ดูหนังออนไลน์ เต็มเรื่อง หนังใหม่อัพเดททุกวัน ฟรี HD ชัด

ดูหนังออนไลน์ moviehd24 หนังใหม่HD ดูหนังเต็มเรื่อง2024 ซีรี่ย์ออนไลน์ ดูซีรี่ย์ฟรี

google search

Dog Day Afternoon (1975) ด็อก เดย์ อาฟเตอร์นูน

ปีที่ฉาย : 1975
เสียง : พากย์ไทย
Episode : -
imdb 8
ความคมชัด : HD
Dog Day Afternoon (1975) ด็อก เดย์ อาฟเตอร์นูน

ดูหนังออนไลน์ Dog Day Afternoon (1975) ด็อก เดย์ อาฟเตอร์นูน

เรื่องย่อ : Dog Day Afternoon (1975) ด็อก เดย์ อาฟเตอร์นูน ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD

Dog Day Afternoon (1975) ด็อก เดย์ อาฟเตอร์นูน

เรื่องย่อ

ดูหนัง Dog Day Afternoon (1975) ด็อก เดย์ อาฟเตอร์นูน โจรปล้นธนาคารสมัครเล่นสามคนวางแผนจะยึดธนาคาร การปล้นที่ดีและเรียบง่าย: เดินเข้าไปรับเงินแล้ววิ่งหนี น่าเสียดายที่การปล้นที่ไม่ซับซ้อนจู่ๆ ก็กลายเป็นฝันร้ายที่แปลกประหลาดเหมือนกับทุกสิ่งที่อาจผิดพลาดได้

ด็อก เดย์ อาฟเตอร์นูน (Dog Day Afternoon) ชื่อไทย : ปล้นกลางแดด เป็นภาพยนตร์อเมริกันที่ออกฉายในปี ค.ศ. 1975 กำกับโดย ซิดนีย์ ลูเมท นำแสดงโดย อัล ปาชิโน และจอห์น คาซาล เป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองที่อัล ปาชิโน ร่วมงานกับซิดนีย์ ลูเมท หลังจากความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้า คือเรื่อง เซอร์ปิโก

ภาพยนตร์ได้แรงบันดาลใจมาจากบทความชื่อ “The Boys in the Bank” เขียนโดยนักเขียนชื่อ P. F. Kluge ตีพิมพ์ในนิตยสารไลฟ์ ฉบับ ค.ศ. 1972 เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 1972 เมื่อชายหนุ่มชื่อ John Wojtowicz และเพื่อนคู่หูชื่อ แซล (Salvatore Naturile) ปล้นธนาคารเชสต์แมนฮัตตัน ในบรูกลิน มหานครนิวยอร์ก และจับตัวประกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนบ่ายของวันที่ร้อนที่สุดในฤดูร้อน ซึ่งมีสำนวนเรียกในภาษาอังกฤษว่า “Dog Days” หรือ “the dog days of summer”

ภาพยนตร์ได้ดัดแปลงชื่อตัวเอก เป็น ซันนี (Sonny Wortzik) ซึ่งบุกเข้าปล้นธนาคาร เพื่อหาเงินไปให้แฟนหนุ่มผ่าตัดแปลงเพศเป็นผู้หญิงเต็มตัว และพบว่าในตู้เซฟของธนาคารแทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย

ผู้กำกับ

ซิดนีย์ ลูเมท

บริษัท ค่ายหนัง

วอร์เนอร์

นักแสดง

อัล ปาชิโน
จอห์น คาซาล
คริส แซแรนดอน
เจมส์ บรอเดอริก
ชาร์ลส เดอร์นิง

โปสเตอร์หนัง

Dog Day Afternoon (1975) - IMDb

Dog Day Afternoon (1975) - IMDb

Dog Day Afternoon (1975) - IMDb

รีวิว

Kanin The Movie

โคตรชอบที่หนังเปิดด้วย text ว่า “What you are about to see is true – It happened in Brooklyn, New York on August 22, 1972.” มันดูจริงจังมาก เป็นหนังจากเรื่องจริงที่คนทำก็อยากให้เชื่อว่ามันเกิดขึ้นจริง (เพราะเหตุการณ์จริง ๆ มันดู fiction เหนือจริงมาก) คือถ้าเป็น “Based on True Story” คงจะไม่สะใจเท่า หรือเพราะเราเห็นมันจนชาชินแล้วก็ไม่รู้ / หนังหยิบเอาคดีปล้นดังในบรูคลินเมื่อปี 1972 มาทำ ซึ่งมันไม่ได้ดังเพราะยิ่งใหญ่อหังการ แต่เป็นการปล้นที่ล้มเหลว โจรมาในช่วงเวลาที่เงินถูกขนออกมาหมดแล้ว จากแผนที่วางมาดีเลยกลายเป็นสถานการณ์จับตัวประกัน หลังถูกตำรวจล้อมอยู่หลายร้อยคน
.
เรื่องปล้นมันมีอยู่นิดเดียว ที่เหลือคือเรื่องหลังจากปล้นหมดเลย เรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งฝั่งโจร ฝั่งตำรวจ หรือฝั่งตัวประกัน และเอาจริง ๆ หนังมันก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องของเงินด้วย แต่ว่าด้วยเรื่องของมนุษย์ที่แสวงหาอำนาจ ช่วงชิงสิทธิ์และพื้นที่ของกันและกันผ่านสถานการณ์ที่ทั้งตึงเครียด และตลกเสียสติ ซึ่งสนุกมาก เราจะได้เห็นว่าซันนี่เริ่มเอนจอยกับการมีอำนาจ สามารถควบคุมประชาชน สามารถต่อรองกับเจ้าหน้าที่ และสามารถเยียวยาความสัมพันธ์กับคนรัก คืออยู่ ๆ มันก็กลายเป็นเรื่องอื่นไปเลย ซึ่งเราชอบมาก โดยเฉพาะการพูดถึง Audience คือมันมีทั้ง Audience ที่เป็นคนในที่เกิดเหตุจริง ๆ (อารมณ์ฝรั่งมุง) และ Audience ที่เป็นเราในฐานะคนดู จังหวะหนึ่งหนังมันกลายสภาพเป็นเหมือนข่าว อารมณ์ตามติดเหตุการณ์สดที่ทั้งระทึก สนุก และชวนหัวมาก ๆ และเหล่าประชาชนในหนังมันช่วยทำงานกับความจริงตรงนี้มาก ๆ
.
นั่งดูบทสัมภาษณ์ก็คือ ซิดนีย์ ลูเมท ตั้งใจให้หนังออกมาแบบธรรมชาตินิยม คือทำทุกอย่างให้มันจริงไปเลย และมันก็ดูจริงตามที่เขาต้องการ ซึ่งไอ้ความจริงตรงนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าตัวละครโจรมันวางแผนปล้นมาเก่งแค่ไหน หรือวิธีการทำงานของตำรวจมัน Accurate หรือเปล่า แต่เป็นแวดล้อมที่อยู่ในเรื่อง ส่วนหนึ่งที่หนังจับจ้องจึงไม่ใช่เรื่องเล่า แต่เป็นวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ แก๊งวัยรุ่นที่โหวกเหวกโวยวาย ชาวบ้านที่สอดส่องจากห้องพักตัวเอง ตำรวจที่กินข้าวพักเที่ยง หรือกระทั่งภายใน ตัวประกันที่หาอะไรทำเรื่อยเปื่อย หรือกระทั่งสนิทกับโจรเสียเอง คือมันออกมาธรรมชาติมาก ๆ มันแปลกแต่ก็จริงมาก ๆ เฉยเลย เพราะมันเหมือนเรากำลังดูแฟ้มภาพอยู่จริง ๆ
.
ชอบเส้นเรื่องความรักของพระเอกมาก ๆ แต่ที่ดีที่สุดคือการปรากฎตัวของ ลีออน ที่อยู่ ๆ ก็โผล่มา (และถ้าคุณไม่ได้รู้พล็อตมาก่อนก็น่าจะเซอร์ไพรซ์ไม่น้อย) ชอบที่หนังเล่นกับ Audience (อีกรอบ) ด้วยบุคลิกและตัวตนของตัวละครที่ค่อย ๆ ปลดเปลื้องภายในออกมา ฟังสัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงนักแสดงที่เล่น คือเข้าไปดูในโรงและพบว่าคนหัวเราะกับฉากแรกของเขามาก ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เงียบลง และเงียบในที่สุด มันทำงานกับคนดู และคนรับรู้ในพื้นที่ของหนังมาก ๆ ซึ่งจริง ๆ ก็รวมไปถึงวิธีทรีตของคนทำที่มีต่อตัวละครในเรื่องด้วย การนิยามความรักของตัวละครที่ความรักก็คือความรัก หรือกระทั่งการเปิดเผยตัวตนจริงของตัวละครที่ไม่ได้เปลี่ยนทัศนคติของเราต่อเขาเลย (แต่เปลี่ยน Audience ในหนังอย่างชัดเจน)
.
ช่วงท้ายโคตรเครียด หลังฉากเขียนเอกสารหนังก็กลายเป็นโทนที่ตึงแบบสติแตก อาจจะเพราะเราชิลกับพื้นที่ในธนาคารมาตลอด พอต้องออกมามันเลยใหม่ไปหมด ที่สำคัญจังหวะจบดีมาก ๆ ชอบวิธีตัดต่อในเรื่องนี้มาก (ตัดต่อโดย ดีดี อัลเลน จาก Serpico, The Breakfast Club)
.
จอห์น คาซาล แท็กทีม อัล ปาชิโน อีกรอบแต่เรื่องนี้คาซาลโคตรน่ากลัว เล่นเป็นหนึ่งในทีมปล้นที่พูดน้อย พูดน้อยกว่าตัวประกอบด้วยซ้ำ กลายเป็นตัวละครคุมโทนทริลเลอร์ของหนัง แม้เราจะไม่ได้รู้จักเขาเลยสักนิด แต่แบล็คกราวน์เคยไปสงครามเวียดนามก็เพียงพอที่จะเป็นสวิชต์ความคลั่งให้หนังได้
เพิ่มเติม
– นั่งดูและอ่านเบื้องหลังแล้วได้รู้ว่าหนังมันถ่ายทำในช่วงที่หนาวมาก ๆ ทั้งที่เซ็ตติ้งเรื่องจริง ๆ ต้องร้อนสัด ร้อนที่สุดในช่วงฤดูร้อน (ตามชื่อ Dog Day) เวลานักแสดงเข้าเซ็ตถ่ายเลยต้องอมน้ำแข็งไว้ให้ร่างกายเย็น เพื่อที่เวลาคุยจะได้ไม่มีควันออกมา เออ ก็ต้องแบบนี้กันไปเลย
– อัล ปาชิโน ดีเปรสสุดขีดหลังถ่าย The Godfather: Part II จนเกือบไม่สามารถแสดงได้ ลูเมทเลยเอาบทไปให้ ดัสติน ฮอฟฟ์แมน อัลเลยเปลี่ยนใจ เพราะไม่ยอมให้คู่แข่งได้บท
– เดิมที อัลไม่อยากรับงานนี้เพราะลูเมทเป็นผู้กำกับที่เคี่ยวมาก ๆ (ร่วมงานกันตอน Serpico) แต่สุดท้ายก็มาเล่น เพราะเป็นหนังของ มาร์ติน เบรกแมน (ผู้อำนวยการสร้าง Serpico, Sea of Love, Carlito’s Way, Scarface)
– ลูเมทแอบเซงที่หนังตัดต่อรวดเร็วไปหน่อย จนทำให้ฉากเขียนเอกสารไม่อิมแพคพอ เขาคิดว่าหนังน่าจะเพิ่มอีกสัก 7-8 นาที น่าจะลงตัวกว่านี้
– แฟรงก์ เพียร์สัน ได้ออสการ์บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ซึ่งตอนประกาศเขากำลังกำกับ A Star is Born (1976) อยู่ พอทราบข่าวจากโทรศัพท์ ก็สั่งเลิกกองแม่ง ยกทีมงานไปฉลองที่บาร์ ก่อนจะมารันต่อจนถึงเช้า

โลกของหนัง โลกของฉัน

หากอยากดูหนังปล้นธนาคารที่มาพร้อมแผนเหนือชั้น ตัวละครเท่ ฉลาดชิบเป๋ง ข้ามเรื่องนี้ไปเลยนาจา แต่ถ้าต้องการความเรียล คลาสสิค ผ่านไปกี่ยุคสมัยเนื้อหาก็ยังสดใหม่ เชิญทางนี้
*
หนังปล้นธนาคารสุดคลาสสิค จากผกก.Sidney Lumet โดยหนังได้เข้าชิงออสก้าถึง 6 สาขา (คว้ารางวัลใหญ่ บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม) สร้างจากเหตุการณ์จริงเมื่อปี 1972 ณ บรู๊คลิน นิวยอร์ค เมื่อ 2 โจรกระจอก ซันนี่ (Al Pacino จาก The Godfather) และ แซล (John Cazale) บุกเข้าปล้นธนาคารกลางวัลแสกๆ ก็ไม่รู้ว่าไม่มีเวลาให้ปรึกษาหารือกันก่อนหรืออย่างไร บุกมาแบบเหมือนไม่มีแผนใดๆทั้งสิ้น ปรากฏว่าเงินในตู้เซฟส่วนใหญ่ก็ถูกขนย้ายไปแล้ว มิหนำซ้ำปล้นไม่ทันเสร็จ ตำรวจก็แห่กันมาล้อมธนาคารรอจับแล้วจ้า ก็ไม่รู้ว่าการมีตัวประกันในครอบครองของ 2 โจร จะทำให้พวกเขาเอาตัวรอด ยื้อเวลา ไปได้ถึงไหน
*
#รีวิวนี้แอบสปอยล์หน่อยๆ
*
หนังแม่งกดดันและตลกร้ายสุดๆ ตลอดทั้งเรื่องคือความกดดันที่ถาโถมใส่ ซันนี่ และ แซล ดำเนินเรื่องราวผ่านเหตุการณ์ภายในธนาคาร ที่ซันนี่และแซลอยู่ร่วมกับตัวประกัน ภายใต้ภาวะกดดันของตำรวจและนักข่าวที่อยู่ข้างนอกธนาคาร หนังถ่ายทอดตัวตนของซันนี่ที่แสนจะรันทด คือดูเป็นคนที่ทำร้ายใครได้จริงๆเหรอ เป็นคนที่ดูสับสนในชีวิต ลุกลี้ลุกลนตลอดเวลา ในเรื่องเขาเป็นคนที่จะต้องรับมือกับเหตุกาณ์ ในขณะที่แซลบุคลิคนิ่งๆคอยคุมตัวประกัน หนังดูสนุกในหลายแง่มากๆ เริ่มมาก็ปวดหัวกับความอ่อนหัดของทั้ง 2 โจร ความประหลาดอีกอย่างคือการอยู่ร่วมกันของโจรและตัวประกันในธนาคาร คือแกต้องโหดไม่ใช่เหรอ ทำไมช่วยเหลือเกื้อกูลกันดีเหลือเกิน 5555 และก็ลุ้นตื่นเต้นตามว่าซันนี่จะรับมือกับสถานการณ์ยังไง เขาต้องไปเจรจากับตำรวจเป็นระยะๆ มีการติดต่อทั้งต่อหน้าและทางโทรศัพท์ ช่วงที่ออกไปเจรจานี่ดูสนุกมากและฮาตรงที่เขากลายเป็นขวัญใจของประชาชนซะอย่างงั้น
*
และก็ใช่ว่าซันนี่จะอ่อนหัดอยู่ตลอดทั้งเรื่อง เขาเริ่มต่อรองกับตำรวจ ขอโน่นขอนี่แลกกับตัวประกันทีละคน อีกทั้งเหตุการณ์นี้กลายเป็นที่สนใจของสื่อ อย่างที่บอกว่าทั้งตำรวจและนักข่าวที่รายล้อมตั้งแต่ต้นเรื่อง ซันนี่กลายเป็นคนดังในทันที สัมภาษณ์ออกทีวีระหว่างอยู่ในธนาคารด้วยนะเว้ย 555 ซึ่งด้วยเหตุนี้ทำให้ตำรวจไม่กล้าทำอะไรโดยพลการ ไม่อย่างงั้นเป็นข่าวดังแน่ๆ / ช่วงครึ่งแรกหนังทำให้เราสงสัยตลอดว่าอะไรคือแรงจูงใจให้พวกเขาต้องปล้นแบงค์ พอรู้เหตุผลเท่านั้นแหละ โอ้โหว 😑!!

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

The First Purge (2018) ปฐมบทคืนอำมหิต

Beta Test (2016)

Cut Bank (2014) คดีโหดฆ่ายกเมือง

Blowback (2022)

Dragon Wars (2007) ดราก้อน วอร์ส วันสงครามมังกรล้างพันธุ์มนุษย์

แสดงความคิดเห็น

ดูหนังออนไลน์ ดูซีรี่ย์ฟรี เรื่องอื่นๆ

ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่2024 moviehd24 ดูหนังเต็มเรื่อง หนังHD ดูหนังฟรีไม่กระตุก