เรื่องย่อ : Cube2 Hypercube (2002) ไฮเปอร์คิวบ์ มิติซ่อนนรก ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
Cube2 Hypercube (6.5/10) 10000TIP
ตอนต่อมาของ Cube ครับ ซึ่งเปิดเรื่องมาก็มีคน 8 คนมาอยู่ในห้องรูปลูกบาศก์ตามเคยครับ พวกเขาก็ต้องมาหาคำตอบกันอีกว่าที่นี่ที่ไหน และจะออกไปได้ไหม โดยครั้งนี้ไม่ได้ไม่แต่กับดักเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป มันมีเรื่องเกี่ยวกับมิติเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ภาคนี้จะกดดันน้อยกว่าตอนแรกครับ ภาพสว่างโล่เลยล่ะ แต่ความสนุกก็นับว่าไม่เลว น่าติดตามมีอะไรให้ตื่นเต้นและคาดไม่ถึงพอตัว แนวคิดก็จะออกแนวไซไฟแบบหนักกว่าเก่าเดิมครับ หรือด้านนักแสดงก็นับว่าดีทีเดียว
โดยรวมแล้วหนังก็นับว่าสนุกครับ แต่อาจจะไม่เท่าภาคแรกนะฮะ Cube2 Hypercube (2002) ไฮเปอร์คิวบ์ มิติซ่อนนรก เพราะภาคแรกมันสดและตื่นเต้นกว่า ส่วนภาคนี้แม้จะไม่กดดันนัก แต่แนวคิดเกี่ยวกับเรื่องมิติและไซไฟนี่ผมว่าเข้าท่ามากทีเดียว ใครที่ชอบแนวนี้ก็ดูเถอะครับ ไม่มีอะไรให้ผิดหวังหรอกฮะ เพียงแต่มันไม่ได้เด็ดดวงเท่าตอนแรกเท่านั้นเอง แต่ก็ยังคุ้มที่จะตามมาดูน่ะครับ อย่าหวังมากแล้วกันฮะ แล้วผมเชื่อว่าคุณๆ น่าจะสนุกไปกับหนังได้น่ะ
5.5/10
รีวิว cube 2 : Hypercube (2002) ลูกบาศก์มรณะ 2 สืบเนื่องจากภาคแรก (1997) นับว่าประสบความสำเร็จในด้านคำวิจารณ์พอสมควร ด้วยลีลาการเล่าเรื่องที่ใช้พื้นที่ปิดตายเพียงที่เดียวและใช้ทฤษฎีทางคณิตศาสตร์เข้ามาไขปริศนาได้อย่างสนุก จึงทำให้เกิดภาค 2 ขึ้นมา
cube 2 ยังคงเล่าเรื่องในห้องรูปทรงลูกบาศก์ คน 8 คน ได้สติขึ้นมาในห้องของแต่ละคนแล้วเดินเปิดประตูผ่านไปทีละห้องจนมาพบกันถกเถียงว่าพวกตนมาอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไร พวกเขาประกอบด้วย ผู้ประสานงานด้านเทคโนโลยีกองทัพ วิศวกร นักคลีนิคจิตบำบัด นักออกแบบเกมคอมพิวเตอร์ สาวตาบอด ทนายสาวสวย นักคณิตศาสตร์ พวกเขาต้องช่วยกันเอาตัวรอดและหาทางออกจากห้องลูกบาศก์สี่เหลี่ยมสีขาวสว่างนี้ไปให้ได้ และเนื้อเรื่องที่เล่าได้ก็มีแค่นี้ครับ
สำหรับผมแล้วเอาเข้าจริงๆ cube 2 เนื้อเรื่องแทบไม่มีอะไรแตกต่างไปจากภาคแรก และสำหนับผมรู้สึกว่าไม่สนุกเท่าอีกด้วย ทั้งในด้านมิติ ตรรกะของตัวละครรวมถึงเนื้อหาที่ผู้สร้างต้องการนำเสนอ
ตรรกะของตัวละครบิดเบี้ยว เช่นบางคนบางจังหวะหนีได้กับไม่หนี Cube2 Hypercube (2002) ไฮเปอร์คิวบ์ มิติซ่อนนรก เวลาที่ควรจะรีบกลับไม่รีบ บางตัวละครดูเหมือนไร้สาระไม่มีประโยชน์กับเรื่อง บางตัวละครมีภูมิหลังมีทักษะดีแต่กลับไม่ได้ใช้ทักษะนั้นในการแก้ไขสถานการณ์แต่อย่างใด บางตัวละครก็แสดงความเห็นใจและช่วยเหลือผู้อื่นจนเกินความพอดีของความเป็นมนุษย์ สำหรับผมแล้วการนำตัวละครหลายตัวที่มีทักษะเฉพาะตัว ผู้กำกับน่าจะมีวิธีการให้แต่ละคนใช้ความสามารถตัวเองมาใช้ได้อย่างเต็มที่มากกว่านี้ การสร้างความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันของตัวละครก็ทำได้ไม่สุด ซึ่งในภาคนี้มีน้อยมากดูแล้วไม่มีใครโดดเด่นอะไรเลย
หรือเก่งโดดจนเกินไป ดังนั้นวิธีการคิดในการเดินผ่านแต่ละห้องจึงไม่มีความโดดเด่น แม้จะผ่านไปครึ่งเรื่องก็ดูไม่มีอะไรคืบหน้า ซึ่งต่างกับ cube 1 ที่การผ่านไปแต่ละห้องนั้นต้องใช้การคำนวณทางคณิตศาสตร์ทำให้เราดูแล้วสนุกไปได้มากกว่าในภาคนี้ แต่ cube 2 ก็ยังมีไม่เด็ดมาทำให้เราไม่เบื่อคือการเล่นกับเวลา และมิติของเวลา ซึ่งจะอธิบายต่อไป นอกจากนี้การใช้ตัวดำเนินเรื่องหลักไม่มีความน่าสนใจมากนักคือ ห้องทรงลูกบาศก์ใน cube 2 ต่างกับห้อง cube 1
ที่แต่ละห้องใช้แสงสีขาวเพียงสีเดียวไม่ได้เปลี่ยนสีไปตามแต่ละห้อง เป็นข้อจำกัดของ cube 2 ที่ไม่สามารถใช้สีแสดงถึงอารมณ์ที่แตกต่างได้ ดังนั้นในภาคนี้ อารมณ์และพฤติกรรมของตัวละครจึงไม่ได้มีความซับซ้อนหรือเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรุนแรงมากนัก ใครพฤติกรรมอย่างไร อารมณ์แบบไหนก็มักจะเป็นแบบนั้นไปตรง ๆ ทั้งเรื่อง จะมีก็แต่เพียงตัวเอาตัวละครตัวเดียวที่อารมณ์บิดเบี้ยวทั้งนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับมิติของเวลาในห้องลูกบาศก์ก็เป็นได้
เนื่องจากสีห้องให้ลูกบาศก์แทนค่าด้วยแสงสีขาวทั้งหมด ดังนั้นหนังจึงเลือกใช้วิธีให้ตัวละครสวมใส่เสื้อผ้าของตนเอง ซึ่งต่างกับภาคแรกที่มีห้องหลากสีแต่ตัวละครใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน การเลือกให้ตัวละครใส่เสื้อผ้าของตัวเองที่มีความแตกต่างกันนั้นคือการแสดงถึงภูมิหลัง ชีวิต แนวคิด และอารมณ์ของตัวละครที่แตกต่างกันนั่นเอง
Cube2 Hypercube (2002) ไฮเปอร์คิวบ์ มิติซ่อนนรก ใช้เรื่องทางวิทยาศาสตร์มีความซับซ้อนยากเกินความเข้าใจของคนดูทั่วไป พูดเรื่อง Hypercube หรือลูกบาศก์ 4 มิติ เป็นหนึ่งในทฤษฎีทางฟิสิกส์ มิติที่ 4 ของในเรื่องนี้ประกอบด้วย กว้าง ยาว ลึก และอากาศหรือที่ว่าง ซึ่งต่างกับทฤษฎีเดิมที่กล่าวถึงมิติที่ 4 คือเวลา แต่หนังก็ไม่ทิ้งเรื่องความสำคัญของเวลากลับดึงเวลาเข้ามาใช้อธิบายเรื่องมากกว่าความเป็น Hypercube เสียอีก
คือ เล่นเรื่องเกี่ยวกับทฤษฎีทางฟิสิกส์คือ มิติควอนตัม (Quantum Realm) อธิบายทฤษฎีมิติเวลา การเดินทางของเวลาในอากาศ การซ้อนทับของเวลา จะเรียกว่าโลกคู่ขนานก็ได้ ซึ่งแต่ละมิติเวลาล้วนแต่เป็นความเป็นจริง แม้จะเป็นช่วงเวลาเดียวกันแต่ก็สามารถเกิดเหตุการณ์ขึ้นได้ต่างกัน ซึ่งเหตุการณ์ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นจริงและมีความเกี่ยวพันกันไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง (ช่วงนี้ทำให้คิดถึงหนังเรื่อง Interstellar ของคริสโตเฟอร์ โนแลน
ซึ่งหากใครได้ดูอินเตอร์สเตลลาร์มาก่อน ก็น่าจะช่วยให้เข้าใจ cube 2 ได้บ้าง) เวลานั้นไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรง สามารถย้อนไปย้อนมาหรือถอยหลังได้ เวลาแต่ละมิติเดินไม่เท่ากัน ซึ่ง cube 2 แสดงให้เห็นชัดเจนว่าหลายช่วงเวลามีการซ้อนทับกัน เช่นพบเจอของใช้ที่เหมือนกัน พบเจอการเขียนที่ประตูห้องลูกบาศก์ หรือตัวละครเห็นตนเองในอีกห้องหนึ่ง เป็นต้น ดังนั้น cube 2 จึงเป็นการสอนฟิสิกส์ ในเรื่องของมิติ+เวลาให้กับเราว่า วิธีการหาทางออกจากห้องลูกบาศก์จึงต้องคำนวณหาช่วงเวลาที่สัมพันธ์กัน
จากการเล่นเรื่องทฤษฎีทางฟิสิกส์ทำให้ cube 2 เป็นหนังที่ดูแล้วคิดตามได้ยาก ซึ่งต่างจาก cube 1 ที่ใช้ทฤษฎีทางคณิตศาสตร์พื้นฐานในการดำเนินเรื่อง และด้วยความที่เป็นศาสตร์ทางฟิสิกส์คนทั่วไปคงเข้าใจวิธีการของหนังได้ยากตามไปด้วย หนึ่งในนั้นก็คือตัวผมเอง
นอกจากนี้ ความพิเศษของห้องลูกบาศก์ในภาคนี้คือ แต่ละห้องลูกบาศก์ มีแรงโน้มถ่วงต่างทิศกัน และ แต่ละห้องไม่มีกับดักเหมือนใน
ภาคแรก แต่ความอันตรายของห้องลูกบาศก์คือการเคลื่อนตัวมิติเวลา และการเคลื่อนตัวแต่ละครั้งสามารถทำร้ายผู้คนที่อยู่ในห้องถึงตายได้ ทำให้ลดความตื่นเต้นไปเยอะเลย
ในมิติของการใช้ทฤษฎีทางฟิสิกส์ที่หนังต้องการจะเล่านั้นแท้จริงแล้วนับว่ามีความน่าสนใจมาก แต่หนังกับอธิบายให้คนดูเข้าใจได้ไม่ดีนัก สำหรับผมแล้วนี่คือข้อเสียสำคัญของ cube 2 ที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
ความชาญฉลาดในการเล่าเรื่อง ดูเหมือนว่าอ่อนกว่าภาคแรกเพราะภาคแรกดำเนินเรื่องอยู่ในห้องลูกบาศก์เท่านั้น แต่ใน cube 2 มีการทำให้คนดูเห็นเรื่องราวนอกห้อง ผ่านความทรงจำของตัวละคร ดังนั้นจึงไม่อาจพูดได้ว่า เป็นหนังเล่าเรื่องอยู่ในพื้นที่จำกัด อีกทั้งยังเพิ่มคอมพิวเตอร์กราฟฟิกเข้ามาเป็นฉากหลัง ส่วนนี้คงเป็นเพราะได้งบประมาณมากขึ้นจากในภาคแรกนั้นเอง
กล่าวโดยสรุป cube 2 แทบไม่มีอะไรแปลกใหม่แตกต่างจากภาคแรก ความน่าสนใจและวิธีการดำเนินเรื่องลดลง Cube2 Hypercube (2002) ไฮเปอร์คิวบ์ มิติซ่อนนรก อีกทั้งยังสร้างความงุนงงให้กับคนดูด้วยทฤษฎีทางฟิสิกส์ที่ยากเกินเข้าใจ แต่อย่างน้อยที่สุด cube 2 ก็ยังพอจะเดินไปข้างหน้าได้บ้างเพราะตัวละครตั้งข้อสันนิษฐานว่าห้องลูกบาศก์น่าจะเป็นการทดลองขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง ซึ่งจะต้องดูในภาค 3 ต่อไป
⭐ ให้ 6
คะแนนฉันไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน แต่ฉันคิดว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว ถือเป็นเกียรติที่มีภาคต่อ แม้ว่าจะไม่มีใครชอบภาคต่อนี้ แต่ฉันแน่ใจว่า Jonathon Lynn รู้สึกภูมิใจที่ The Whole Nine Yards มีภาคต่อ และดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นกับ Cube 2: Hypercube ซึ่งเป็นภาคต่อของ Cube ที่ได้รับความนิยม แต่มีคนสงสัยว่าจะมีภาคต่อของภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในชุดขนาด 14x14x14 ชุดเดียวได้อย่างไร Cube 2 คือคำตอบ แต่ไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด มันแสดงให้เห็นว่า Cube จะเป็นอย่างไรถ้ามีงบประมาณมากกว่านี้ แต่ก็ยังแสดงให้เห็นว่ามันไม่อยากเป็นอะไรด้วย
คนแปลกหน้าถูกโยนรวมกันเป็นชุดลูกบาศก์ที่เชื่อมต่อถึงกันอีกครั้ง แต่คราวนี้พวกเขามีเทคโนโลยีขั้นสูงมากขึ้น พวกมันไม่มีสีต่างกัน และไม่มีกับดักด้วย แต่บางห้องกลับมีลูกบาศก์ที่โจมตีคุณ (ไม่ต้องถาม) บางห้องมีแรงโน้มถ่วงกลับด้าน และเวลาก็ไม่มีความหมาย เหมือนจะไม่มีรูปแบบเหมือนอย่างแรกแล้วคนพวกนี้จะออกไปยังไง?
นี่คือการปรับปรุงครั้งใหญ่เพียงครั้งเดียวในครั้งแรก มีการเดินไปรอบๆ พูดคุยเกี่ยวกับอดีต และการคาดเดาว่าทำไมพวกเขาถึงอยู่ในลูกบาศก์ ฉันเดาว่ามันสำหรับคนที่ดูภาคต่อก่อนต้นฉบับ ตัวละครถูกวาดให้กว้างขึ้น บทสนทนาดูสนุกกว่า และดูปลอมกว่า ในตอนแรก คุณแทบจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับลูกบาศก์ยักษ์ที่พวกเขาอยู่ ที่นี่ ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีส่วนเกี่ยวข้องในทางใดทางหนึ่ง ตอนจบซึ่งคลุมเครือในตอนแรกก็อธิบายเพิ่มเติมซึ่งฉันก็โกรธแต่ก็มีความสุข มันยากที่จะอธิบาย. แต่แล้วพวกเขาก็ทิ้งมันไว้ในอากาศอีกครั้ง บางทีอาจเป็นเพราะภาคพรีเควล Cube Zero (ที่จะออกในปีนี้) เพื่ออธิบาย
⭐ ให้ 6
คะแนนฉันยอมรับว่าเป็นแฟนตัวยงของไตรภาค CUBE เห็นได้ชัดว่าภาพยนตร์เรื่องแรกดีที่สุด เลวร้าย และน่าตื่นเต้นในความเรียบง่าย ในขณะที่เรื่องที่สาม CUBE ZERO เป็นแนวคิดที่น่าสนใจซึ่งอยู่ในรูปแบบของพรีเควล Cube2 Hypercube (2002) ไฮเปอร์คิวบ์ มิติซ่อนนรก เป็นภาคต่อที่ตรงไปตรงมาของภาคแรก พร้อมด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สร้างความแตกต่าง
แม้ว่าตัวละครจำนวนหนึ่งจะถูกขังอยู่ในลูกบาศก์อีกครั้ง แต่การเน้นในครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่การไขปริศนาและหลีกเลี่ยงกับดัก แต่ตัวละครจะต้องคิดหาวิธีที่จะหลบหนีออกจากคุกและเพื่อหลีกเลี่ยงความตายที่จะเกิดขึ้นซึ่งติดตามพวกเขาตลอดเวลา มีความตึงเครียดและการทำงานร่วมกันระหว่างตัวละครต่างๆ มากมายเหมือนเมื่อก่อน และฉันชอบการแสดงจากนักแสดงที่ไม่รู้จักซึ่งดำเนินเรื่องไปด้วย
มีการหักมุมที่ดีอยู่บ้าง โดยเฉพาะช่วงไคลแม็กซ์ที่มุ่งหน้าสู่มิติที่ 4 แม้ว่าจะมีเลือดและความตายเล็กน้อยสำหรับคนที่ชอบเรื่องแบบนั้นก็ตาม สเปเชียลเอฟเฟกต์นั้นธรรมดามากด้วยงบประมาณที่ต่ำ แต่ตามปกติแล้ว ไอเดียต่างๆ ที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ผล มันไม่ได้อยู่ในระดับของ CUBE แต่ฉันซาบซึ้งที่พวกเขาทำสิ่งที่แตกต่างออกไป แทนที่จะแค่ทำสำเนาที่น่ารังเกียจสำหรับภาคต่อ
⭐ ให้ 2
คะแนนไฮเปอร์คิวบ์ ชื่อนั้นแย่มาก แต่ฉันปลอบใจตัวเองด้วยความคิดที่ว่าจริงๆ แล้วไฮเปอร์คิวบ์นั้นเป็นโครงสร้างทางคณิตศาสตร์เชิงทฤษฎีที่แท้จริง มันไม่ใช่ความพยายามที่ตัดสินผิดในเรื่องที่ติดหู มันก็แค่บอกว่าเป็นยังไงบ้าง อันแรกเรียกว่า Cube และถูกจัดวางใน Cube ส่วนอันนี้เรียกว่า Hypercube และถูกจัดวางใน Hypercube ฉันผิดแค่ไหน ทุกสิ่งทุกอย่าง – ทุกสิ่งทุกอย่าง – ในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการออกแบบมาให้ “ใหญ่ขึ้น ดีขึ้น เร็วขึ้น”! และด้วยเหตุนี้จึงล้มเหลวอย่างน่าสังเวช
ฉันชอบ Cube ดั้งเดิมเพราะมันเรียบง่าย มันเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็เรียกว่าเป็นภาพยนตร์นิยายวิทยาศาสตร์หลอก มันเป็นหนังระทึกขวัญแนวจิตวิทยาที่ลองใช้เสื้อคลุมนิยายวิทยาศาสตร์ และมันก็ได้ผลอย่างสมบูรณ์แบบ คุณคิดว่านี่เป็นเรื่องบ้า แต่มันอาจเกิดขึ้นได้ (เห็นได้ชัดว่า) มีฉากอยู่ที่นี่และเดี๋ยวนี้และทุกสิ่งในนั้นเป็นไปได้อย่างน่าขนลุก มันอาจจะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล แต่ก็เป็นไปได้ ท้ายที่สุดแล้วมันก็แค่ลูกบาศก์กลไกขนาดใหญ่ แม้แต่กับดักก็ยังเรียบง่ายอย่างหลอกลวง ความงดงามที่แท้จริงสำหรับฉันคือการที่คุณไม่เคยรู้หรือรู้ว่าทำไม ที่ไหน หรือใครในหนังภาคแรก เป้าหมายคือการออกไปเป็นชิ้นเดียวและแต่ละคนมีทักษะเฉพาะตัวเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายนั้น
Cube2 เข้าสู่อาณาจักรแห่งนิยายวิทยาศาสตร์อย่างเต็มรูปแบบ และสะดุดล้มลงบนใบหน้าของมันทันที ไม่มีความเรียบง่ายเหลืออยู่เลย `ผู้จับกุม’ ในเกมคิวบ์ใหม่นี้จะต้องรับมือกับการเปลี่ยนเวลา แรงโน้มถ่วงที่เปลี่ยน ความเป็นจริงทางเลือก เรื่องเวลานักฆ่าแปลกๆ ที่เคลื่อนผ่านห้องต่างๆ และหนึ่งในลูกเรือที่กลายเป็นโรคจิตเล็กน้อย… เช่นเดียวกับตัวละครตำรวจจาก ภาพยนตร์เรื่องแรก ยกเว้น (คุณคงเดาได้) เขาเป็นคนโรคจิตที่ใหญ่กว่าด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องราวยังพยายามหาคำตอบว่าใครอยู่เบื้องหลังการทดลองเหล่านี้: The Izon Military Corp. (หรืออะไรทำนองนั้น) ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นปี 2010 ถึงปี 2001 แม้ว่าจะอยู่ในระดับที่พอประมาณก็ตาม และในลักษณะเดียวกัน มันก็ไม่ได้ผล
⭐ ให้ 4
คะแนนหนังเรื่องนี้ขาดอะไรดีๆ ที่จะพูดถึงจริงๆ เมื่อคุณมีหนังที่ประกอบด้วยคนโดนชน คุณต้องมีตัวละครที่คุณเข้าถึงได้ ตัวละครที่คุณใส่ใจ ฉันไม่สนใจเลยถ้านักแสดงทั้งหมดถูกชน ออกไปในครึ่งชั่วโมงแรก ข้อเสียหลักอีกประการหนึ่งคือ Cube 2 แทนที่จะใช้เลือดสาดแบบเก่าที่ดีเพื่อแต่งหน้าเอฟเฟกต์พิเศษ พวกเขาใช้เลือดที่เคลื่อนไหวด้วยคอมพิวเตอร์และมันแย่มาก! มีฉากหนึ่งที่ผู้ชายตั้งใจจะทุบหัว และมันก็แย่มากจนเกือบทำให้ทั้งเรื่องเสียหาย นี่คือหนัง C ที่มี C Cast ให้มันพลาด
⭐ ให้ 8
คะแนนเนื่องจากบทวิจารณ์ส่วนใหญ่ที่นี่มองในแง่ลบต่อ Cube 2 ดูหนังออนไลน์ ฉันจึงรู้สึกว่าต้องโพสต์มุมมองที่ตรงกันข้ามเพียงเพื่อที่แฟน ๆ จะไม่ข้ามภาพยนตร์เรื่องนี้ไปโดยสิ้นเชิง ใช่ ตัวละครเหล่านี้ค่อนข้างจะเหมารวม และนำเข้าโดยตรงจาก Cube 1 แต่มีความลึกลับมากพอเกี่ยวกับตัวละครบางตัวที่จะทำให้คุณสงสัยเกี่ยวกับแรงจูงใจและ/หรือต้นกำเนิดที่แท้จริงของพวกเขา โดยส่วนตัวแล้วฉันคิดว่าเอฟเฟกต์และภาพ (ลูกบาศก์) ดูยอดเยี่ยม แต่อาจเป็นเพราะฉันถูกเลี้ยงดูมาในเรื่องอย่าง Doctor Who และ Blakes 7!
คณิตศาสตร์และฟิสิกส์เบื้องหลังลูกบาศก์ยังคงน่าสนใจตลอดทั้งเรื่อง ในขณะที่คุณค่อยๆ เรียนรู้ว่าลูกบาศก์ทำงานอย่างไร ความสนใจของฉันยังคงอยู่ แม้ว่าฉันจะคุ้นเคยกับแนวคิดของลูกบาศก์ 4 มิติ (`ไฮเปอร์คิวบ์’) เป็นอย่างดีแล้ว และทฤษฎีบางอย่างเกี่ยวกับวิธีที่พวกมัน ‘ปรากฏ’ ต่อคนที่อยู่ข้างในพวกเขา ในทางกลับกัน บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงรู้สึกทึ่ง – เพื่อดูว่าพวกเขาแปลทฤษฎีเหล่านี้ให้เป็นภาพยนตร์ได้อย่างไร (คำตอบ: อย่างชาญฉลาดมาก) ฉันคิดว่าผู้เขียนบทจัดการได้เป็นอย่างดีในการรวมพลวัตระหว่างบุคคลที่มีการพัฒนาที่น่าสนใจเข้ากับความเป็นจริงที่แปลกประหลาดของฟิสิกส์ (เวลาและ 4 มิติ)
Andrzej Sekula
คนแปลกหน้าแปดคนตื่นขึ้นมาโดยไม่มีความทรงจำ ในห้องรูปทรงลูกบาศก์อันน่างงงวยซึ่งกฎแห่งฟิสิกส์ไม่ได้ใช้เสมอไป ไฮเปอร์คิวบ์ คือสิ่งที่ไม่สามารถจะหยั่งรู้ได้ว่ามันคืออะไร นอกจากห้องทรงลูกบาศก์ที่เต็มไปด้วยความน่าฉงน และคนแปลกหน้าจำนวน 8 คนรู้สึกตัวขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าเข้ามาอยู่ได้อย่างไร แต่สิ่งที่พวกเขาต้องรู้ก็คือจะออกไปจากที่นี่ได้อย่ างไร ในเมื่อยิ่งค้นหาทางออก พวกเขาก็ยิ่งพบว่ามันเป็นการเดินทางไม่รู้จบ ไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ที่ห้องต่อไป แต่รู้ว่ามีกับดักรออยู่และพร้อมที่จะปลิดชีวิตทุกคน อย่างไม่ทันตั้งตัว คนที่จะหลุดพ้นไปได้คือคนที่สามารถไขความลับของ…ไฮ เปอร์คิวบ์เท่านั้น…
เมื่อคนแปลกหน้าทั้ง 6 คนพบว่าตัวเองติดอยู่ในห้องทรงลูกบาศก์ ซึ่งมีประตูทั้งหกด้านที่นำไปสู่กับดักหฤโหดสุดอันตราย และทางรอดเดียวที่มีคือ ทุกคนต้องร่วมมือกันไขปมปริศนาลึกลับต่าง ๆ ที่ดาหน้าเข้ามาแทบทุกนาที เพราะไม่เช่นนั้นทั้ง 6 ชีวิตจะต้องกลายเป็นบุคคลสาบสูญที่ติดอยู่ในลูกบาศก์มรณะนี้ไปตลอดกาล สูดหายใจมิดปอด กอดกายไว้ให้แน่น และเร่งฝีเท้าสู่เกมเย้ยความตายที่ทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเอง
สำหรับคอไซไฟน่าจะจดจำ ‘Cube’ หนังทุนต่ำของแคนาดาที่กลายเป็นปรากฏการณ์ในปี 1997 จากทั้งความเหนือชั้นในการเล่าเรื่องที่ผสมระหว่างความโหดและเกมปริศนาห้องปิดตายที่ต้องอาศัยปัญญาในการเอาตัวรอด และทดสอบสันดานดิบของคนแปลกหน้าเมื่อต้องมาอยู่ร่วมกันภายใต้สถานการณ์อันกดดันที่ตายได้ทุกขณะ ตัวหนังภาคแรกประสบความสำเร็จจนมีภาคต่อออกมาอีก 2 ภาคคือ Cube2 Hypercube (2002) ไฮเปอร์คิวบ์ มิติซ่อนนรก ซึ่งทั้ง 2 เรื่องไม่ได้ผู้กำกับจากภาคแรกอย่าง วินเซนโซ นาตาลี (Vincenzo Natali) มามีส่วนร่วมแต่อย่างใด และแม้ตัวแฟรนไชส์จะให้คำตอบของปริศนาที่ชัดเจนมากกว่าหนังภาคแรก แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันช่างดูไร้รสนิยมห่างไกลจากหนังภาคแรกไปโข
Cube Zero (2004) กำเนิดลูกบาศก์มรณะ
No Escape (2015) หนีตาย ฝ่านรกข้ามแดน