เรื่องย่อ : Bridge of Spies (2015) จารชนเจรจาทมิฬ ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
ดูหนัง Bridge of Spies (2015) จารชนเจรจาทมิฬ ในช่วงสงครามเย็น ทนายความชาวอเมริกันได้รับคัดเลือกให้ปกป้องสายลับโซเวียตที่ถูกจับกุมในศาล จากนั้นช่วย CIA อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนสายลับกับนักบินเครื่องบินสอดแนม U2 ชาวอเมริกันที่โซเวียตถูกจับ ฟรานซิส แกรี พาวเวอร์ส Bridge of Spies สร้างจากเรื่องจริงของทนายความชาวนิวยอร์ก เจมส์ โดโนแวน ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งในความตึงเครียดของสงครามเย็น โดยเขาถูกหน่วยงาน CIA ส่งไปเจรจากับโซเวียตเพื่อปล่อยตัวนักบินประจำเครื่องบินสอดแนม U-2 ดูหนังออนไลน์
ในปี 1957 นครนิวยอร์ก รูดอล์ฟ อาเบลถูกจับกุมและถูกตั้งข้อหาเป็นสายลับให้กับสหภาพโซเวียต ทนายความเจมส์ บี. โดโนแวน ซึ่งเดิมเคยเป็นที่ปรึกษาทั่วไปของสำนักงานบริการเชิงยุทธศาสตร์ แต่ปัจจุบันทำงานเป็นเอกชนในด้านกฎหมายประกันภัย ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษากฎหมายของอาเบล ด้วยความมุ่งมั่นในหลักการที่ว่าผู้ถูกกล่าวหาสมควรได้รับการปกป้องอย่างแข็งขัน เขาจึงพยายามปกป้องอาเบลอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยปฏิเสธไปตลอดทางที่จะให้ความร่วมมือในความพยายามของสำนักข่าวกรองกลาง (ผู้สืบทอดต่อจากนายจ้างเก่าของเขา OSS) เพื่อชักจูงเขา ละเมิดการรักษาความลับในการสื่อสารของเขากับลูกค้า
อาเบลถูกตัดสินลงโทษ แต่โดโนแวนโน้มน้าวผู้พิพากษาให้งดโทษประหารชีวิตเพราะอาเบลรับใช้ประเทศอย่างมีเกียรติ และเขาอาจพิสูจน์ได้ว่ามีประโยชน์สำหรับการแลกเปลี่ยนนักโทษในอนาคต อาเบลถูกตัดสินจำคุก 30 ปี โดโนแวนยื่นอุทธรณ์คำตัดสินต่อศาลฎีกา เนื่องจากไม่มีหมายค้นในการยึดรหัสและอุปกรณ์ถ่ายภาพของอาเบล สำหรับจุดยืนที่มีหลักการของเขา โดโนแวนและครอบครัวของเขาถูกคุกคาม รวมถึงการถูกยิงที่บ้านของพวกเขาด้วย ความเชื่อมั่นได้รับการยึดถือในระยะที่ใกล้เคียงกันมาก ในปี 1960 ฟรานซิส แกรี พาวเวอร์ส นักบินในโครงการเครื่องบินสอดแนม U-2 ที่เป็นความลับสุดยอดของ CIA ถูกยิงตกเหนือสหภาพโซเวียต เขาถูกจับและถูกตัดสินจำคุกสิบปี รวมทั้งจำคุกสามปีด้วย
สตีเว่น สปีลเบิร์ก
DreamWorks Pictures
Fox 2000 Pictures
ทอม แฮงค์ส
มาร์ค ไรแลนซ์
เอมี่ ไรอัน
อลัน อัลดา
Bridge of Spies คือ เรื่องราวของ เจมส์ บี. โดโนแวน ทนายที่ต้องมารับงานว่าความให้กับ รูดอล์ฟ เอเบิล สายลับโซเวียตที่แฝงตัวเข้ามาสืบความลับในอเมริกา ซึ่งเป็นงานที่ไม่มีทนายคนไหนอยากทำ
เรื่องที่น่าสนใจก็คือ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เดิมพันด้วยชีวิต แต่รูดอล์ฟก็ยังคงสงบนิ่งอยู่เสมอโดยไม่กระวนกระวายเลยแม้แต่นิดเดียว จนทำให้เจมส์ต้องถามเขาขึ้นมาว่า คุณไม่กังวลบ้างเลยเหรอ ? ซึ่งรูดอล์ฟก็ตอบเจมส์กลับมาด้วยคำถามว่า
“กังวลแล้วมันช่วยอะไรได้เหรอ ?”
บางที มันก็อาจจะเป็นจริงอย่างที่รูดอล์ฟว่า เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็แค่ต้องทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด และถึงจะกังวลไป มันก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้ แต่ความกลัวความกังวลนั้นมันมีแต่จะทำให้เรารับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้แย่ลงด้วยซ้ำ
เห็นหน้าหนังเป็นสายลับเจรจาต่อรองแลกเปลี่ยนเชลยในช่วงสงครามเย็น แต่เนื้อหาของหนังโดยหลักแล้วมุ่งเน้นไปที่คุณค่าความเป็นมนุษย์มากกว่าจะมาโชว์ speech เจรจาต่อรองหรือการชิงไหวชิงพริบของสองประเทศมหาอำนาจ ซึ่งมันเป็นอารมณ์การยกย่องเชิดชูให้คนดูซาบซึ้งวีรกรรมของตัวเอกเหมือนงานขึ้นหิ้งของสปีลเบิร์กเรื่อง Schindler’s List
หนังพาคนดูย้อนไปถึงปลายยุค 50’s ช่วงสงครามเย็นระหว่างอเมริกากับโซเวียต เริ่มต้นด้วยฝั่งอเมริกาจับกุม ‘รูดอล์ฟ อเบล’ (Mark Rylance) สายลับโซเวียต โดยมี ‘เจมส์ บี โดโนแวน’ (Tom Hanks) เป็นทนายต่อสู้คดีให้ท่ามกลางความเกลียดชังของคนในสังคมเพราะเขากำลังว่าความให้คนขายชาติ ด้วยวาทศิลป์ในการโน้มน้าวผู้พิพากษาด้วยเหตุผลเรื่องหลักประกันทำให้จำเลยไม่ถูกลงโทษประหารชีวิต ซึ่งปรากฎในเวลาต่อมาว่า ‘ฟรานซิส พาวเวอร์’ นักบินสอดแนมของอเมริกาถูกจับกุมเป็นเชลย ทำให้ฝ่ายอเมริกามีสายลับโซเวียตสำหรับเป็นเครื่องมือต่อรองแลกเปลี่ยนตัวประกัน โดยมีโดโนแวนเป็นผู้เดินเกมการเจรจากับฝ่ายโซเวียต แต่ในการเจรจาที่เยอรมันตะวันออกได้ปรากฎข้อมูลเพิ่มเติมว่านักศึกษาชาวอเมริกันถูกฝ่ายเยอรมันตะวันออกจับกุมยัดเยียดข้อหาจารกรรมข้อมูลเช่นเดียวกัน โดโนแวนจึงต้องเจรจาเพื่อให้ได้มาซึ่งตัวประกันทั้งสองคน
อาจจะบอกได้ว่าเมื่อเทียบกับงานชิ้นก่อน ๆ ของสปีลเบิร์กแล้ว Bridge of Spies แทบไม่มีความฟูมฟายทั้งที่ตัวเนื้อเรื่องเอื้ออำนวยให้บิ๊วคนดูจัด ๆ ได้ (ตัวเอกถูกตราหน้าว่าทรยศชาติ ก่อนจะกลายมาเป็น american hero ด้วยผลงานเจรจาแลกเปลี่ยนตัวประกัน) พอหนังมันมาอารมณ์แบบไปเรื่อย ๆ ให้คนดูค่อย ๆ ซาบซึ้งจึงรู้สึกว่ามันชวนให้เราเห็นถึงคุณค่าการปฏิบัติต่อมนุษย์ซึ่งต่างถูกผูกด้วยพันธะหน้าที่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายโซเวียตหรืออเมริกาต่างก็ทำงานของตัวเองเพื่อชาติ ถ้าหากคนของเราถูกจับกุมได้ เราก็คงไม่อยากเชลยถูกเลือกปฏิบัติจริงไหม?
จุดหนึ่งเล็ก ๆ ที่ผมชอบมากในหนังก็คือการพูดถึง ‘หน้าที่’ คุณเชื้อสายเยอรมัน ผมเชื้อสายไอริช แล้วอะไรบ่งบอกว่าเราเป็นอเมริกันถ้าไม่ใช่การทำหน้าที่ของตัวเองโดยไม่ก้าวก่าย/ล้ำเส้น/แทรกแซง สังคมจะเป็นอย่างไรถ้าหากตำรวจ, ผู้พิพากษา, ทนาย และอื่น ๆ อีกมากมายต่างเลือกปฏิบัติ
สำหรับใครที่ชอบเสพ speech โน้มน้าวจูงใจคนคงไม่ผิดหวัง มีอยู่สองฉากที่ผมชอบเป็นพิเศษคือตอนเกลี้ยกล่อมผู้พิพากษาให้ลดโทษประหารชีวิตเหลือเพียงจำคุกโดยกล่าวอ้างเรื่องหลักประกันสำหรับการแลกเปลี่ยนตัวประกันที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต, และอีกครั้งในการทิ้งไพ่ตายแลกเปลี่ยนตัวประกันโดยการพูดโยนความกดดันทั้งหมดกลับไปให้ทางฝั่งเยอรมันตะวันออก
กล่าวโดยสรุปแล้ว Bridge of Spies เป็นหนังสายลับเจรจาแลกเปลี่ยนตัวประกันที่ทำมายกย่องคุณงามความดีของ ‘เจมส์ บี โนโนแวน’ รวมถึงเชิดชูคุณค่าความเป็นมนุษย์ที่มีความเท่าเทียมกัน ทั้งนี้สปีลเบิร์กก็ยังไม่วายที่จะแอบเนียนอวดอ้างความดีของฝ่ายอเมริกาในการปฏิบัติต่อนักโทษ
ป.ล. หนังแนะนำสำหรับคนชอบ speech ขอเชียร์ Thirteen Days (2000) นำเสนอประเด็นการเมืองในช่วง ‘วิกฤตขีปนาวุธคิวบา’ ได้ดีมาก ๆ ทั้งเรื่องกองทัพกระหายสงคราม การวางกับดักผ่านกฏอัยการศึก การเขียน Speech การวิเคราะห์อารมณ์คนเขียนยกร่าง บทบาทภาวะการตัดสินใจของผู้นำ ตลอดจนการฑูตการเจรจา เป็นหนังที่แนะนำเป็นพิเศษสำหรับคนที่ศึกษาด้านรัฐศาสตร์และการฑูต
ป.ล. 2 ถ้าชอบเรื่องอุปสรรคของทนายจำเลยในคดีสำคัญระดับประเทศ ขอแนะนำ The Conspirator (2010) เมื่อต้องรับว่าความให้ผู้ต้องสงสัยคดีให้ความช่วยเหลือการวางแผนสังหารประธานาธิบดี ทำให้ถูกสังคมต่อต้านเพียงเพราะเขาทำหน้าที่ของตัวเองตามกระบวนกฎหมาย หนังเด่นในเรื่องของจรรยาบรรณนักกฎหมายและการใช้อำนาจปกครอง แนะนำเป็นพิเศษสำหรับผู้ศึกษานิติศาสตร์และรัฐศาสตร์
You re Next (2011) คืนหอน คนโหด
The Lost Case (2017) มือปราบสัมภเวสี
The Ghost Lovers (1974) – Yan nu huan hun หนังผีฮ่องกงโบราณ