เรื่องย่อ : Contact (1997) อุบัติการสัมผัสห้วงอวกาศ ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
Contact (1997) อุบัติการสัมผัสห้วงอวกาศ
หลังจากค้นหามาหลายปี ดร. Ellie Arroway ก็พบข้อพิสูจน์ทางวิทยุที่แน่ชัดถึงความฉลาดของมนุษย์ต่างดาว โดยส่งแผนการสำหรับเครื่องจักรลึกลับ
โรเบิร์ต เซเม็กคิส
เพิ่งได้ดู contact มีข้อสงสัยหน่อยครับ
พูดถึงในหนัง คือถ้านางเอก ได้ไปจริงๆนะครับ
1.มีอยู่ช่วงที่พาล์มเมอร์ นัดนางเอกออกไปหาที่สวนสาธารณะ พาล์มเมอร์ กล่าวถึง ทฤษฏีสัมพัทธภาพ ว่าถ้านางเอกได้ไป แล้วกลับมา นางเอกจะแก่ ไป 4 ปี แต่คนบนโลกจะแก่ไป 50 ปี แต่ทำไม พอตอนจบที่เครื่องตกลงมาที่ทะเล คนไม่เห็นแก่เลยครับ แต่วีดีโอกลับถูกอัดไป 18 ชั่วโมง (แบบนี้พวกที่ขึ้นไปบนอวกาศ เวลากลับลงมาจะหนุ่มกว่าคนทั้งโลกไหมครับ หรือต้องเดินทางผ่านรูหนอนถึงจะได้ผลลัพธิ์)
2.ยานที่นางเอกเข้าไปนั่งมันเป็นผนังปิดหมด แต่ทำไม ตอนเดินทาง กลับมองเห็นทะลุมาภายนอกครับ
3.ตอนที่นางเอกได้ไป และกำลังถูกดูดเข้าไป แล้วเจออุโมง อุโมงนั้นเรียกว่าอะไรครับ (รูหนอนใช่ไหม) แล้วทำไม ถึงจะต้อง หยุด ตั้ง 3 ครั้ง
หยุดครั้งที่ 1 เห็น ดาวเวก้า
หยุดครั้งที่ 2 เห็น พระอาทิตย์ 4 ดวง (อันนี้ นางเอกอยู่ใน กาแล็กซี่อื่น แล้วใช่ไหมครับ) แล้วมองลงเห็นภายในดาวเวก้า
หยุดครั้งที่ 3 เห็น กาแล็กซี่
ตามที่ผมเข้าใจคือมันเป็นเหมือนเครื่อง วาร์ป แบบว่า เข้าจุด A แล้วไปโผล่ Z เลยไม่ใช่เหรอครับ จะไม่หยุดพักเช่น A-Z ไม่ใช่ A-B-C-D-Z
4.มนุษย์ดาวเวก้า สามารถแปลงกายได้และเข้าไปอ่านจิตสำนึกได้ใช่ไหมครับ แสดงว่า ดาวเวก้าเป็น สิ่งมีชีวิตชั้นสูงกว่ามนุษย์ถูกต้องไหมครับ ไม่งั้นคงไม่แปลงกายมาเป็นพ่อนางเอก
5.มนุษย์ดาวเวก้า บอกว่าเขาก็ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้สร้างจักรวาร และรูหนอน แสดงว่า เขาก็คงกำลังจะหาคำตอบเหมือนเราอยู่ใช่ไหมครับ
6.ทำไมเขาถึงไม่ยอมให้นางเอกอยู่ และถามคำถาม ทำไมถึงให้กลับเร็ว แสดงว่า เขายังไม่พร้อมที่จะเผยความรู้ให้มนุษย์ใช่ไหมครับ แล้วส่งสารไปให้มนุษย์สร้างเครื่องเพื่อมาหาทำไม
7.นางเอกนั่งมากับเครื่อง แต่เข้าออกเครื่องโดยที่ ลอยลงมายังดาว และลอยกลับขึ้นไปที่เครื่อง จริงๆมันเป็นแบบนี้เหรอครับ
8.การสร้างเครื่องเดินทางผ่านเวลาแบบในหนัง มีโอกาสใกล้เคียงกับความจริงไหมครับ
หมดคำถามแล้วครับผมเป็นคนชอบอวกาศนะครับมันลึกลับดี ชอบหาอ่านนู้นอ่านนี้บางอย่างอ่านก็เข้าใจ บางอย่างยิ่งอ่านยิ่งไม่เข้าใจ
ปล.ถ้ามมีท่านใดใจดีรบกวนแนะนำหนังอวกาศๆ แบบนี้อีกนะครับ ผมชอบมากเลย
ขอบคุณครับ
สปอยล์ รีวิว Contact (1997)/
อุบัติการสัมผัสห้วงอวกาศ : เมื่อนักวิทยาศาสตร์ในโครงการเซติ ค้นพบหลักฐานการมีอยู่ของชีวิตต่างดาวิและได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนมนุษย์ เพื่อติดต่อกับสิ่งมีชีวิตต่างดาว และเดินทางข้ามมิติจักรวาลเป็นครั้งแรก แต่สิ่งที่เธอไปพบนั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเธอมากที่สุด นี่คือภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ผีมือการกำกับโดยโรเบิร์ต เซเม็กคิส ที่ว่ากันว่าเป็นหนังปรัชญาไซ-ไฟที่ดีที่สุดเริ่องหนึ่งของโลก
Contact เล่าถึงการพยายามติดต่อกับสิ่งทรงภูมิจากต่างดาว วันหนึ่งสิ่งทรงภูมิได้ส่งระหัสข้อมูลจำนวนมากมายังโลก หลังจากถอดระหัสได้แล้วก็ทราบว่านี่คือแบบและวิธีการสร้างเครื่องเดินทางที่สิ่งทรงภูมิส่งมาให้มนุษย์สร้างเพิ่อเดินทางไปยังดาววีการ์ที่อยู่ห่างไกล นี่คือโครงการที่นานาชาติทั่วโลกร่วมลงทุนเม็ดเงินมหาศาล และเป็นหนึ่งในโครงการที่หลายคนตั้งคำถามว่าเป็นการท้าทายอำนาจของพระเจ้า
หนังพยายามโยงถึงความสัมพันธ์ในแบบตรงกันข้ามเรื่องของความเชื่อกับวิทยาศาสตร์ที่นางเอกยึดมั่นถือมั่นว่าเธอจะเชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้เท่านั้น และความเชื่อเรื่องศาสนา คือหนึ่งในคำถามการคัดเลือกตัวผู้จะเดินทางไปกับเครื่องข้ามอวกาศคือ “เชื่อในพระเจ้าหรือไม่” แน่นอนว่าเธอไม่เชื่อ ซึ่งค้านกับคนทั้งโลก 95% ที่นับถือพระเจ้าในรูปแบบที่ต่างกัน
คณะกรรมการตัดสินใจส่งเธอไป
ดร.เอเลเนอร์ “เอลลีย์” แอร์โรเวย์ ได้รับการคัดเลือกให้เดินทางไปอวกาศยังดาววีการ์ เธอไปลำพังเพียงมีกล้องสำหรับบันทึกภาพเท่านั้น ยานของเธอเดินทางผ่านหลายกาแลคซี่โดยผ่านทาง “รูหนอน” (wormhole) หรือที่รู้จักในชื่อ “สะพานไอน์สไตน์-โรเซน” (Einstein-Rosen bridge) หลายจุด ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์ถือว่าเป็นทฤษฎีที่อธิบายช่องทางลัดสำหรับเดินทางผ่านห้วงอวกาศอันยาวใกล้จากจุดหนึ่งไปสู่จุดหนึ่งด้วยเวลาอันสั้น เธอพูดทุกอย่างที่เห็นเพื่อบันทึกไว้ มองทุกสิ่งเพื่อให้กล้องวีดีโอที่ติดกับศรีษะบันทึกไว้
เอลลีย์เดินทางไปถึงดาววีการ์ พบสิ่งมหัศจรรย์คือสถานที่ริมทะเลเช่นเดียวกับโลกมนุษย์แต่สวยงามกว่าหลายเท่า เบื้องบนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราย และได้พบกับสิ่งทรงภูมิอยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ซึ่งเป็นคนที่เธอคุ้นเคย เธอได้พูดคุยอะไรมากมาย และสุดท้ายก็ได้กลับมายังโลก ราวเวลาเดินทางทั้งสิ้น 18 ชั่วโมง
แต่ภาพที่คนทั่วไปเห็นมันเป็นเพียงเครื่องเดินทางตกลงสู่พื้นน้ำเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากการปล่อยยานเท่านั้น เอลลีย์ไม่ได้เดินทางไปไหนเลย แค่ยานตกลงมา ซ้ำร้ายกล้องวีดีโอที่ติดตัวเธอไม่สามารถจับภาพอะไรไว้ได้ เครื่องบันทึกเสียงก็ไม่สามารถบันทึกอะไรไว้ได้อีกด้วย เท่ากับว่าทุกคนมองว่าเธอไม่ได้เดินทาง สิ่งที่เธอพบเจอนั้นอาจเป็นเพียงสิ่งที่เธอคิดหรือมโนไปเองเท่านั้น
เอลลีย์ถูกตั้งคณะกรรมการสอบ หนังได้ย้อนแย้งไปยังความเชื่อของเธอในครั้งแรก ซึ่งเธอจะเชื่อเพียงวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ แต่ครั้งนี้เธอไม่มีหลักฐานอะไรเลยพิสูจน์การเดินทาง มีเพียงแค่คำพูดเท่านั้นให้การกับคณะกรรมการ เหมือนกับที่ไม่มีอะไรพิสูจน์ถึงการมีอยู่ของพระเจ้านั่นแหละ
Contact จึงเป็นการตั้งคำถามเชิงปรัชญาว่า ทำไมคนทั้งโลก 95% ถึงสามารถเชื่อการมีอยู่ของพระเจ้าในหลาย ๆ รูปแบบได้อย่างสนิทใจทั้งที่ไม่มีหลักฐานบ่งบอกถึงการมีตัวตนได้อย่างไร
บรรยากาศของหนังเรียบง่าย พูดถึงการพยายามพิสูจน์การมีอยู่ของสิ่งทรงภูมิต่างดาว ความร่วมมือของทุกประเทศ การแสวงหาผลประโยชน์จากสิ่งที่ค้นพบ ศรัทธา และวิทยาศาสตร์ ไม่ได้รีบเร่งเล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ แต่ความเรื่อย ๆ จะเต็มไปด้วยคำถามที่คัดแย้งกันระหว่างวิทยาศาสตร์กับปรัชญาศาสนาตลอดเวลา
แม้แต่สถานะความสัมพันธ์ของตัวละครเอก นางเอกคือนักวิทยาศาตร์ กับพระเอกคือนักเทววิทยาผู้ยึดมั่นในศาสนา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนละขั่วเข้ากันไม่ได้ แต่ทั้งสองก็เป็นแฟนกันได้ หนังคงต้องการอธิบายว่าหากหามุมมองที่เหมาะสมได้ ความเชื่อต่างขั้วก็สามารถมียืนอยู่ในจุดเดียวกันได้นั่นเอง
ที่ชอบมากที่สุดก็คือหนังทิ้งคำถามปลายเปิดเอาไว้ให้ผู้ชมได้ขบคิดตอบคำถามเอาเอง เริ่มตั้งแต่ว่านางเอกนั้นได้เดินทางไปอวกาศอันไกลโพ้นจริงหรือไม่ นางเอกได้ไปพบกับพ่อของเธอหรือไม่หรือเป็นเพียงแค่การสร้างมโนภาพขึ้นมาเพื่อลบปมชีวิตของตัวเองเท่านั้น หรือเพียงแค่นางจินตนาการเอาเองในช่วงหนึ่งอึดใจที่ยานอวกาศนั้นล่วงลงสู่พื้นน้ำ ในจุดนี้ถือว่าเป็นจุดที่ดีงามที่สุดของหนังเลยทีเดียว
ส่วนเพลงประกอบฟังแล้วเหมือนกับเพลงประกอบเรื่อง Forrest Gump ได้อารมณ์เกี่ยวกับความหวัง ฟังแล้วมีความหวัง ซึ่งก็คือเป็นผลงานการประพันธ์จากคนคนเดียวกันก็คือ อลัน ซิลเวสทรี
นักแสดงเล่นดี โดยเฉพาะ Jodie Foster รับบทเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้เดินทางในห้วงอวกาศ ฉากอารมณ์ในขณะที่เธอตอบคำถามกรรมการสอบ สีหน้า ท่าทาง เธอทำได้ดีมาก
หนังได้รับรางวัลมากมายเช่น the Hugo Award for Best Dramatic Presentation Multiple awards and Nominations Saturn Awards เป็นต้น ดังนั้นจึงเป็นเครื่องการันตีว่า Contact : อุบัติการสัมผัสห้วงอวกาศ เป็นหนึ่งในหนังวิทยาศาสตร์-ปรัชญาศาสนาชั้นดีเลิศที่คนรักหนังวิทยาศาสตร์ไม่ควรพลาดชมด้วยประการทั้งปวง
9/10
[review] รีวิว Contact (1997); อุบัติการสัมผัสห้วงอวกาศ ภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ออกฉายปี ค.ศ.1997 ผีมือการกำกับโดยโรเบิร์ต เซเม็กคิส ( Back To The Future 1-3 และ forrest gump)
หนังเล่าถึงการพยายามติดต่อกับสิ่งทรงภูมิจากต่างดาว วันหนึ่งสิ่งทรงภูมิได้ส่งระหัสข้อมูลจำนวนมากมายังโลก หลังจากถอดระหัสได้แล้วก็ทราบว่านี่คือแบบและวิธีการสร้างเครื่องเดินทางที่สิ่งทรงภูมิส่งมาให้มนุษย์สร้างเพิ่อเดินทางไปยังดาววีการ์ที่อยู่ห่างไกล นี่คือโครงการที่นานาชาติทั่วโลกร่วมลงทุนเม็ดเงินมหาศาล และเป็นหนึ่งในโครงการที่หลายคนตั้งคำถามว่าเป็นการท้าทายอำนาจของพระเจ้า
หนังพยายามโยงถึงความสัมพันธ์ในแบบตรงกันข้ามเรื่องของความเชื่อกับวิทยาศาสตร์ที่นางเอกยึดมั่นถือมั่นว่าเธอจะเชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้เท่านั้น และความเชื่อเรื่องศาสนา คือหนึ่งในคำถามการคัดเลือกตัวผู้จะเดินทางไปกับเครื่องข้ามอวกาศคือ “เชื่อในพระเจ้าหรือไม่” แน่นอนว่าเธอไม่เชื่อ ซึ่งค้านกับคนทั้งโลก 95% ที่นับถือพระเจ้าในรูปแบบที่ต่างกัน
คณะกรรมการตัดสินใจส่งเธอไป
นางเอกได้รับการคัดเลือกให้เดินทางไปอวกาศยังดาววีการ์ เธอไปลำพังเพียงมีกล้องสำหรับบันทึกภาพเท่านั้น ยานของเธอเดินทางผ่านหลายกาแลคซี่โดยผ่านทาง “รูหนอน” (wormhole) หรือที่รู้จักในชื่อ “สะพานไอน์สไตน์-โรเซน” (Einstein-Rosen bridge) หลายจุด ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์ถือว่าเป็นทฤษฎีที่อธิบายช่องทางลัดสำหรับเดินทางผ่านห้วงอวกาศอันยาวใกล้จากจุดหนึ่งไปสู่จุดหนึ่งด้วยเวลาอันสั้น เธอพูดทุกอย่างที่เห็นเพื่อบันทึกไว้ มองทุกสิ่งเพื่อให้กล้องวีดีโอที่ติดกับศรีษะบันทึกไว้
เธอเดินทางไปถึงดาววีการ์ เธอพบสิ่งมหัศจรรย์คือสถานที่ริมทะเลเช่นเดียวกับโลกมนุษย์แต่สวยงามกว่าหลายเท่า เบื้องบนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราย และได้พบกับสิ่งทรงภูมิอยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ซึ่งเป็นคนที่เธอคุ้นเคย เธอได้พูดคุยอะไรมากมาย และสุดท้ายก็ได้กลับมายังโลก ราวเวลาเดินทางทั้งสิ้น 18 ชั่วโมง
แต่ภาพที่คนทั่วไปเห็นมันเป็นเพียงภาพเครื่องเดินทางตกลงสู่พื้นน้ำเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากการปล่อยยานเท่านั้น เธอไม่ได้เดินทางไปไหนเลย แค่ยานตกลงมา ซ้ำร้ายกล้องวีดีโอที่ติดตัวเธอไม่สามารถจับภาพอะไรไว้ได้ เครื่องบันทึกเสียงก็ไม่สามารถบันทึกอะไรไว้ได้อีกด้วย เท่ากับว่าทุกคนมองว่าเธอไม่ได้เดินทาง สิ่งที่เธอพบเจอนั้นอาจเป็นเพียงสิ่งที่เธอคิดหรือมโนไปเองเท่านั้น
เธอถูกตั้งคณะกรรมการสอบ หนังได้ย้อนแย้งไปยังความเชื่อของเธอในครั้งแรก ซึ่งเธอจะเชื่อเพียงวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ แต่ครั้งนี้เธอไม่มีหลักฐานอะไรเลยพิสูจน์การเดินทาง มีเพียงแค่คำพูดเท่านั้นให้การกับคณะกรรมการ เหมือนกับที่ไม่มีอะไรพิสูจน์ถึงการมีอยู่ของพระเจ้านั่นแหละ
หนังจึงเป็นการตั้งคำถามเชิงปรัชญาว่า ทำไมคนทั้งโลก 95% ถึงสามารถเชื่อการมีอยู่ของพระเจ้าในหลาย ๆ รูปแบบได้อย่างสนิทใจทั้งที่ไม่มีหลักฐานบ่งบอกถึงการมีตัวตนได้อย่างไร
บรรยากาศของหนังเรียบง่าย พูดถึงการพยายามพิสูจน์การมีอยู่ของสิ่งทรงภูมิต่างดาว ความร่วมมือของทุกประเทศ การแสวงหาผลประโยชน์จากสิ่งที่ค้นพบ ศรัทธา และวิทยาศาสตร์ ไม่ได้รีบเร่งเล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ แต่ความเรื่อย ๆ จะเต็มไปด้วยคำถามที่แย้งกันระหว่างวิทยาศาสตร์กับปรัชญาศาสนาตลอดเวลา
ที่ชอบมากคือ หนังเขาไม่ได้สรุปอะไรเลย เขามีหน้าที่เพียงตั้งคำถามเท่านั้น แบะผู้ชมเท่านั้นที่ต้องตอบคำถามจากหนังเอง
แม้แต่สถานะความสัมพันธ์ของตัวละครเอก นางเอกคือนักวิทยาศาตร์ พระเอกคือนักเทววิทยาผู้ยึดมั่นในศาสตร์ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนละขั่วเข้ากันไม่ได้ แต่ทั้งสองก็เป็นแฟนกันได้ หนังคงต้องการอธิบายว่าหากหามุมมองที่เหมาะสมได้ ความเชื่อต่างขั้วก็สามารถยืนอยู่ในจุดเดียวกันได้นั่นเอง
เพลงประกอบฟังแล้วเหมือนกับเพลงประกอบเรื่อง Forrest Gump ได้อารมณ์เกี่ยวกับความหวัง ฟังแล้วมีความหวัง
นักแสดงเล่นดี โดยเฉพาะ Jodie Foster รับบทเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้เดินทางในห้วงอวกาศ ฉากอารมณ์ในขณะที่เธอตอบคำถามกรรมการสอบ สีหน้า ท่าทาง เธอทำได้ดีมาก
หนังได้รับรางวัลมากมายเช่น the Hugo Award for Best Dramatic Presentation Multiple awards and Nominations Saturn Awards เป็นต้น จึงเป็นเครื่องการันตีว่า Contact : อุบัติการสัมผัสห้วงอวกาศ เป็นหนึ่งในหนังวิทยาศาสตร์-ปรัชญาศาสนาชั้นดีที่ไม่ควรพลาดชมด้วยประการทั้งปวง
9.5/10
Apollo 13 Survival (2024) อะพอลโล 13 ภารกิจต้องรอด
Ad Astra (2019) ภารกิจตะลุยดาว
Deep Impact (1998) วันสิ้นโลก ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย