Talk-Show ช่วง 5G แบบนี้ แน่ๆว่า นอกเหนือจากการที่จะมีวิถีทาง ให้เลือกเสพสื่อมากไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น รายการทีวีดิจิตอล รายการทีวีช่องหลัก หรือ streaming ต่างๆแล้ว อีกหนึ่งวิถีทาง ที่ผู้คนถูกใจไปหมกตัว ไปสิงอยู่ในแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งก็คือ YouTube นั่นเองจ้ะ ซึ่งใน YouTube ก็ต่างมีหลายช่อง ที่ทำรายการออกมา ให้ผู้ชม
ได้สนุกสนาน เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ มีแต่ว่าความฮา รายการ talk show กันเป็นอย่างมากอย่างยิ่งจริงๆ Talk-Show
ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นรายการทอล์ค ที่ได้เชิญชวน เหล่าศิลปิน คนมีชื่อเสียง มานั่งจับเข่าคุยกัน หรือถามไถ่เรื่องแซ่บๆที่พวกเราไม่รู้ หรือเรื่องที่พวกเราต้องการเผือก!! มานานแล้ว กันด้วยจ้ะ
Talk-Show รายการทอล์กโชว์ภาคกลางคืนของ NBC สหรัฐอเมริกาที่จริงๆ มีมาตั้งแต่ปี 1954 ซึ่งจริตของรายการก็จะเน้นความตลกขบขันเป็นหลักเพื่อส่งเป็นความบันเทิงยามเข้านอน ซึ่งจุดเปลี่ยนในซีรีส์ Tonight Show เกิดขึ้นเมื่อสถานีตัดสินใจซื้อตัว Johnny Carson
ตลกหนุ่มผู้กำลังมาแรงจากการเป็นพิธีกรรายการของตัวเองให้กับช่อง CBS การย้ายช่องของเขาในครั้งนี้กลายเป็นไมล์สำคัญของวงการเลตไนท์อเมริกันที่ทำให้เขากลายเป็นตำนาน The Tonight Show ในแบบของคาร์สันแทบจะเป็นโครงสร้างบังคับของรายการทอล์กโชว์แบบอเมริกันแทบทุกรายการที่ต้องมีมุกตลกที่หลากหลายตลอดชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็น
Monologue ที่ไม่จิกกัดและเสียดสีใคร Sketch (ละครสั้น) ที่ตลกเหนือกาลเวลาและโดดเด่นด้วยความคลาสสิกตามเวลาที่ออกอากาศ หรือการเปิดพื้นที่ให้ตลกหน้าใหม่ได้มีโอกาสแสดงฝีไม้ลายมือการเดี่ยวไมโครโฟน Talk-Show ซึ่งที่นี่ก็แจ้งเกิด Ellen DeGeneres อย่างเป็นทางการอีกด้วยจอห์นนี่ปิดรายการในปี 1993 ซึ่งเป็นขวบปีที่ 30 ของรายการพอดี
ว่ากันว่ามันเป็นการปิดรายการที่สมศักดิ์ศรีที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์รายการโทรทัศน์จะมี มีผู้คนรวมกลุ่มกันดูรายการตอนสุดท้ายเป็นจำนวนมากทั่วสหรัฐ และมันยังทำให้ผู้ชมเสียน้ำตาในการจากลาครั้งนี้ รวมถึงเขายังปูทางและให้คำแนะนำกับตลกหน้าใหม่ในเวลานั้นที่กำลังจะมีรายการทอล์กโชว์เป็นของตัวเอง ทั้งผู้ที่จะรับไม้ต่อจากเขาในเวลานั้นอย่างเจย์ เลโน หรือโคแนน โอ ไบรอัน
นี่ไม่ใช่การ์ตูนฆาตกรรมสืบสวนสอบสวน แต่เป็นชื่อรายการของโคแนน โอ ไบรอัน ตลกชายที่เคยมีตัวตนในโลกเลตไนท์ตั้งแต่ปลายยุค 90 ในการเป็นพิธีกรของรายการ Late Night ก่อนจะข้ามสายมาเป็นพิธีกรในรายการรอบดึกอันโดดเด่นอย่าง The Tonight Show แต่ก็ต้องตกสวรรค์เพราะเรตติ้งที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเกินกว่าที่สถานี NBC จะรับไหว จนเขาได้ลงหลักปักฐานในช่องเคเบิ้ล
TBS ในรูปแบบรายการเดิม แต่เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า Conan เราชอบในการจิกกัดและเสียดสีอย่างถึงแก่นของแต่ละมุก รวมถึงความกวนตีนในการยำเรื่องราวข่าวสารในชีวิตประจำวันจนออกมาเป็น Sketch บ้าๆ บอๆ ที่ต่อให้จะไม่เข้าใจวัฒนธรรมอเมริกันก็สนุกไปกับมันได้อีกหนึ่งเสน่ห์ของโคแนนที่ชูรสให้รายการอร่อยยิ่งขึ้นคือ ความเป็นกันเองแบบสุดๆ กับแขกรับเชิญที่เมื่อใครได้แวะเวียนมานั่งสัมภาษณ์กับเขา เราจะรู้สึกสบาย เป็นกันเอง และทุกอย่างที่โคแนนแสดงออกต่อแขกมันก็ดูจริงใจและไม่อึดอัด พร้อมส่งเสริมให้แขกรับเชิญได้พูดในสิ่งที่เขาต้องการจะคุยอย่างสบายตัวมากกว่าเดิมน่าเสียดายที่ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่โคแนนจะออกอากาศ หลังจากรายการถูกย่นเวลาออกอากาศจากหนึ่งเหลือครึ่งชั่วโมงในช่วงสองปีท้ายของรายการ แต่โคแนนจะย้ายบ้านไปอยู่บนสตรีมมิ่งอย่าง HBO Max ที่สำหรับคนไทยก็ต้องอดใจรออีกหน่อยกว่าจะได้หัวเราะไปกับเขา
Talk-Show ซาแมนธา บี คือตลกหญิงที่อยู่เคียงข้างจอห์น สจ๊วด ในรายการ The Daily Show ซึ่งเป็นทอล์กโชว์กึ่งข่าวที่มักนำเหตุบ้านการเมืองทั้งในและต่างประเทศมาวิเคราะห์และเสียดสีอย่างเผ็ดมัน ซาแมนธารับบทผู้ช่วยพิธีกรและผู้สื่อข่าวภาคสนามที่มีลีลากวนๆ แบบตลกหญิงที่ติดตาติดใจผู้ชม จนเมื่อช่องเคเบิ้ล Comedy Central ตัดสินใจยุบรายการ ซาแมนธาจึงได้รับโอกาสในการมีทอล์กโชว์ข่าวของตัวเองในชื่อ Full Frontal รูปแบบรายการไม่ได้ต่างจากกรายการตลกเชิงข่าวแบบนั่งวิเคราะห์และเสียดสีแบบ Last Week Tonight หรือต้นทางอย่าง The Daily Show เท่าไหร่ แต่เพราะตัวละครในรายการนี้เป็น “ผู้หญิง” มันจึงกลายเป็นรสชาติใหม่ของการวิเคราะห์ข่าวแบบจิกกัดที่สนุกใช่เล่น แถมแต่ละประเด็นก็แรงๆ ทั้งนั้นนอกจากสกุ๊ปข่าวนอกห้องส่ง การสัมภาษณ์นอกสถานที่ก็เป็นอีกสิ่งที่ซาแมนธาทำได้ดีแถมยังจิกกัดเสียดสีสังคมได้เจ็บแสบมากๆ เช่นกัน หลายครั้งที่เราอยากดูข่าวและขอผ่อนคลายกับจริตความกวนในมุกตลกทั้งหลายก็จะมีซาแมนธาเป็นตัวเลือกหลักเสมอๆ
เชลซี แฮนด์เลอร์ คือนักแสดงหญิงที่แรง ตรง และตลกบนพื้นฐานของความแรงและตรงของเธอนั่นแหละ มันเลยเป็นส่วนประกอบสำคัญทำให้เธอมีเสน่ห์ที่เมื่อเวลาเธอทำรายการทอล์กโชว์ของตัวเองตั้งแต่ Chelsea Lately มันจะมีอะไรที่ดึงดูดเราโดยไม่รู้ตัวChelsea คือชื่อรายการที่ตั้งมาจากชื่อเธอตรงๆ นั่นแหละ ซึ่งต่างจากรายการเดิมของเธอที่ช่อง
E! อย่าง Chelsea Lately ที่ยังคงโครงความเป็นรายการทอล์กโชว์กึ่งทางการ แต่ในรอบนี้เธอเป็นตัวของตัวเองสุดๆ ตั้งแต่การวิจารณ์รัฐบาลอย่างถึงพริกถึงขิงหรือแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องต่างๆ อย่างเผ็ดมันแบบไม่แคร์อะไรทั้งสิ้นในชนิดที่ว่าเธอพูดคำหยาบออกทีวีแบบเน้นๆหนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าจดจำของ Chelsea คือ ในช่วงที่รายการออกอากาศตรงกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เชลซีในฐานะกองเชียร์อันเหนียวแน่นของบารัค โอบาม่าจากพรรคเดโมแครตถึงขั้นร้องไห้น้ำตาไหลระหว่างการบันทึกรายการ เมื่อเธอรู้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้งนอกจากทอล์กโชว์แบบปกติ อีกสิ่งหนึ่งที่เราชอบมากๆ ใน Chelsea คือรูปแบบรายการแบบ Dinner Party ที่ชวนเพื่อนพ้องดาราคนสนิทมานั่งล้อมวงทานอาหารเย็นที่บ้านของเธอ ซึ่งเป็นอีกรูปแบบรายการหนึ่งที่เราได้เห็นความผ่อนคลายของแขกรับเชิญในการสนทนา และประเด็นที่ไม่ได้หนักหนาเกินไป ทำให้ Dinner Party คือปาร์ตี้ที่แสนสนุกและเป็นตัวเองจริงๆ ของหมู่เพื่อนพ้องดารา
Talk-Show รูปแบบรายการก็สามารถการันตีความสามารถทั้งในการยิงคำถามและดำเนินรายการของเขาได้อย่างไม่ต้องสงสัย-แขกรับเชิญ 2-3 คนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย (เช่น นักดนตรีอัลเทอร์เนทีฟกับดาราหนังบล็อกบัสเตอร์ หรือไอดอลเกาหลีกับพิธีกรรายการข่าว) มานั่งสัมภาษณ์รวมกันบนโซฟาตัวเดียวกัน ในประเด็นคำถามใกล้เคียงกันที่เมื่อแขกคนหนึ่งกำลังถูกถามอยู่
ผู้ร่วมโซฟาก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาเดียวกันได้อย่างแนบสนิทไร้รอยต่อ ยิ่งความเป็นกันเองของเกรแฮมที่ค่อยๆ ละลายพฤติกรรมแขกรับเชิญที่ไม่มีความเกี่ยวเนื่องกันให้ค่อยๆ ผ่อนคลายและกลายเป็นหนึ่งเดียวของโต๊ะสนทนา ยิ่งรายการเองไม่มีองค์ประกอบอื่นอย่างที่รายการทอล์กโชว์ทั่วๆ ไปมี ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือละครสั้น (แต่มีโชว์จากศิลปิน) การที่ The Graham Nortnon Show ยืนระยะมาได้ถึง 14 ปี, 21 ซีซั่นและรางวัล BAFTA Awards ถึง 8 ครั้งที่การันตีความสามารถของเกรแฮมในการดำเนินรายการนี้ ก็คงไม่ต้องบอกเยอะถึงคุณภาพของมันแล้วล่ะ
เดวิด เลตเตอร์แมน คือหนึ่งในพิธีกรรายการทอล์กโชว์ภาคกลางคืนที่ได้รับการยอมรับสูงที่สุดแห่งยุค ตั้งแต่เขาอำลาจอไปเมื่อปี 2015 และมีสตีเฟ่น โคลแบร์มาแทนที่ วงการรายการเลตไนท์ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จนกระทั่งเขาประกาศการร่วมงานครั้งพิเศษกับ Netflix ซึ่งเขากลับมาบนหน้าจออีกครั้งเพื่อทำรายการสนทนาเพียวๆ ในชื่อภาษาไทยว่า
“เสวนาฮาเฮ” My Next Guest need no Introduction ไม่มีอะไรนอกจากบทสนทนาเพียวๆ ระหว่างเดวิดและคู่สนทนา ซึ่งรายชื่อแขกรับเชิญก็คือผู้มีอิทธิพลในวงการระดับ A-List ซึ่งประเด็นคำถามอาจไม่ได้หนักหน่วงอะไร แต่วิธีการไล่เรียงประเด็นและการยิงคำถามในการสัมภาษณ์ของเดวิดนั้นน่าสนใจ ชวนให้ติดตาม และสามารถรีดเอาคำตอบที่ทำให้คู่สนทนากล้าตอบออกมาได้อย่างสบายใจ ในความคิดของเรา-ถึงแม้ว่าปีท้ายๆ ของการทำเลตไนท์ของเดวิดจะเริ่มอยู่ในเพซที่เฉื่อยเหมือนรอเวลาปิดรายการ แต่พอเป็นเสวนาฮาเฮที่เขาได้ใช้เวลาในการพัฒนารายการและลงรายละเอียดกับมันเต็มที่ จากการเลือกแขกรับเชิญและวางวิธีการเล่าเรื่อง เราจึงยกให้เสวนาฮาเฮคือหนึ่งในรายการสนทนาที่ดีที่สุดรายการหนึ่งเลย