A Time To Kill (1996) ยุติธรรม อำมหิต

A Time To Kill (1996) ยุติธรรม อำมหิต

เรื่องย่อ

ดูหนัง A Time To Kill (1996) ยุติธรรม อำมหิต ในเมืองแคนตัน รัฐมิสซิสซิปปี้ ทนายความหนุ่มผู้กล้าหาญและผู้ช่วยของเขาปกป้องชายผิวดำคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าสังหารชายผิวขาวสองคนที่ข่มขืนลูกสาววัยสิบขวบของเขา โดยยุยงให้เกิดการแก้แค้นอย่างรุนแรงและการแก้แค้นจากกลุ่ม Ku Klux Klan

ในเมืองแคนตัน รัฐมิสซิสซิปปี้ เด็กหญิงผิวดำวัย 10 ขวบชื่อโทเนีย เฮลีย์ ถูกลักพาตัว ข่มขืน และทุบตีโดยชายผิวขาวในท้องถิ่นสองคน คือ บิลลี เรย์ ค็อบบ์ และเจมส์ วิลลาร์ด ขณะที่เธอกำลังเดินทางกลับบ้านจากการซื้อของชำ ทั้งคู่ทิ้งเธอลงในแม่น้ำใกล้ๆ หลังจากพยายามแขวนคอเธอไม่สำเร็จ โทเนียรอดชีวิต และนายอำเภอโอซซี วอลส์ จับกุมค็อบบ์และวิลลาร์ด คาร์ล ลี เฮลีย์ พ่อของโทเนีย ติดต่อเจค บริแกนซ์ ทนายความผิวขาวที่เคยปกป้องเลสเตอร์ พี่ชายของเขา เจคยอมรับว่าผู้ข่มขืนอาจลอยนวลไปได้ คาร์ล ลีไปที่ศาลของมณฑลและเปิดฉากยิงด้วยปืนไรเฟิลอัตโนมัติ ทำให้ผู้ข่มขืนทั้งสองคนเสียชีวิต และทำให้ดเวย์น ลูนีย์ รองนายอำเภอได้รับบาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งต่อมาขาของเขาก็ถูกตัดขาด คาร์ล ลีถูกจับกุม และเจคตกลงที่จะปกป้องเขา

ขณะที่การข่มขืนและการฆ่าเพื่อแก้แค้นที่ตามมาได้รับความสนใจจากสื่อทั่วประเทศ อัยการเขต Rufus Buckley ตัดสินใจรับคดีนี้โดยหวังว่าจะก้าวหน้าในอาชีพการเมืองของเขา เขาเรียกร้องให้มีโทษประหารชีวิต และผู้พิพากษา Omar Noose ปฏิเสธไม่ให้ Jake เปลี่ยนสถานที่พิจารณาคดีไปยังเขตที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติมากขึ้น ซึ่งหมายความว่า Carl Lee จะต้องเผชิญหน้ากับคณะลูกขุนที่เป็นคนผิวขาวทั้งหมด Brigance

ขอความช่วยเหลือจากทีมทนายความของเขา ได้แก่ Ellen Roark นักศึกษาคณะนิติศาสตร์, Harry Rex Vonner เพื่อนสนิท และ Lucien Wilbanks อดีตที่ปรึกษาและนักเคลื่อนไหวที่ยืนหยัดมาอย่างยาวนาน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นทนายความด้านสิทธิมนุษยชนที่ยิ่งใหญ่ ในขณะเดียวกัน Freddie Lee Cobb พี่ชายของ Billy Ray วางแผนที่จะแก้แค้นการตายของ Billy โดยเข้าร่วมและขอความช่วยเหลือจากกลุ่ม Ku Klux Klan สาขา Mississippi และ Stump Sisson ผู้ยิ่งใหญ่ของกลุ่ม เพื่อให้แน่ใจว่า Carl Lee จะถูกตัดสินจำคุกและถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยวิธีการใดๆ ที่จำเป็น ดูหนังออนไลน์

ผู้กำกับ

Joel Schumacher

บริษัท ค่ายหนัง

Regency Enterprises

นักแสดง

Sandra Bullock
Samuel L. Jackson
Matthew McConaughey
Kevin Spacey
Brenda Fricker
Oliver Platt
Charles S. Dutton
Ashley Judd
Patrick McGoohan
Donald Sutherland

โปสเตอร์หนัง

รีวิว

หนังโปรดของข้าพเจ้า

ก่อนอื่นต้องบอกว่าหนังมันมีจุดยืนชัดเจนเกี่ยวกับการฆาตกรรมเพื่อล้างแค้นและความเห็นเกี่ยวกับโทษประหาร ซึ่งไม่น่าแปลกใจว่าทำไมตอนนิยายวางขายและหนังออกฉายจะมีข้อถกเถียงเป็นอย่างมาก กระทั่งว่าพอล นิวแมน นักแสดงระดับต้น ๆ ของฮอลลีวูดยังปฏิเสธจะแสดงหนังเรื่องนี้เพราะเขาไม่ถูกจริตกับสาส์นที่หนังต้องการจะสื่อสารออกมา การที่หนังพาตัวเองเข้าไปอยู่ในปมขัดแย้งเรื่องการเหยียดผิวถึงขนาดหยิบเอากลุ่มคู คลักซ์ แคลนมาใส่ในหนังยิ่งตอกย้ำในเรื่องสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจุดยืนดังกล่าวมันค่อนข้างหมิ่นเหม่พอสมควร A Time to Kill จึงกลายเป็นบทสรุปของการต่อสู้ระหว่างเหตุผลด้วยข้อกฎหมายและการตัดสินใจด้วยอารมณ์ ซึ่งคนทำหนังอาจจะมีจุดยืนอย่างหนึ่ง ส่วนคนดูอาจจะไม่เห็นด้วย แต่ท้ายที่สุดก็คงต้องยอมรับว่าอคติเกี่ยวกับคนต่างสีผิวนั้นมีอยู่จริงและยังคงทวีความเข้มข้นจนถึงปัจจุบัน
.
เกิดเหตุคดีชายผิวขาวที่ชอบเหยียดผิวสองคนลงมือข่มขืนเด็กหญิงผิวดำวัยเพียง 10 ปีก่อนจะพยายามฆ่าปิดปากแต่ไม่สำเร็จ ‘คาร์ล ลี’ (Samuel L. Jackson) ผู้เป็นพ่อคับแค้นใจมากบวกกับเขาเห็นคดีก่อน ๆ หน้าที่ชายผิวขาวข่มขืนหญิงผิวดำรอดคุกทั้งหมด เขาจึงลงมือฆ่าทั้งสองคนก่อนนำตัวขึ้นศาล เดือดร้อนถึง ‘เจค บริแกรนซ์’ (Matthew McConaughey) ทนายไฟแรงต้องมารับหน้าที่ว่าความให้เขารอดคุก โดยมีอัยการมือดีอย่าง ‘บักเลย์’ (Kevin Spacey) ที่หมายมั่นจะลงโทษคาร์ลด้วยการประหารให้จงได้
.
ถ้ามาเปิดดูรายชื่อนักแสดงภายหลังนี่คงทึ่งไม่น้อย เพราะหนังเล่นรวม 6 ผู้ชนะรางวัลออสการ์กันเลยทีเดียว ไล่ตั้งแต่แมทธิว แม็คคอนาเฮย์, เควิน สเปซีย์, คริส คูเปอร์, ออคตาเวีย สเปนเซอร์ (เล่นหนังเรื่องแรกโผล่มา 1 วินาที), เบรนด้า ฟริกเกอร์, และแซนดร้า บูลล็อค แคสติ้งมาดูตอนนี้นี่กลายเป็นหนังรวมดาวเลย แล้วโปรเจ็คต์นี้ถึงแม้จะถูกปฏิเสธจากพอล นิวแมน แต่ก็ยังมีหลายคนที่สนใจเช่นเควิน คอสเนอร์, วูดี้ ฮาร์เรลสัน แต่พวกนี้โดนคนเขียนนิยายปฏิเสธเองหมด
.
พูดถึงตัวหนัง ไฮไลท์ทั้งหมดน่าจะต้องโฟกัสไปที่ตัวละครเจค บริแกรนซ์ ตั้งแต่ความเชื่อของเขาที่สนับสนุนบทลงโทษประหารชีวิต ถึงแม้จะมีฉากโต้เถียงกับ ‘เอลเลน’ (Sandra Bullock) เกี่ยวกับแง่มนุษยธรรมแต่ท้ายที่สุดก็ถูกปัดตกไปเพราะคนเขียนมีแนวทางนำเสนออยู่แล้วว่าเขาไม่เชื่อเรื่องการกลับตัวเป็นคนดี ซึ่งตรงนี้มันเล่นกับแง่มุมจริยธรรมของคนดูพอสมควร ในขณะเดียวกันตัวคดีเองก็ค่อนข้างหมิ่นเหม่เพราะคาร์ลเจตนาตั้งตัวเป็นศาลเตี้ยพิพากษาคดี และทนายอย่างบริแกรนซ์ก็สนับสนุนแนวคิดดังกล่าวโดยทางอ้อมด้วยซ้ำ ซึ่งหนังค่อย ๆ บอกเล่าว่าเขาเองมองในฐานะพ่อของลูกสาวที่เชื่อว่าหากลูกตัวเองโดนกระทำเช่นนั้นก็คงสนับสนุนการประหารหรืออาจจะลงมือฆ่าเอง ฉากท้าย ๆ ในศาลจึงเหมือนเป็นการโยนเหตุผลแบบนักกฎหมายออกไป เกลี้ยกล่อมให้ลูกขุนโยนอคติทางสีผิวออกไป แล้วคิดง่าย ๆ ว่าถ้าเหยื่อถูกข่มขืนเป็นเด็กหญิงผิวขาว คดีนี้จะออกมาในผลลัพธ์ไหน
.
หนังค่อนข้างยาวเกินไปหน่อยเพราะพยายามไปใส่เรื่องเหยียดผิวและใช้กลุ่มคู คลักซ์ แคลนเป็นเครื่องมือในการสร้างความเข้มข้นให้เรื่องราว คือพอมีพวกนี้ประกอบด้วยเลยยืดขึ้นมาอีก ขณะเดียวกันการพยายามแตะความสัมพันธ์ส่วนตัวโดยใช้สองสาวนี่มันก็นิยายมาก อารมณ์เหมือนคนเขียนบทอยากใส่ตัวละครเพศหญิงให้มีบทบาทสักหน่อย ยิ่งเมืองร้อน ๆ สาว ๆ ใส่เสื้อนี่เซ็กซี่ตลอดเรื่องทั้งแซนดร้า บูลล็อคและแอชลี่ย์ จั๊ดด์เลย ภาพรวมแล้วก็ถือเป็นงานของ ‘จอห์น กริแชม’ ที่เราคิดว่าด้อยกว่าเรื่องอื่นที่เคยดูอย่าง Runaway Jury กับ The Firm แต่เดี๋ยวไว้จะตามดูให้ครบจะได้ลำดับความชอบกันอีกที

Vintage Motion

นั่นคือช่วงเวลาที่นิยายแนวทริลเลอร์กฎหมายโดย จอห์น กริแชม กำลังเป็นที่นิยมในฮอลลีวูดเมื่องานชิ้นต่างๆ ทยอยถูกค่ายหนังซื้อลิขสิทธิ์ดัดแปลงสร้างกันแบบปีต่อปีโดยมี The Firm (1993) เป็นเรื่องประเดิมฉาย จนกระทั่งมาถึงคิวของ A Time to Kill งานประพันธ์เรื่องแรกสุดของกริแชมซึ่งเล่นประเด็นความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ ปัญหาร้ายแรงที่ฝังรากในความคิดของผู้คนมายาวนาน
.
ว่าด้วยเรื่องสลดของเด็กผู้หญิงแอฟริกัน-อเมริกันวัยสิบขวบที่ถูกชายผิวขาวจอมเหยียดสองคนรุมข่มขืนและทารุณอย่างโหดเหี้ยม เป็นชนวนเหตุให้พ่อของเด็กตามฆ่าล้างแค้นต่อหน้าต่อตาฝูงชนจนต้องโทษคดีอุกฉกรรจ์และมีสิทธิ์ถูกตัดสินประหาร และแล้ว เจค บริแกนซ์ ทนายหนุ่มไฟแรงเปี่ยมอุดมการณ์จึงอาสาว่าความแก้ต่างในคดีที่แทบไม่มีทางชนะ
.
ด้วยเหตุที่งานชิ้นนี้เป็นงานประพันธ์สุดโปรดที่กริแชมหวงแหนกว่าชิ้นอื่นๆ เขาจึงวางเงื่อนไขเข้ามามีส่วนดูแลและตัดสินใจในขั้นตอนการสร้าง ไล่ตั้งแต่การเลือกผู้กำกับ โจล ชูมัคเกอร์ ซึ่งเคยทำ The Client (1994) งานดัดแปลงอีกชิ้นของกริแชมมากุมบังเหียน ไปจนถึงการอนุมัติเรื่องตัวบทและการแคสต์นักแสดงเพื่อให้ออกมาตรงตามใจตนที่สุด
.
หลังจากงานของกริแชมตีตลาดไปเรียบร้อย สตูดิโอจึงอนุมัติทุนสร้างสี่สิบล้านดอลลาร์ซึ่งเหลือเฟือสำหรับหนังดราม่าและการมีทีมนักแสดงดังๆ เช่นการทาบทาม แซนดร้า บูลล็อก, ซามูเอล แอล. แจ็คสัน และ เควิน สเปซีย์ ในบทสำคัญเอาไว้เนิ่นๆ แต่ทว่าปัญหามาบังเกิดกับการแคสต์บทนำ พวกเขาต้องใช้เวลาควานหาพระเอกของหนังอยู่นานถึงสิบสี่เดือนเต็ม
.
“มีคนโทรชวนผมไปเข้าพบผู้กำกับ โจล ชูมัคเกอร์” แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ นึกย้อน “ผมจึงอ่านต้นฉบับหนังสือเตรียมตัวเสียดิบดี”
.
เวลานั้นแมทธิวยังคงเป็นนักแสดงไร้ชื่อเสียง และบทบริแกนซ์นี้ก็เป็นที่หมายปองของคนทั่วทั้งวงการ ช่วงต้นเขาจึงถูกเมินใส่ แต่เมื่อจนแล้วจนรอดยังสรุปกันไม่ได้ แมทธิวจึงถูกเรียกตัวไปทดสอบหน้ากล้องและลองเล่นสองสามฉาก ผลก็คือถูกใจทั้งต่อชูมัคเกอร์และกริแชม จากนั้นก็ได้ความบังเอิญอันเหมาะเจาะตรงที่นักแสดงหลักๆ อย่างแซนดร้าหรือสเปซีย์ต่างกำลังโด่งดังมีชื่อชั้นไปอีกขั้น ทางค่ายจึงอะลุ่มอล่วยให้บทนำเป็นนักแสดงโนเนมได้โดยไม่พะวงเรื่องการตลาดอีกต่อไป
.
ทีนี้ เมื่อได้ย้อนกลับไปมอง โปรเจกต์นี้จึงกลายเป็นงานรวมดาวอุดมไปด้วยนักแสดงมีฝืมือ เพราะนอกเหนือจากสี่รายหลักๆ ข้างต้น ยังสมทบด้วย แอชลีย์ จัดด์, โอลิเวอร์ แพลตต์, คริส คูเปอร์, แพทริก แม็คกูแฮน และสองพ่อลูก โดนัลด์ กับ คีเฟอร์ ซัทเธอร์แลนด์
.
กระนั้น ความคาดหวังก็ไปตกอยู่กับแมทธิวในฐานะหัวหอกของทีม ขณะที่บรรดารุ่นพี่มีหน้าที่ประคับประคองไม่ให้หนังเสียสมดุล อย่าง แซม แจ็คสันในบทพ่อผู้เต็มกลืนกับการเหยียดผิว, แซนดร้าในบทเสมียนสาวผู้ทุ่มเท หรือสเปซีย์ในบทอัยการเขี้ยวลากดิน สุดท้ายแมทธิวจะต้องเป็นคนปิดงานด้วยการกล่าวสรุปคดีอันตราตรึง กระแทกใจ ชวนให้ขบคิด
.
“ผมไม่ได้ท่องจำบท” เขาเผย “ผมอ่านบทเพื่อจับจุด เพื่อค้นหาความรู้สึกที่ควรแสดงออกในฉากนั้นๆ และว่ากันตามตรง ฉากการสรุปนั้นแทบไม่เกี่ยวเลยว่าต้องเป็นทนายถึงจะพูดแบบนี้ได้”

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Jack Reacher (2012) แจ็ค รีชเชอร์ ยอดคนสืบระห่ำ

Queen And Slim (2019)

Rashomon (1950) ราโชมอน

The Drop (2014) เงินเดือด

Midnight Run (1988) 2 กวนได้ 3 กำ