War สงคราม เป็นอีกหนึ่งแบบอย่างความสนุกสนานที่ย้ำเรื่องราวของการสู้รบแล้วก็ความไม่ลงรอยกัน ดูหนังออนไลน์ ชัด โดยชอบสร้างอิงจากประวัติศาสตร์แล้วก็เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง เพื่อถอดบทเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วที่เคยเกิดขึ้น เลียนแบบเหตุการณ์พร้อมเนื้อหารายละเอียดหรรษาให้ผู้ชมได้สัมผัสความมันรวมทั้งดราม่าสุดเข้มข้นกึ่งกลางสนามรบรบ
มีการอ้างอิงเหตุการสู้รบที่เคยเกิดขึ้นในอดีตกาล เน้นย้ำจุดๆหนึ่งในการศึกนั้นๆก็บางทีอาจจะเอาไปใช้สอนนักเรียนได้ แต่ว่าก็บางครั้งก็อาจจะไม่เหมาะสมในบางเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น ความร้ายแรงหรือความเหี้ยมโหดอำมหิตอะไรแนวๆนี้ ผมสังเกตว่าถ้าเกิดผู้ที่ไม่ใช่คนชอบดูหนังการรบจริงๆเขาบางครั้งก็อาจจะไม่ได้อยากต้องการมองเลยด้วย แม้กระนั้นผู้ที่ถูกใจมองก็จัดได้ว่าคลุ้มคลั่งหนังสงครามไปเลย ที่เหลือก็เป็นการถูกใจมองเป็นระยะๆช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
หนังสงครามเวียดนามที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือ Heart of Darkness นำมากำกับโดย Francis Ford Coppola เล่าเรื่องราวของ “ผู้กองวิลลาร์ด” ที่ต้องออกตามหาผู้พันคนหนึ่งที่ก่อเหตุสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากในช่วงสงครามเวียดนาม และมีเสียงเล่าลือต่อกันว่าผู้พันคนนี้ได้เสียสติไปแล้ว โดยระหว่างทางที่ผู้กองวิลลาร์ดออกเดินทางเข้าไปยังหมู่บ้านท้องถิ่นในแถบกัมพูชา-เวียดนาม ก็ได้เห็นความสูญเสียและความโหดร้ายของสงคราม ที่ถ่ายทอดออกมาได้สมจริงผ่านภาพศิลปะที่สร้างบรรยากาศอึดอัดใจได้เป็นอย่างดี
2. Schindler’s List (1993)
หนังสงครามที่มีให้ชมบน Netflix สร้างมาจากเรื่องจริงของเหตุการณ์ความเจ็บปวดของชาวยิวที่ถูกไล่ล่าตามฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุโดยกองทัพนาซี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยหนังใช้โทนภาพสีขาวดำ และมีจุดเด่นอยู่ที่ “เด็กหญิงชุดแดง” ที่ถูกนำไปตีความเชิงสัญลักษณ์ได้หลายแง่มุม หนังเล่าผ่านเรื่องราวของนักธุรกิจผิวขาวที่หันมาช่วยเหลือเชลยชาวยิว นี่คือหนังแสนเศร้าที่เมื่อดูจบแล้วจะทำให้ทุกคนตระหนักได้ว่าความรักและความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญเพียงใด
3. Braveheart (1995)
หนังสงครามที่ครองใจใครหลายคน หยิบยกเรื่องราวของ “วิลเลียม วอลเลซ” ที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ รู้จักในฐานะผู้นำก่อกบฏเพื่อต่อต้านการปกครองจากอังกฤษ เมื่อ “Edward Longshanks” หวังจะขึ้นครองบัลลังก์เป็นราชาแห่งสกอตแลนด์ วอลเลซผู้เคยสูญเสียภรรยาเนื่องจากถูกทหารอังกฤษสังหาร จึงลุกขึ้นสู้และได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญของสกอตแลนด์ ทำให้ประชาชนคนอื่นๆ จับอาวุธลุกฮือต่อต้านเพื่อเอกราชแห่งมาตุภูมิ และเป็นเรื่องราวที่เล่าขานสืบต่อกันมา
หนังสงครามที่เพียงแค่ต้นเรื่องก็เต็มไปด้วยการสู้รบที่ดุเดือด เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นบรรยากาศความโหดร้ายของสงคราม โดยหนังเล่าเรื่องของกลุ่มทหารหนุ่มชาวอเมริกันที่ต้องออกไปสู้รบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ “ร้อยเอกจอห์น มิลเลอร์” ได้รับมอบหมายภารกิจพิเศษในการตามหา “พลทหารเจมส์ ไรอัน” เพื่อให้กลับบ้านไปสู่อ้อมอกแม่ เนื่องจากพี่น้องคนอื่นๆ เสียชีวิตจากสงครามหมดแล้ว แต่ภารกิจเสี่ยงอันตรายในครั้งนี้ก็ต้องแลกด้วยชีวิตทหารจำนวนมาก เพื่อหวังตามหาคนคนเดียวให้เจอท่ามกลางสมรภูมิรบ
เรื่องราวของอ่าวเพิร์ลฮาเบอร์ ฐานทัพสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพิกัดสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกกองทัพญี่ปุ่นถล่มอย่างหนัก ทำให้เสียชีวิตกำลังพลเป็นจำนวนมาก และถูกบันทึกไว้ว่ากลายเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” ที่ทำให้สหรัฐอเมริกาตัดสินใจเข้าร่วมสงครามโลก โดยหนังมีการเพิ่มเรื่องราวดราม่าและความรักของตัวละครที่เสริมเข้าไป เพื่อให้มีความบันเทิงดราม่าและชวนซึ้ง อีกทั้งยังกลายเป็นฉากจำที่ตราตรึงใจใครหลายๆ คนสำหรับหนังสงครามเรื่องนี้
หนังสงครามที่สร้างจากเรื่องจริงของ “เดสมอนด์ ดอสส์” (Desmond Doss) แพทย์ทหารชาวอเมริกันที่ต้องไปออกรบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อุดมการณ์ของเขาคือการช่วยชีวิตเพื่อนทหารให้ได้มากที่สุด โดยที่ไม่จับปืนฆ่าคนเลย แถมยังสามารถรักษาชีวิตของกำลังพลแถวหน้าไว้ได้จำนวนมาก เรื่องราวของดอสส์สร้างความประทับใจในฐานะมนุษย์ธรรมดา ที่กลายเป็นวีรบุรุษที่แท้จริงของสนามรบ และหลังจากสิ้นสุดสงคราม เขาก็ยังได้รับเหรียญกล้าหาญจากประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
จากเหตุการณ์อุกอาจที่สะเทือนขวัญทั่วโลก เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2012 เมื่อผู้ก่อการร้ายกองกำลังอาสาสมัครติดอาวุธ บุกเข้าโจมตีสถานกงสุลสหรัฐอเมริกาในเบงกาซี ประเทศลิเบีย ทำให้เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศลิเบีย ของเหตุการณ์ในครั้งนั้น กับเรื่องราวของเจ้าหน้าที่ 6 ราย ที่ต้องทำหน้าที่ปกป้องชีวิตทูตให้ปลอดภัย ท่ามกลางความกดดัน บรรยากาศแห่งความหวาดกลัว และการต่อสู้ต่อเนื่องยาวนานหลายชั่วโมง นี่คือหนังสงครามสร้างจากเรื่องจริงที่ลุ้นระทึกในทุกๆ นาที
ผลงานภาพยนตร์ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่สร้างเสียงฮือฮาด้วยการประกาศสร้างหนังสงคราม โดยเลือกเล่าถึง “ยุทธการดันเคิร์ก” ที่เคยเกิดขึ้นจริงในปี 1940 เรื่องราวของการอพยพทหารอังกฤษและทหารฝรั่งเศส ของฝ่ายสัมพันธมิตร จำนวนเกือบ 400,000 นาย ออกจากชายหาดดันเคิร์ก ทางตอนเหนือของฝรั่งเศสให้ทันเวลา ทั้งนี้หนังไม่ได้เน้นฉากรบดุเดือดเหมือนหนังสงครามโลกทั่วไป แต่โนแลนเลือกที่จะนำเสมอมุมมองว่าผู้ชนะสงครามที่แท้จริงคือ “ผู้มีชีวิตรอดกลับบ้าน” ต่างหาก
หนังสงครามอัฟกานิสถานที่เชื่อมโยงกับเหตุก่อวินาศกรรม 911 เมื่อเครื่องบินพลีชีพพุ่งชนตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีเรื่องราวที่ไม่เคยเปิดเผยต่อจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เมื่อสหรัฐฯ ส่งทหารหน่วยรบพิเศษจำนวน 12 นาย เข้าไปยังพื้นที่ทะเลทรายในอัฟกานิสถาน เพื่อติดต่อหาพันธมิตรสำหรับการวางแผนสู้รบในสหรัฐฯ แถมพวกเขายังต้องเสี่ยงชีวิตจับปืนสู้รบบนหลังม้าอีกด้วย
ปิดท้ายกันด้วยหนังสงครามโลกครั้งที่ 1 ขวัญใจนักวิจารณ์ ผลงานของผู้กำกับ แซม เมนเดส (Sam Mendes) ที่คว้ารางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำมาครองหลายรางวัล นี่คือหนังที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคุณปู่ของเมนเดส เล่าเรื่องราวของทหารหนุ่มที่ได้รับมอบหมายให้ไปแจ้งข่าวสงครามให้แก่กองทัพอังกฤษ ซึ่งสู้รบอยู่อีกฝั่งหนึ่งของสมรภูมิ หากปฏิบัติภารกิจไม่ทันเวลา จะมีเพื่อนทหารจำนวนมากเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ จุดเด่นของ 1917 อยู่ที่การใช้เทคนิคแบบลองเทค (Long Take) ถ่ายทำฉากยาวๆ โดยไม่ตัดต่อ และจำลองภาพให้ผู้ชมรู้สึกร่วมมากที่สุด