจะสามารถเป็นตัวแทนไปสร้างผลงานให้กับวงการภาพยนตร์เอเชียได้อีกครั้งครับ
ป.ล. อัพเดทตอนนี้ Drive My Car คว้าออสการ์ได้ 1 รางวัล (ภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม) และได้เข้าชิงรางวัลใหญ่ถึง 3 รางวัล อย่าง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม และ บทภาพยนตร์ (ดัดแปลง) ยอดเยี่ยม
ป.ล.2 เนื่องจากในเรื่องมีหลายช็อตเป็น Sex Scene หนังเลยถูกจัดให้เป็นเรต 18+
ป.ล.3 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผมนะครับ
รีวิว Drive my car การเดินทางลึกเข้าไปสำรวจจิตใจที่ไม่หลุดพ้น (มี spoil)
รีวิว Drive my car การเดินทางลึกเข้าไปสำรวจจิตใจที่ไม่หลุดพ้น
สิ่งที่ได้หลังจากดูหนังจบคือ ไม่มีใครบนโลกใบนี้ที่จะเข้าใจเราแม้กระทั่งตัวเราเองยังอาจไม่เข้าใจในการกระทำของตัวเองด้วยซ้ำ
อยากทำอย่างนึงแต่เลือกที่จะทำออกไปอีกอย่างนึง เพราะคิดว่าผลลัพธ์มันน่าจะดีกว่า มันน่าจะประคองได้ดีกว่า หารู้ไม่ว่ามันคือหนองที่กัดกินใจ
ถ้าปล่อยให้ซึมลึกก็ยากที่จะแก้ไข และถ้ายิ่งไม่มีโอกาสได้แก้ไขอย่างเช่นเมียพระเอกในเรื่องตายไปเลย สิ่งที่คิดไว้ว่าน่าจะทำแบบนั้นแบบนี้ดีกว่า ก็ไม่มีโอกาสทำหรือไม่มีโอกาสให้ได้แก้ไข ส่งผลให้เกิดความคิดโทษตัวเองวนเวียนซ้ำๆ ความสงสัยและขับข้องใจ ไม่เคยเลือนหาย และทำให้ไม่ Move on
แล้วใครเล่าจะมาแก้ปัญหานี้ ซึ่งก็เป็นที่มาของชื่อเรื่องว่า Drive my car สาวน้อยลุคเย็นชานี่แหละ ที่จะดำดิ่งเข้าไปสำรวจเรื่องราวของพระเอก อย่างที่ไม่ทันได้ตั้งตัว รถคันนี้นอกจากจะสำรวจเรื่องราวของพระเอกแล้ว หารู้ไม่ว่าก็ปลดล็อกเรื่องราวของนางเอกด้วยเช่นกัน การมีชีวิตต่อมันแสนลำบาก ต่อให้เวลาผ่านไปนานเท่าใดแต่ถ้าคุณยังคิดไม่ตก ยังไม่หลุดพ้น ชีวิตในแต่ละวันก็เหมือนจะไร้ความหมาย ทั้งคู่โชคดีมากที่ได้แบ่งปันเรื่องราวให้แก่กัน และสามารถแก้บ่วงพันธนาการที่ตรึงชีวิตของทั้งคู่ไว้ออกได้ ทำให้ชีวิตกลับมามีชีวิตอีกครั้ง พระเอกกลับไปเล่นละครได้ และนางเอกก็ได้ยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก ก็เล่นเอาตอนจบเรื่อง
ให้คะแนน 7/10 ชอบในความที่เล่าเรื่องจากจุดเล็กๆ เนื้อเรื่องจริงๆมีเพียง 2 บรรทัด แต่ร่ายยาวให้เราได้เข้าใจในจุดเล็กๆที่หนังพยายามจะสื่อ
หักคะแนนตรง หนังไม่บิวท์คนดูเลย เกือบไปไม่รอดกับครึ่งเรื่องแรก บทสนทนาที่เยอะมากจริงๆ แต่ดีที่ต่อติดตั้งแต่ฉากพระเอกและชายชู้เปิดใจกัน หลังจากนั้นคือติดหนึบ
Evil Does Not Exist (2023) ที่นี่ไม่มีปีศาจ
Wheel of Fortune and Fantasy (2021)