เรื่องย่อ : Blade Runner 2049 (2017) เบลด รันเนอร์ 2049 ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
การค้นพบความลับที่ถูกฝังไว้มานานของ Young Blade Runner K ทำให้เขาต้องตามหาอดีต Blade Runner Rick Deckard ที่หายตัวไปเป็นเวลาสามสิบปี ในปี 1982 BLADE RUNNER เป็นภาพยนตร์ไซไฟที่เรียกได้ว่าสร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการภาพยนตร์เป็นอย่างมาก เพราะภาพวิชวลในหนังอันเกิดขึ้นในโลกอนาคต เรียกได้ว่าในยุคสมัยเมื่อ 35 ปีก่อน ภาพบรรยากาศที่ดูสมจริงสมจังขนาดนั้น ทำให้หนังได้รับการจดจำและได้สร้างมาตรฐานบางอย่างเกี่ยวกับ “โลกอนาคตในหนังไซไฟ” หนังภาคแรก เป็นผลงานการกำกับของ ริดลีย์ สก็อต ซึ่งในยุคสมัยนั้นลุงคือผู้กำกับที่มีสไตล์การทำหนังที่โดดเด่นมาก อันที่จริงแกเป็นที่จับตามองของแฟนหนังหลังจากที่กำกับ Alien ในปี 1979
ใน Blade Runner 2049 (2017) เบลด รันเนอร์ 2049 ภาคแรกเล่าเรื่องราวของ โลกอนาคตที่มนุษย์ต้องย้ายไปอยู่กันอย่างแออัดในชุมชนที่เรียกว่า “ออฟ เวิร์ล” ซึ่งคือลอสแองเจอลิส ในปัจจุบัน ในขณะที่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโลกนั้นอยู่ในกำมือของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ในอนาคตยังมีการสร้าง แรปลิแคนท์ หรือหุ่นยนต์ที่มีลักษณะเหมือนกับมนุษย์ทุกประการ จะสามารถแยกแยะได้จากดวงตาหรือการใช้คำถามพิเศษในการสอบถามราว 20-30 คำถาม
ริค เด็ดคาร์ด (แฮริสัน ฟอร์ด) เบลดรันเนอร์ผู้มีหน้าที่เป็นสายสืบผู้ต้องคอยระวังป้องกันไม่ให้แรปลิแคนท์ละเมิดกฎในการเดินทางมายังโลกมนุษย์ เพราะแรปลิแคนท์ถูกกำหนดพื้นที่ในการทำงานให้อยู่เฉพาะบนดวงจันทร์เท่านั้น แต่เมื่อมีแรปลิแคนท์ นักฆ่า 3 ตัวเดินทางมายังโลกมนุษย์เพื่อตามหา “ผู้สร้าง” ว่าพวกมันจะหมดอายุขัยเมื่อใด ส่งผลให้ริคต้องสืบความจริงให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้
สปี๊ก ปอนด์ ✨(8/10)
มันคือมะระ ใครที่ชอบกินคนนั้นก็จะบอกว่ามันอร่อย ส่วนใครเคยกินแล้วไม่ชอบ ต่อให้ใครบอกว่าของดี แต่กูว่ามันไม่อร่อยก็คือไม่อร่อยโว้ย แดกกันเข้าไปยังไง Blade Runner 2049 เป็นหนังภาคต่อจาก ที่ไม่ย้อนความอะไรทั้งสิ้น ถ้าเกิดจู่ ๆ อยากจะดู อยากลองของ ไปหาภาค 1 มาดูซะ ถ้าดูภาค 1 แล้วไม่ชอบ หลับ มัวแต่พิรี้พิไร เยิ่นเย้อ
เน้นเคี่ยวอารมณ์บนความเป็นไซ-ไฟ งั้นก็อย่าไปดูต่อเลย คุณกินมะระไม่ได้ จบนะ แต่ถ้ากูสด เข้าไปดูภาค 2 เลย แบบไม่ดูภาค 1 คุณจะไม่รู้เรื่องส้นตีนอะไรเลย ไอ้นี่ใคร มันเมายังไง ภาคแรกมันทำอะไรไว้ ทำไมเป็นงี้ ที่นี่ที่ไหน เมื่อไหร่จะจบ คือจากที่คุณจะได้กินมะระทางปากแบบปกติชน คุณเลือกที่จะเอามันยัดตูดเอง ช่วยไม่ได้ว่ะ ป.ล. ผมชอบฉากนี้ (ในภาพ)
รีวิวเรื่อยเปื่อย ✨(7/10)
ไรอัน กอสลิง ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ระหว่างการถ่ายทำ Blade Runner 2049 เขาถูกฟอร์ดต่อยเข้าจริงๆ ในการถ่ายทำฉากต่อสู้ ซึ่งฟอร์ดยืนยันเรื่องนี้เองกับปากระหว่างการให้สัมภาษณ์ “เออ ผมสวนหมัดใส่หน้าไรอัน กอสลิงจริงๆ แหละ” ฟอร์ดยืนยันอย่างไม่แคร์ “ก็หน้าของหมอนั่นมันอยู่ตรงที่ไม่ควรอยู่เอง หน้าที่ของเขาคือหลบหมัดผมให้พ้น และหน้าที่ของผมคือต่อยเขาเข้าไปตรงๆ “เราขยับตัว กล้องก็เคลื่อนที่ ผมต้องคิดถึงมุมกล้องตลอดว่าท่าเหวี่ยงหมัดของผมมันจะออกมาดูดีไหมถ้ากล้องอยู่ตรงนั้น แล้วรู้อะไรไหม ผมหวดหมัดไปสักร้อยครั้งได้ แต่โดนกอสลิงแค่ครั้งเดียวเองเหอะ แหม” แต่หลังจากนั้นฟอร์ดก็เดินเข้ามาหากอสลิงในห้องแต่งตัวพร้อมเหล้าสก็อตต์หนึ่งขวด แล้วเทเหล้าให้ใส่แก้วให้พอดื่ม ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมเหล้าที่เหลือทั้งขวด
BENJI Review ✨(7/10)
งาน Cinematography ระดับ 5 ดาว ✨⭐️ กำกับโดย Denis Villeneuve / กำกับภาพโดย Roger Deakins เคลียร์ไปอีกเรื่องหลังจากดองเอาไว้นาน จริง ๆ เป็นแฟนคลับของ Denis Villeneuve ตามงานมาตั้งแต่ Sicario, Arrival, Dune มีเรื่องนี้นี่แหละที่ติดค้างเอาไว้ เพราะค่อนข้างกลัวในความยาวเรื่อง (เกือบ 3 ชม.) และความเนือยของหนัง หลังจากที่ดูจบ ก็พบว่า “เกือบหลับ 😂” สภาพตามรอย Blade Runner (1982) ภาคแรก ซึ่งก็จำได้ว่า หลับคาโซฟาเหมือนกัน (แต่สุดท้ายก็มาตามดูจนจบ)
– ส่วนที่ชอบที่สุด อยากยกนิ้วให้งาน Cinematography และ Visual Effects โหดระดับ 5 ดาว สวยทุกอณู ไร้ที่ติ จนสงสัยว่า ถ่ายอย่างไรให้เนี้ยบได้ขนาดนี้ 😭 และไม่น่าแปลกใจที่จะคว้าออสการ์ได้ทั้งสาขา Cinematography และ Visual Effects
– ภาพรวมหนัง ออกมาดีเยี่ยมสไตล์เพียวปรัชญาไซไฟ ทั้งคอนเซปต์ ประเด็นหลัก บทหนัง นักแสดง ทุกอย่างประณีตงดงาม ติดอยู่อย่างเดียว ตรงการดำเนินเรื่องที่ไม่ได้เฟรนลี่กับคนดูทุกคน หนังมีบทสนทนาน้อย และพรรณาเรื่องส่วนใหญ่ผ่านบรรยากาศ Blade Runner 2049 (2017) เบลด รันเนอร์ 2049 ทำให้ถ้าไม่ใช่ผู้ชมสายหนังรางวัล ก็คงจะหลับเป็นแน่แท้ (ขนาดดูหนังรางวัลมาเยอะ ยังต้องกรอ 1.5 😅)
– ประเด็นในเรื่องดีเหมือนกับภาคแรก โดยตั้งคำถามถึง “ความเป็นมนุษย์ใน AI” เมื่อโลกในอนาคต มนุษย์สามารถสร้าง “Replicant” (มนุษย์ดัดแปลง) ขึ้นมาเป็นผู้ช่วยในการทำงาน ขณะที่ทุกอย่างในตัว Replicant คล้ายคลึงและคิดได้เหมือนมนุษย์ Replicant สามารถมีจิตวิญญาณที่เป็นปัจเจกเหมือนมนุษย์ได้ไหม หรือเพียงเพราะ Replicant ไม่ได้ถือกำเนิดโดยธรรมชาติเหมือนมนุษย์ พวกเขาจึงไม่อาจมีเจตจำนงความเป็นมนุษย์ได้ ประเด็นโดยรวมค่อนข้างคล้ายกับภาคแรก หนักหน่วง แต่ถูกปรับให้ร่วมสมัยขึ้น ! สรุป
– เป็นหนังดีที่อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน ถ้าชอบหนังที่มีความเป็นศิลปะ มีความเพียวไซไฟ พร้อมกับมีองค์ประกอบภาพยนตร์ที่สวยงาม เรื่องนี้เหมาะมาก แต่ถ้าเป็นสายหนัง Mass การันตีว่าหลับแน่นอน 😂
Sonny Nattapat ✨(9/10)
รีวิวย้อนหลังเหี้ยๆ : Blade Runner 2049 (2017)
คะแนน : 9/10
ตอนแรกไปดูด้วยความที่เค้าว่า “ปรัชญ๊าปรัชญา” “หนังดีมากกก” “ภาพสวยมากกก” ดูหนังออนไลน์ พอได้ดูจริงๆ มันก็ไม่ได้ขนาดน้านนน ไม่ได้น่าเบื่อจนหลับ มันจะเเนวๆว่า เรื่องมันจะประมาณแบบ ปูนานมากกกกก แล้วถึงฉากสุดท้ายก็ลุยๆๆๆๆ แล้วจบเลย เสียดายว่า หนังเเม่งเด็ดตอนปลายไม่ขาดดี เหมือนกะจะให้มีภาคต่อยังไงงั้น ประเด็นของหนังถือว่าเป็นปกติของหนังแนวนี้ แต่วิธีการนำเสนอนี่ลึกล้ำสุดๆ บทของหนังหักมุมได้ดี ไม่ขนาดเห้ย! เอางี้เลยอ่อวะ แค่กำลังเพลินๆสนุกๆ งานภาพดีงามสุดๆ สวยติดอันดับต้นๆของปีนี้และตลอดกาล(ออสการ์ต้องมาแล้ว) หัก 1 คะแนนเพราะJaredออกน้อยชิบหายยยย กับตอนจบที่มันยังจบได้อีก ซึ่งถ้ามาแบบนี้ คาดว่าภาคต่อไปมาแน่นอน ใครยังไม่ดู ต้องลองเลย แต่ยอมรับว่าถ้าไม่ชอบหนังเอื่อย เรื่องนี้เข้าขั้นหลับได้สบายๆ แต่ยังอยากให้ลองนะ หนังมันดีเหี้ยๆ.
Movies Delight Club ✨(9/10)
“จิตวิญญาณทำให้เรายังคงรู้สึกและทำให้เราเป็นมนุษย์หรือเข้าใกล้คำว่ามนุษย์ไปอีกขั้น” ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการได้ผู้กำกับ ‘Denis Villeneuve’ มาสานงานต่อในหนังที่ทิ้งระยะเวลายาวนานถึง 35 ปี กว่าที่เราจะได้ดูภาคต่อกัน แม้ว่างานของภาคนี้จะไม่จำเป็นต้องเข้าใจเรื่องราวในภาคแรกหรือต้องดูภาคแรกมาก่อนก็ตาม แต่แน่นอนว่า ใครที่เคยดู จะเข้าใจสิ่งที่หนังเคยทำและเคยสร้างเอาไว้และอินในพื้นฐานของตัวละครภายในเรื่องที่เป็นอยู่มากกว่าคนที่ไม่เคยรับรู้อะไรมาก่อนเลยว่าหนังเป็นแบบไหน อาทิ ‘Harrison Ford’ ที่เป็น
ความสัมพันธ์ระหว่างความรักของคนกับมนุษย์เทียมที่ภาคแรกสะท้อนมีผลกระทบต่อภาคนี้พอสมควร ทำให้ตัวละครตัวนี้มีมิติในวินาทีที่ปรากฏตัวขึ้น แต่ถ้าใครไม่เคยดูภาคแรกคงจะไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นที่ตัวละครตัวนี้ปรากฏตัวในฉากที่บีบหัวใจมากนัก สำหรับ แสดงนำโดย ‘Ryan Gosling’ รับบทเป็น ‘Blade Runner’ คนใหม่โดยใช้ชื่อ ‘K’ และได้รับภารกิจออกตามล่าเด็กที่เกิดระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ ตลอดเส้นทางจึงเป็นการออกตามหาตัวตนของตัวเองว่าแท้จริงแล้วคือใครกันแน่ไปพร้อมกัน ตัวภาพยนตร์มีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 44 นาที และด้วยเนื้อหาที่สลับซับซ้อนแฝงไปด้วยนัยยะเชิง
คำถามต่อการดำรงชีวิตอยู่ตลอดเวลา+ให้เราได้ครุ่นคิดตีความถึงความหมายสัญลักษณ์ตลอดทั้งเรื่อง ตัวหนังจึงไม่เหมาะที่ใครก็ตามคาดหวังจะเข้าไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วอยากจะได้รับความบันเทิงในรูปแบบหนัง Sci-Fi ต่อสู้อย่างดุเดือด หรือหวังอยากเห็นฉากแอคชั่นมันส์ๆตลอดเวลา ถ้าใครหวังอยากได้อะไรแบบนั้นจากภาพยนตร์เรื่องนี้คงต้องยอมรับสภาพว่าตัวหนังน่าจะส่งมอบความสนุกแบบนั้นได้น้อยนิด
แต่ถ้าเราต้องการภาพยนตร์ที่มีคำถามให้เราชวนคิด ทั้งตอนดูและหลังดูเสร็จแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้คือผลงาน Sci-Fi ที่ตอบสนองความต้องการของการรับชมในประเภทหลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และแน่นอนว่าความดีงามของข้อความที่ชวนฉงนสนเท่ห์นั้นจะยังคงสะท้อนให้เราได้ขบคิดไปอีกนานนับแต่นี้ เหมือนที่ ‘Blade Runner (1982)’ ได้ทำสำเร็จในครั้งอดีตแม้จะล้มเหลวในรายได้ของหนังก็ตาม แต่กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าหนังที่ดีจะยืนระยะได้ยาวนานให้คนได้พูดถึงมากกว่าหนังที่มีรายได้เยอะแต่แก่นสารในเรื่องย่ำแย่
THE NIGHT CREW (2015) พวกลูกเรือกลางคืน
Man of the House (2005) ยอดพิทักษ์พันธุ์เก๋ากับก๊วนสาววี๊ดบึ๊ม