เรื่องย่อ : Breaking and Re-entering (2024) ปล้นย้อนศร ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
ดูหนัง Breaking and Re-entering (2024) ปล้นย้อนศร เมื่อถูกหักหลังจากปฏิบัติการปล้นธนาคาร ทีมปล้นมือฉมังจึงพยายามทำภารกิจที่ท้าทายยิ่งกว่านั้น ด้วยการนำเงินที่ปล้นมาได้กลับไปคืนเพราะความรักคือสิ่งจรรโลงโลกโลกจึงมิอาจปราศจากความรักและมนุษย์ก็ต้องมีความรักไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่อาจหนีพ้น หนังรักจึงไม่ตางจากหนังสามัญของโลกที่สาสามารถจรรโลงใจหรืออาจกระตุ้นให้หันมามองตัวเองในแง่มุมของความรัก ดูหนังออนไลน์
หนังรักเพราะความรักคือสิ่งใกล้ตัวจนสามารถเอื้อมมือไปสัมผัสได้เพราะหนังรักย่อมเล่ามาจากความรักในแง่มุมต่างกัน ซึ่งสำหรับส่วนตัวผู้เขียนแล้วถ้าว่ากันถึงหนังรักก็ดูได้หมดทุกชาติทุกภาษาแต่ถ้าลงลึกไปอีกที่เป็นหนังรักแบบโรแมนติกดราม่าผู้เขียนอาจชอบหนังญี่ปุ่นเป็นพิเศษรองลงมาอาจเป็นไต้หวันและเกาหลี ด้วยเหตุผลที่ญี่ปุ่นมักจะไม่ขยี้แต่ปล่อยใจไปกับภาพที่เห็นบนจอเพื่อเก็บเกี่ยวอารมณ์ความรู้สึกซึ่งทางไต้หวันก็คล้ายกันแต่อาจดูมีความจริงจังมากกว้า
ส่วนทางเกาหลีอาจมีขยี้ในบางจังหวะบ้างก็มีดีต่างกันไปแต่หนังเรื่องต่อไปนี้คือการผสานกันระหว่างญี่ปุ่นกับไต้หวันที่ต่างก็เรียบเรื่อยแล้วจะเป็นยังไงแต่บอกเลยว่าผู้เขียนดูจบแล้วตกหลุมรักหนังเรื่องนี้เต็มหัวใจยังคงเรียบเรื่อยเห็นความเป็นญี่ปุ่นเข้มกว่าแต่ก็ถูกแต่งแต้มด้วยความจริงจังในแบบไต้หวันทำให้ออกมาเศร้าเคล้าความคิดถึง แม้จะเป็นหนังร่วมทุนสร้างระหว่างญี่ปุ่นกับไต้หวันที่แบ่งความสำคัญกันแทบจะครึ่งๆในส่วนของการเล่าเรื่อง แต่สัมผัสที่ได้รับกลับ
เหมือนมีความเป็นญี่ปุ่นมากกว่าแม้ว่าการเล่าเรื่องที่เรียบเรื่อยทางไต้หวันก็เป็นเหมือนกันแต่เมื่อตาได้สัมผัสกับภาพและหูได้สัมผัสเพลงสัมผัสที่ได้รับกลับกลายเป็นเหมือนดูหนังญี่ปุ่นมากกว่า หรืออาจเรียกได้ว่าในความละเมียดละมุนละไมในแบบญี่ปุ่นสามารถเข้าถึงใจคนดูได้แต่เสริมด้วยความจริงจังในแบบไต้หวันเข้ามา นั่นคืออารมณ์ของหนังที่ได้จะมาจากความรู้สึกที่ซึมลึกลงข้างในการเก็บเล็กผสมน้อยไปกับการเล่าเรื่องทั้งสองส่วนคือในส่วนของการเดินทาง
จะส่งผลต่อการคิดถึง เพราะการเดินทางของจิมมี่มาจากความคิดถึงอามิหนังเลยออกมาดูเศร้าๆคละเคล้าความคิดถึง และสำหรับคนดูแล้วเมื่อดูจบจะคิดว่ามิน่าถึงดูเศร้าๆจนเมื่อถึงตอนสุดท้ายก็จะเข้าใจเองว่าทำไมเพราะการเดินทางเพียงลำพังคือการใช้เวลากับตัวเองจึงมีเวลาให้คิดถึงเรื่องราวมากมายที่เป็นความหมายของชีวิต บางครั้งการเดินทางก็คือการได้พบกับเรื่องใหม่ๆแต่การเดินทางก็มีความเหนื่อยล้าการได้พักบ้างก็คือการสะสมพลังให้ไปต่อเช่นเดียวกับอามิที่
บังเอิญได้พักที่ไถหนาน จนเมื่อมีพลังที่จะสู้กับอุปสรรคบางอย่างของตัวเองอามิจึงออกเดินทางต่อไปในทางของตัวเองที่จิมมี่ไม่เข้าใจและคนดูก็ไม่เข้าใจจนกระทั่งบทสรุปสุดท้าย ส่วนจิมมี่นั้นการเดินทางของเขาได้พบกับมิตรภาพใหม่ๆที่ไม่เคยเจอระหว่างทางแน่นอนได้เห็นแง่มุมชีวิตต่างๆที่พาดทับกับความทรงจำในความคิดถึงอามิ
และคงไม่มีใครปฏิเสธว่าในบางครั้งการเดินทางเพียงลำพังคือการได้อยู่กับตัวเองคือมีเวลาให้ตัวเองสมองจึงคิดไปร้อยแปดแน่นอนความคิดถึงเหตุการณ์บางอย่างหรือความทรงจำที่มีร่วมกับใครสักคนก็จะผุดขึ้นมา เมื่อได้ค้นพบบางอย่างจากการเดินทางการได้เห็นแง่มุมชีวิตที่แตกต่างถึงที่สุดอาจทำให้ได้หลุดพ้นจากอะไรก็ตามที่ทำให้ชีวิตเสียศูนย์
เอ็ดวิน
เน็ตฟลิกซ์
คะแนน: 5.9/10
จิมมี่ (เกร็ก ซูกวงฮัน) กำลังถูกกรรมการบริษัทที่เขาก่อตั้งโหวตให้พ้นจากตำแหน่งแน่นอนมันทำให้จิมมี่เสียศูนย์ เขาจึงกลับไปยังบ้านเกิดที่ไถหนานที่เขาจากมานานแล้วโปสการ์ดใบหนึ่งที่ส่งมาจากญี่ปุ่นก็กระตุ้นความทรงจำของเขาเมื่อสิบแปดปีก่อนเมื่อตอนที่เขาอายุสิบแปดปี ตอนนั้นเขาทำงานการพาร์ทไทม์ที่ร้านคาราโอเกะที่ชีวิตยังดำเนินไปตามวิถีวัยรุ่น แต่การมาของอามิ (คายะ คิโยฮาระ) สาวญี่ปุ่นที่เดินทางมาเที่ยวไต้หวันแล้วทำกระเป๋าเงินหายจึงมาของานทำ
กับเจ้าของร้านที่เป็นคนญี่ปุ่น ส่วนจิมมี่ในวัยสามสิบหกปีที่ความทรงจำเกี่ยวกับอามิได้เกิดแรงบันดาลใจให้เขาออกเดินทางไปยังญี่ปุ่นเพื่อไปเยือนสถานที่ต่างๆและจุดหมายสุดท้ายคือบ้านเกิดของอามิที่เมืองทาดามิจังหวัดฟุกุชิมะ แล้วการเดินทางครั้งนี้จิมมี่ได้พบกับผู้คนที่เข้ามาเป็นมิตรภาพระหว่างทางในขณะที่ทุกการเดินทางความทรงจำเกี่ยวกับการได้อยู่ร่วมกับอามิก็ผุดขึ้นมาหรืออาจเรียกได้ว่าคิดถึงทุกนาทีแล้วการเดินทางครั้งนี้จะมีจุดสิ้นสุดอย่างไร
เดินเรื่องสลับไปมาระหว่างการเดินทางและความทรงจำทำให้มีสองเรื่องให้ติดตามที่มาพร้อมความน่าสนใจว่าจะไปสิ้นสุดตรงไหน ความหลักแหลมของบทหนังผ่านการรังสรรโดยผู้กำกับควบเขียนบทฟูจิอิ มิชิฮิโตะ (The Last 10 Years (2022)) คือการเล่าสลับกันระหว่างการเดินทางเพื่อพบกับเรื่องใหม่ๆคนใหม่ๆกับภาพความทรงจำเก่าๆในอดีต ซึ่งการเล่าเรื่องสองส่วนนั้นแยกโทนกันชัดเจนคือในส่วนปัจจุบันจะหม่นๆโศกๆแต่ส่วนของอดีตจะร่าเริงสดใสซึ่งเดินคู่กันไป
เป็นส่วนเสริมที่รองรับกันได้ดี ส่วนสิ่งที่ดึงดูดให้น่าติดตามคือในส่วนของอดีตเรื่องของจิมมี่และอามิจะลงเอยยังไงและในส่วนของปัจจุบันจิมมี่จะได้เจอกับอามิหรือไม่และจะไปสิ้นสุดลงตรงไหน อีกสิ่งคือความรู้สึกคนดูจะเหมือนได้เดินทางร่วมกับจิมมี่ที่ไม่เสียเวลาไปเล่าเรื่องที่ไม่ควรเล่าหรือไม่จำเป็น ไม่นับอาการอ้ำอึ้งเก็บอะไรบางอย่างไว้เพื่อที่ในท้ายที่สุดจะเป็นเซอร์ไพรส์ที่ใหญ่หลวงซึ่งยอมรับว่าแม้ผู้เขียนจะดูหนังมามากและดูแนวนี้มามากก็คิดไม่ถึงเช่นกัน
อาจเหมือนคนพูดน้อยแต่ตัวละครสามารถสื่อความรู้สึกให้คนดูเข้าถึงได้อย่างต้องเชิดชูนักแสดง สำหรับการแสดงออกผ่านตัวละครจะเหมือนตัวละครจิมมี่เพราะนี่คือความคิดถึงอามิของจิมมี่เลยเห็นความขี้อายพูดน้อยไม่กล้าเอื้อนเอ่ย และอาการที่ออกมาแบบนี้เพราะการแสดงของเกร็ก ซู(Marry My Dead Body (2022)) ที่เก็บอาการทุกอย่างไว้อย่างสนิทผ่านความเศร้าสร้อยและอบอวลไปด้วยความคิดถึงในส่วนของปัจจุบัน ส่วนในพาร์ทอดีตนั้นคือความสดใสร่าเริงการ
เข้าคู่กันของเกร็ก ซูกับคายะ คิโยฮาระคือความสมบูรณ์แบบ คิดง่ายๆคือขนาดคนดูอยู่นอกจอยังตกหลุมรักอามิได้นับประสาอะไรกับหนุ่มไต้หวันที่อ่านมังงะอย่างจิมมี่ และตัวจิมมี่เองก็มีเสน่ห์ในแบบของคนพูดน้อยเก็บความรู้สึกได้อย่างยอดเยี่ยมผ่านการแสดงที่สามารถสื่อให้เข้าถึงความรู้สึกได้อย่างต้องเชิดชูไม่ใช่แค่ชื่นชม หนังยังมีนักแสดงสมทบชั้นเยี่ยมที่ช่วยให้เรื่องเล่าที่ดูเป็นจริงให้ดูจริงเข้าไปอีกจนเข้าถึงอารมณ์อย่างที่หนังต้องการจากคนดูอาจยังเป็นพล็อต
ที่เป็นไพ่ตายแต่ไม่รู้ทำไมใช้ได้ผลทุกทีที่อาจมีบ้างที่ตกหลุมรักหนังเรื่องนี้ ถ้าว่ากันที่พล็อตเรื่องที่ไม่ขอบอกอะไรมากกว่านี้บอกได้แค่ว่านี่คือไพ่ตายของหนังญี่ปุ่นที่ใช้เมื่อไหร่ได้ผลเมื่อนั้น แน่นอนทั้งไต้หวันและญี่ปุ่นจะไม่เร่งเร้าบดขยี้ทำให้ในความโรแมนติกอาจน้อยแต่ก็ได้ความสมจริงและจริงจังมาทดแทน เพราะนี่คือความเสียใจที่ไม่เคยได้บอกความรู้สึกที่มีออกมาที่ทุกคนสามารถเป็นได้และแม้หน้าหนังจะเป็นโรแมนติกดราม่าหวานปนซึ้งแต่ความจริงไม่ใช่ เพราะหนัง
ออกมาเศร้าผ่านความคิดถึงอย่างจงหนักที่มาพร้อมอารมณ์ถวิลหาอดีตเต็มที่ที่ไม่มีทางไม่คิดย้อนกลับไปเมื่อสิบแปดปีที่แล้วว่าเวลานั้นเราทำอะไรอยู่หรือเรารักกับใครอยู่ แน่นอนว่าด้วยความรู้สึกที่มีร่วมกับจิมมี่ในความคิดถึงอามิแทบทุกเวลาทุกนาทีที่อาจไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงหลีกเลี่ยงการไปบ้านเกิดของอามิสักครั้งตลอดมา จนกระทั่งเมื่อคนดูรู้ความจริงไม่มีทางที่จะไม่ตกหลุมรักหนังเรื่องนี้และผู้เขียนเองก็รักหนังเรื่องนี้อย่างเต็มหัวใจ
คะแนน: 5.7/10
กลุ่มโจรผู้ไร้เทียมทานที่นำโดยชางป๋อจุน ซึ่งแอบทำคดีลักทรัพย์มูลค่า 1,000 ล้านหยวนในคืนส่งท้ายปีเก่า โดยไม่คาดคิด พวกเขาได้เผชิญหน้ากับกลุ่มโจรปล้นทรัพย์ และอดีตแฟนสาวของชางก็เข้าไปพัวพันกับคดีนี้โดยไม่ได้ตั้งใจฉันดูเรื่องนี้ที่ Neuchâtel International Fantastic Film Festival (NIFFF) และฉันชอบมาก!
หนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดที่ฉันเคยดูในปีนี้ที่ NIFFF การคัดเลือกนักแสดงดี การแสดงดี มุกตลก แอ็คชั่น บทสนทนา และ “ดราม่า” ทำได้ดีมาก มีจุดพลิกผันที่น่าสนใจมาก ซึ่งส่วนใหญ่คาดไม่ถึงฉันแนะนำว่าอย่าดูตัวอย่างหนังเลย และปล่อยให้ตัวเองเพลิดเพลินไปกับหนังเรื่องนี้ซึ่งยอดเยี่ยมมากฉันคิดว่ามันเหมือนกับ Ocean’s Eleven แต่มันก็ใกล้เคียง แต่ยังคงแตกต่างและนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้กับแนวหนังประเภทนี้ ไม่มีช่วงเวลาที่น่าเบื่อและสนุกมาก :)หนัง
ไต้หวันทำให้ฉันประหลาดใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และฉันบอกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้ก็ดีเช่นกันในบทบาท “Marry my dead body” ซึ่งฉันก็ชอบเหมือนกันหลังจากขโมยเงินจากธนาคารสำเร็จ ทีมโจรมืออาชีพก็กลับมาทำภารกิจที่ท้าทายยิ่งกว่าเดิมในการคืนเงินที่ขโมยไปสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดที่คุณจะพบได้กับภาพยนตร์ Ocean’s ของ Steven Soderbergh ที่ไม่ใช่ภาพยนตร์ Ocean’s ของ Steven Soderbergh จริงๆเรื่องราวที่สนุกสนานสม่ำเสมอ เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความโรแมนติกที่ซาบซึ้ง ซึ่งไม่เคยคุกคามที่จะเกินเวลาต้อนรับCutesie…jaunty…คอลเล็กชั่นภาพยนตร์แนวปล้นที่ตลกขบขัน รุนแรง และร่าเริง ซึ่งนำมาแสดงในรูปแบบหนังตลกแนวปล้นหนังตลกปล้นแบบ “ย้อนกลับ” เรื่องนี้มีเนื้อเรื่องที่แปลกประหลาดและเต็มไปด้วยความโรแมนติกสุดเย้ายวน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาความบันเทิงเบาสมองแบบไม่หยุดยั้ง
คะแนน: 5.5/10
เล่าเรื่องไม่ซับซ้อนแยกเล่าในสามมุมมองของการสูญเสียแต่ร้อยเรียงกันได้สวยซับซ้อนทางความรู้สึกเมื่อความสูญเสียได้พาความทุกข์โหมใส่คนข้างหลัง
เป็นงานดราม่าจัดที่ค่อยๆก่อความรู้สึกขึ้นเรื่อยๆไปจนพลั่งพรูในเวลาที่เหมาะสมย้อนศรอย่างสนุกเมื่อนี่ไม่ใช่แค่หนังวางแผนปล้นแต่เป็นการวางแผนเอาเงินไปคืนจึงบรรเจิดและบันเทิง สิ่งแรกที่ต้องชื่นชมคือความเข้าใจคิดเพราะนี่ก็ชัดเลยว่าเป็นหนังวางแผนปล้นที่เคยๆที่มาทางเบาสมองมากกว่าประลองปัญญาด้วย
การสวนทาง คือแทนที่จะวางแผนปล้นแล้วหนีไปแบบเนียนๆแต่กลายเป็นโอละพ่อที่ต้องเอาเงินกลับมาคืนที่เก่า ถ้ายังไม่หนำใจพอคือเจ้าของเงินดันไม่อยากให้กลับมาคืนที่เดิมเรื่องจึงชุลมุนวุ่นวายขายความฮาได้สะบั้นหั่นแหลก ซึ่งถ้าว่ากันที่การย้อนศรครั้งนี้บทหนังยังเล่าง่ายๆมีซ้อนเรื่องซ่อนเงื่อนปมไว้เฉลยในเวลาที่เหมาะสมแต่การที่หนังบทหนังไม่ได้มัดให้แน่นจึงไม่มีอะไรให้ลุ้นมากคือรู้แหละว่าทีมปล้นจะเอาตัวรอดได้ แต่ที่สงสัยจริงๆคือจะทำได้อย่างไรต่างหาก
ซึ่งนั่นคือความน่าติดตามหลักและมันมาจากความคิดที่บรรเจิดทำให้ในเรื่องที่เหมือนของเก่าเล่าซ้ำกับหนังวางแผนปล้นที่เนี้ยบบ้างไม่เนี้ยบบ้างแบบนี้มีความต่าง จึงทำให้หนังออกมาเป็นความบันเทิงที่บรรเจิดดูสนุกลื่นไหลไปได้อย่างน่าติดตามน่าเสียดายที่เสนอตัวเป็นหนังตลกแต่ลูกบ้าไม่สุดเพราะไม่ยอมทิ้งความจริงจังทำให้เหมือนยังกั๊กๆแต่ต้องเข้าใจว่านี่คือหนังไต้หวัน ความเป็นหนังไต้หวันนั้นจะน้อยจะมา (ซึ่งส่วนใหญ่จะมาก) คือจะมีความจริงจังในบทหนังและการ
เล่าเรื่องต่อให้เป็นหนังตลกก็ตาม แต่ใช่ว่าหนังไต้หวันจะไม่มีหนังที่ลูกบ้าและความห่ามที่ใส่สุดๆคือแม้จะไม่ค่อยเห็นแต่ก็มีซึ่งถ้าท่านได้ดู Miss Shampoo (2023) จะรู้เองว่าถ้าไต้หวันจะขายความฮาแบบบ้าก๋ากั่นหนังออกมาสนุกขนาดไหน แต่เรื่องนี้ถ้าว่ากันที่ความฮาก็ถือว่าใช้ได้เพราะยังมีความลื่นไหลมุกที่ยิงมาก็ได้ผลคนดูยังหัวเราะ
ได้แต่ที่น่าเสียดายคือการไม่ยอมทิ้งความจริงจังและประเด็นดราม่าที่ทำให้เหมือนยังกั๊กๆไปไม่สุดคือก็ตลกนะแต่ยังไม่ถึงกับกระจุยกระจาย ซึ่งความจริงหนังพร้อมมากที่จะใส่ลูกบ้ามาให้สุดกว่านี้เพราะหนังมีอะไรมากมายที่เหนือมโนสำนึกว่าจะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไรกัน แต่ต้องเข้าใจนิดหน่อยว่านี่คือหนังไต้หวันที่จะไม่ทิ้งความจริงจังแม้กระทั่งในหนังที่น่าจะบ้าบอเช่นเรื่องนี้ที่ความจริงจังมาฉุดรั้งไม่ให้ไปได้สุดทางอย่างที่ควร
คะแนน: 5.9/10
เมื่อบทความก่อนหน้านี้ผู้เขียนเพิ่งเขียนถึงหนังจีนที่เป็นหนังจีนแผ่นดินใหญ่ที่ดูสนุกแต่ยังมีเอกลักษณ์ของความเป็นหนังจีนแผ่นดินใหญ่คืออาการยัดเยียดบ้าง ซึ่งสำหรับหนังจีนหรือหนังที่พูดภาษาจีนนั้นหลักๆแล้วถ้าจะแยกก็จะมาจากสามพื้นที่ที่มีแนวทางต่างกันหนึ่งคือหนังจีนแผ่นดินใหญ่อย่างที่ว่า สองคือหนังฮ่องกงที่ไว้วันหลังถ้าได้เขียนถึงหนังฮ่องกงสักเรื่องจะมาอธิบายว่าความต่างมันเป็นอย่างไร และสามคือหนังไต้หวันที่เอกลักษณ์คือการเล่าเรืองที่ดูเป็นจริง
มากกว่าไม่ยัดเยียดหรือขยี้และมีความจริงจังมากกว่า ซึ่งถ้าเข้าใจตรงนี้ก็จะแยกออกว่าความบันเทิงที่ได้รับจากหนังจีนจากแหล่งต่างกันจะต่างกันโดยที่ไม่เอามาเปรียบเทียบเพราะต่างก็มีดีมีด้อยต่างกันไป เช่นเดียวกับหนังไต้หวันที่มักจะจริงจังกับทุกเรื่องอาจเพราะอยากเล่าเรื่องชีวิตให้ถึงแก่นของการใช้ชีวิตที่เรียกง่ายๆว่าแทรกดราม่าและคมความคิดไว้เสมอ แต่บางครั้งความจริงจังก็ย้อนมาทำร้ายหนังทำให้บางอย่างที่ควรไปสุดทางกลับไม่สุดอย่างน่าเสียดายเช่นเดียว
กับเรื่องนี้ป๋อจุน (เฉินป๋อหลิน) คือหัวหน้าและมันสมองของทีมโจรกรรมขั้นเทพที่มีสมาชิกอีกสามคนคือเหวินหาว (เจซี หลิน) ผู้เชียวชาญการต่อสู้และซื่อสัตย์กับพี่น้อง,ลุงบิน (เฟรดเดอริค ลี) เซียนการปลอมตัวและเกา (เคนท์ ไช) แฮ็กเกอร์ที่พูดเป็นต่อยหอย งานล่าสุดของทีมคือการถูกจ้างให้ปล้นธนาคารของเฉินไห่จุย (อู๋คังเหริน) ซึ่งทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี แต่เมื่อจะส่งมอบเงินกลับพบว่านี่คือกับดักที่เฉินไห่จุยวางไว้เพื่อขโมยเงินจากธนาคารมาเป็นเงินส่วนตัวโดยมี
แพะรับบาปคือทีมปล้นและเฉินชูเหวิน (เซซิเลีย ชอย) ผู้จัดการ ทว่าเฉินซูเหวินกลับเป็นคนรักเก่าที่เคยสั่นคลอนหัวใจของป๋อจุนและนั่นทำให้ป๋อจุนหวั่นไหวอีกครั้งเมื่อหญิงสาวที่เขาไม่เคยลืมกำลังจะลำบาก ป๋อจุนจึงแก้ลำด้วยการวางแผนจะเอาเงินกลับไปใส่ตู้เซฟคืนที่ครั้งนี้อาจไม่ง่ายอย่างเก่าเมื่อเจ้าของเงินดันไม่อยากให้เงินกลับไปอยู่ในตู้เซฟ แล้วป๋อจุนจะหาทางออกอย่างไรให้รอดพ้นจากการถูกจับและช่วยหญิงอันเป็นที่รักให้พ้นภัยที่บอกเลยว่างานนี้หนักหนา…มั้งนะ
คะแนน: 5.7/10
ลีโอ หวัง ( The 9th Precinct ) ผู้กำกับอัจฉริยะที่ยอมรับว่าดู หนัง เรื่อง Ocean’sบ่อยกว่ามื้ออาหารร้อน ๆ เสียอีก ได้สร้างสรรค์หนังตลกแอคชั่นปล้นแบบย้อนกลับที่ฮาเกินจริงขึ้นมา ด้วยนักแสดงระดับซูเปอร์สตาร์ที่เล่นเต็มที่และใส่ความตลกในแบบฉบับของตัวเองลงไปในตัวละครและสถานการณ์ต่าง ๆ หวังได้สร้างฉากที่บ้าระห่ำและการแสดงตลกที่ชวนเวียนหัวซึ่งดูเหมือนว่าจะถูกปล้นจากห้องเก็บของในสำนักงานใหญ่ของ Looney Tunes แก๊งโจรจอมเจ้าเล่ห์ที่เพิ่ง
ขโมยของมาได้เป็นร้อย ๆ ชิ้น ถูกบังคับให้คืนเงินเพราะสถานการณ์ที่ยุ่งยาก เรากำลังพูดถึงด่านอุปสรรคลำแสงเลเซอร์ หายนะแมลงสาบ และความสนุกประชดประชันมากกว่าที่คุณจะพูดได้ หวาง ผู้ซึ่งเรียกตัวเองว่า “เด็กฮอลลีวูด” ได้นำความรักที่มีต่อทีวีและภาพยนตร์อเมริกันมาสร้างสรรค์เป็นหนังเสียดสีที่ชาญฉลาดและระเบิดพลังได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นทั้งการยกย่องให้กับหนังคลาสสิกและหนังสัตว์ประหลาด แต่ภายใต้เรื่องราววุ่นวายเหล่านี้ มีหัวใจที่เต้นตามจังหวะ
ของเรื่องราวของหวางอยู่Leo Wang เติบโตมาในธุรกิจบันเทิง โดยพ่อแม่ของเขาเป็นโปรดิวเซอร์รายการทีวีชื่อดังทั้งคู่ ตอนอายุ 25 ปี เขากำกับMy Giftsภาพยนตร์ทีวีที่นำแสดงโดย Chris Wu นักแสดงที่ได้รับรางวัล Golden Bell Award และ Ivy Shao นักแสดงหญิงยอดนิยม ซึ่งชนะใจผู้ชมนับไม่ถ้วน ใน ภาพยนตร์เรื่อง The 9th Precinct (2019) ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา เขาหยิบเอาธีมเหนือธรรมชาติมาผสมผสานกับเรื่องราวเชิงพาณิชย์ของฮอลลีวู
ดกับนักแสดงหน้าใหม่ รวมถึงความเชื่อทางศาสนาและวัฒนธรรมของไต้หวัน ภาพยนตร์แนวปล้นสะดมที่เข้มข้นเรื่องBreaking and Re-Enteringเป็นภาพยนตร์เรื่องยาวเรื่องที่สองของ WangKent Tsai เริ่มแสดงครั้งแรกในซีรีส์ออริจินัลเรื่องแรกของ HBO Asia ในภาษาจีนกลางเรื่องThe Teenage Psychicในปี 2017 ในปีเดียวกันนั้น เขาได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์สยองขวัญของ Giddens Ko เรื่องMon Mon Mon Monstersซึ่งฉายที่ NYAFF และแสดง
ในAll Because of Love ต่อมาเขาได้แสดงใน Bad Educationของ Kai Ko (NYAFF 2022) และยังคงมีผลงานละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และซีรีส์สตรีมมิ่ง เช่นSometimes When We Touch (2021) และTaiwan Crime Stories (2023) ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาคือBreaking and Re-Enteringซึ่ง เป็นการปล้นแบบย้อนกลับ
Lights Out (2016) มันออกมาขย้ำ
Casino (1995) ร้อนรัก หักเหลี่ยมคาสิโน
Harts War (2002) ฮาร์ทส วอร์ สงครามบัญญัติวีรบุรุษ
Sweet Home Season 1 (2020) สวีทโฮม
Kingsglaive Final Fantasy XV (2016) ไฟนอล แฟนตาซี 15 : สงครามแห่งราชันย์