เรื่องย่อ : A Few Good Men (1992) เทพบุตรเกียรติยศ ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
ร้อยโทแดเนียล คาฟฟี A Few Good Men (1992) ทนายทหาร ออกมาปกป้องนาวิกโยธินที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร พวกเขายืนยันว่าพวกเขากำลังปฏิบัติตามคำสั่ง ทนายความทหารสองคน Kaffee (Cruise) และ JoAnne Galloway (Moore) ได้รับมอบหมายให้ปกป้องทหารนาวิกโยธิน Santiago (Demi Moore) ที่ถูกกล่าวหาว่าสังหารเพื่อนทหาร Kaffee และ Galloway ไม่เชื่อว่า Santiago มีความผิด พวกเขาจึงต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของ Santiago การสืบสวนของ Kaffee และ Galloway นำพวกเขาไปพบกับพันเอก Jesse Jessup (Nicholson) ผู้บังคับบัญชาของ Santiago พอสืบมาสักพักพวกเขาได้รู้ว่า Jessup เป็นคนที่มีอำนาจและอิทธิพลอย่างมาก และเขาจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องตัวเขาเอง
วันก่อนดู A Few Good Men (1992) ไป เลยตามดูเรื่องนี้ต่อเลย เป็น Courtroom Drama อีกเรื่องของ แอรอน ซอร์กิน (เขาดัดแปลงมาจากบทละครเวทีของตัวเองอีกที) ว่าด้วยการสืบสวน และขึ้นศาลในคดีฆาตกรรมทหารที่มีเงื่อนงำซุกซ่อนอยู่ เมื่อทหารนายหนึ่งถูกเพื่อนร่วมหน่วยอีกสองคนบุกเข้ามาทำร้ายในห้องจนเสียชีวิต โดยทั้งคู่อ้างว่าทำตามคำสั่งของหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ ทำให้เกิดการสืบสวน และค้นหาความจริงว่า การปฏิบัติตามคำสั่งของคนอื่นถือว่าเป็นอาชญากรรมหรือไม่ และผู้ที่สั่งให้ทำมีความผิดหรือเปล่า (หรือง่ายๆ นี่คือหนังที่พูดถึง “นายสั่งมา” นั่นเอง)
สิ่งที่ทำให้ A Few Good Men มันส์ไม่ใช่แค่เพราะความสลับซับซ้อนของคดีความที่เกิดขึ้น แต่เป็นตัวละครที่เซ็ตติ้งมาดีมาก ทอม ครูซ เล่นเป็นทนายทหารที่ไม่ได้สนใจเส้นสายอาชีพนี้ เข้ามาเรียนเพื่อแค่ให้พ่อ (ที่เป็นสุดยอดทนาย) ภูมิใจ อยู่ให้ครบกำหนดเพื่อออกไปทำงานอื่น เขามักปิดคดีด้วยการทำข้อตกลง ให้ยอมรับสารภาพ เพื่อลดหย่อนโทษจากหนักเป็นเบา ไม่ได้สนใจลูกความ ไม่ได้สนใจคดี ขอแค่ให้เสร็จๆไป เช่นเดียวกับคดีนี้ แต่ถูก เดมี่ มัวร์ กรมสืบสวนภายในสั่งสอน และผลักดันให้เขาจริงจังกับการทำคดี จนสุดท้ายทั้งสองตัดสินใจร่วมกันต่อสู้คดีโดยพุ่งเป้าไปที่ “รหัสแดง” อันเป็นคำสั่งที่ถูกใช้ในฐานทัพสำหรับการทำโทษอย่างรุนแรง (เรื่องเล่าที่ฐานทัพกวนตานาโม, คิวบา)
ชอบตัวละคร แจ็ค นิโคลสัน มากๆ (และตัวเขาเองก็เล่นได้พลังมากๆ) นิโคลสันเป็นพันเอกผู้ดูแลฐานทัพคิวบา มีความมุ่งมั่นที่จะฝึกฝนทหารทุกนายให้มีความสามารถ และพร้อมที่จะต่อสู้กับศัตรูเพื่อปกป้องแผ่นดินอเมริกา แรงขับเคลื่อนในตัวละครของเขาชัดมากตั้งแต่ซีนแรก และรุนแรงขั้นสุดในซีนสุดท้ายที่เปิดตัว หนึ่งในโมเมนต์ที่เราชอบมากๆ คือซีนที่เขาปะทะกับ เดมี่ มัวร์ และ ทอม ครูซ เป็นจังหวะที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว การแสดงทัศนคติดูถูกเหยียดหยาบ ด้วยความหยิ่งยโสทำให้เขากลายเป็นปฏิปักษ์กับหนังตั้งแต่เริ่มเรื่อง ทั้งนี้ การมีอยู่ของตัวละครเขาก็ช่วยเล่าประเด็นสำคัญอีกมุมหนึ่งได้เช่นกัน เพราะนี่คือผลผลิตของความเป็นอเมริกา การทำเพื่อชาติ ปกป้องบ้านเมืองโดยไม่สนใจหลักเกณฑ์ ศีลธรรม หรือความถูกต้องใดๆ กลายเป็นความเสียสติที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจริง
ทอม ครูซ เป็นทนายที่ไม่เคยขึ้นศาลเลย (เพราะปิดคดีด้วยการไกล่เกลี่ยมาตลอด) ทำให้เรื่องสนุกขึ้น เหมือนเราต้องไปลุ้นกับความสดของเขา และยิ่งเจอข้อจำกัด และอุปสรรคต่างๆ ตลอดทางก็ทำให้เรื่องเข้มข้นมากๆ ทั้งการถูกทำลายหลักฐาน การสูญเสียพยาน A Few Good Men (1992) และการหามุมมองสำคัญที่จะหยิบยกมาแก้ต่างให้กับทหารทั้งสองนายได้ / หนังพูดเรื่องการสร้างระบบในฐานทัพเอาไว้ได้น่าสนใจ การมีอยู่ของรหัสแดงนั้นไม่ได้อยู่ในตำรา ไม่ได้อยู่ในกฎข้อบังคับ แต่เป็นกติกาที่ทหารชั้นผู้ใหญ่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ควบคุมทหารชั้นผู้น้อยในหน่วย (ชอบฉากที่ ทอม ครูซ เปรียบเปรียมากๆ เอามาไปเทียบกับโรงครัวแล้วทั้งตลก ทั้งคมคาย) มันไปไกลในระดับที่ทหารไร้ทางเลือก และไม่สามารถต่อกรใดๆกับระบบได้ และลากไปจนถึงการตั้งคำถามกับเกียรติยศ การทำเพื่อชาติ การที่ทหารทำตามคำสั่งด้วยหลักการควรจะเป็นเรื่องดี แต่ทำไมสุดท้ายกลายเป็นเรื่องเสื่อมเสีย ช่วงสุดท้ายของเรื่องสุดยอดมากๆ ทั้งพลังของบท พลังของการแสดง และพลังขององค์ประกอบภาพยนตร์อื่นๆ การปะทะกันระหว่าง ทอม ครูซ และแจ็ค นิโคลสัน คือแมชท์หยุดโลก เถียงกันโคตรมันส์ อัดกันเต็มที่ และที่สุดของที่สุดคือโมโนล็อคของนิโคลสันที่กลายเป็นฉากในตำนานของโลกภาพยนตร์จนถึงทุกวันนี้
ใครที่เพิ่งดู The Trial of the Chicago 7 มา อยากให้ตามดู A Few Good Men ด้วย ทรงหนังคล้ายๆกันเลย แต่ในเรื่องนี้เป็นศาลทหาร บรรยากาศจะออกมาคนละแบบ เข้มข้นกันคนละแบบ เป็น Courtroom Drama ที่สนุก บทคมกริบ และจบได้อย่างตราตรึง ใครที่ชอบหนังสืบสวน หรือหนังขึ้นโรงขึ้นศาลห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ สามารถซื้อและเช่าดูได้ทาง AppleTV ครับ (แต่ซับไทยไม่ได้เรื่องเลย แปลแบบรีบๆ รวบรัดจนรายละเอียดหายไปหมด บางไดอะล็อกดีเทลแน่นแต่ไทยแปลแบบสรุปทั้งหมดทีเดียว ดูแล้วเสียดายบทซอร์กินมาก 555)
ถ้าอยากดูหนังขึ้นโรงขึ้นศาลที่น่าติดตามจัดๆ เข้มข้นสุดๆ และรวมดาราแบบเทพๆ ล่ะก็ A Few Good Men จัดว่าตอบโจทย์ได้อย่างดีเลยครับ โดยเฉลี่ยผมน่าจะดูเรื่องนี้ทุกๆ 4 เดือน ตั้งแต่ได้ดูรอบแรกเมื่อ 25 ปีก่อน A Few Good Men (1992) ถ้าคำนวณขำๆ ผมก็น่าจะดูมันประมาณ 75 รอบเห็นจะได้ ^_^ (ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมระหว่างพิมพ์อยู่นี่ ผมถึงนึกบทพูดของหนังได้แทบจะเป๊ะทุกฉาก) หนังเจ๋งมากๆ ครับ ว่าด้วยการสู้ความกันในศาล เมื่อ 2 นาวิกโยธินประจำฐานกัวตานาโม (ชายแดนคิวบา) ถูกจับด้วยข้อหาฆาตกรรมเพื่อนนาวิกโยธินด้วยกัน จริงๆ คดีนี้น่าจะปิดง่ายๆ ว่า 2 คนบันดาลโทสะเลยลงมือฆ่าคน แต่พอดีนาวาตรีโจแอน กัลโลเวย์ (Demi Moore) สงสัยว่า 2 นาวิกโยธินไม่ได้ลงมือฆ่าโดยเจตนา แต่โดนผู้บังคับบัญชาสั่งให้ทำ คดีเลยถูกโยกมาขึ้นศาลใหญ่ จากนั้นเบื้องบนก็ตั้งให้เรือโทแดเนียล แคฟฟี่ย์ (Tom Cruise) เป็นทนายแก้ต่างให้ 2 นาวิกฯ ซึ่งโดยปกติวิสัยแล้ว แคฟฟี่ย์ชอบยอมความเป็นหลัก (เพราะไม่อยากเสี่ยงไปแพ้ในศาล เลยขอรอมชอมมันนอกศาล รักษาสถิติ “ไม่เคยแพ้” เอาไว้ดีกว่า)
จากจุดนี้กัลโลเวย์ก็ดูออกครับว่าเบื้องบนไม่อยากให้คดีนี้กลายเป็นจุดสนใจ! แต่เธอก็ยังยืนกรานที่จะสืบหาความจริง เพราะหาก 2 นาวิกฯ ทำผิดจริงก็ควรได้รับโทษ แต่หากเรื่องนี้มีนายทหารระดับสูงอยู่เบื้องหลัง คนเหล่านั้นก็ควรได้รับโทษตามกฎหมายด้วยเช่นกัน ความสนุกของหนังนั้นมีอุดมครับ เริ่มจากดาราที่คัดมาดี Cruise ในบททนายทหารที่ไม่ค่อยจริงจังกับอะไร แต่ด้วยคดีนี้ (และจากการกระตุ้นของกัลโลเวย์) ทำให้เขาเริ่มอยากจะว่าความให้เป็นเรื่องเป็นราวกับเขาสักครั้ง, Moore ก็ลื่นไปกับบทสาวเก่งที่บางครั้งก็โผงผางบ้าง หากคิดว่าตนเองกำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง, Kevin Pollak เป็น แซม เพื่อนและทนายร่วมของแคฟฟี่ย์ที่คอยช่วยเพื่อนเก็บตกประเด็นในคดีนี้, Kevin Bacon เป็นทนายฝ่ายตรงข้ามของแคฟฟี่ย์, Kiefer Sutherland เป็นหัวหน้าของ 2 นาวิกฯ ที่เคารพผู้บังคับบัญชายิ่งกว่าพระเจ้า
และรายที่สุดยอดที่สุดก็คือ Jack Nicholson ในบทผู้การนาธาน เจสเซป ผู้บังคับบัญชาใหญ่ของหน่วยนาวิกที่ฐานกัวตานาโม ที่แน่นทั้งบารมีและพลังการแสดง โดยเฉพาะฉากในศาลตอนไคลแม็กซ์ที่สุดแสนจะเข้มข้น ดาราแน่นครับ บทก็เข้มน่าติดตาม! โดยหนังสร้างจากบทละครเวทีของ Aaron Sorkin ที่ได้ไอเดียมาจากพี่สาวซึ่งเคยประสบเหตุคล้ายๆ กับในหนัง (หากแต่ในเรื่องจริงแล้ว เหยื่อไม่ตาย แค่เพียงบาดเจ็บสาหัส) โดย Sorkin ดัดแปลงบทละครเป็นภาพยนตร์ด้วยตนเองครับ ซึ่งเขาก็สามารถดัดแปลงได้อย่างยอดเยี่ยมครับ ตัวหนังดูสนุกทั้งในแง่หนังสืบสวน+ว่าความโต้กันในศาล+ดราม่าสะท้อนกฎหมายและระบบในรั้วของหน่วยทหาร
Rob Reiner (Stand by Me, When Harry Met Sally… และ Misery) A Few Good Men (1992) ที่รับหน้าที่กำกับก็คุมหนังได้อย่างน่าปรบมือครับ เข้มข้น ดูสนุก ตื่นเต้น ลื่นไหล มีการแทรกอารมณ์ขันและอารมณ์โรแมนติกเล็กๆ ระหว่างพระ-นางลงไปอย่างพอเหมาะ (ว่ากันว่าจริงๆ แล้วหนังมีบทว่าด้วยฉากเลิฟซีนของพระ-นาง แต่ในที่สุดทุกฝ่ายก็เห็นตรงกันว่ามันไม่เข้ากับหนังโดยสิ้นเชิง เลยตัดฉากที่ว่านี้ออกไปจากบท)! ความเจ๋งยังไม่หมดครับ ด้านดนตรีก็ลงตัวมากๆ ด้วยฝีมือของ Marc Shaiman ที่ฉากไหนมาให้โทนลึกลับ ดนตรีก็มาในอารมณ์ชวนสงสัย หรือฉากไหนว่าด้วยเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของเหล่าคนที่มีดาวบนบ่า ท่วงทำนองก็สะท้อนให้รู้สึกถึงความรับผิดชอบได้อย่างดีทีเดียว ในแง่ของเนื้อหา หนังก็สะท้อนเรื่องงานบังคับบัญชาดูแลผู้คนได้อย่างน่าสนใจครับ
+ ไม่ว่าจะในมุมของผู้บังคับบัญชา ที่ต้องมีวุฒิภาวะเพียงพอในการออกคำสั่ง ซึ่งสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการออกคำสั่งโดยไม่ฟังคำทัดทานจากผู้ใด หรือเอาความเห็นตนเองเป็นใหญ่โดยคิดว่ามันถูกต้องที่สุด และผู้นำยิ่งทำแบบนี้มากเท่าไรก็จะเคยชินกับการใช้อำนาจไร้ขอบเขตของตนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งบางครั้งต่อให้ทำผิดไป ก็ไม่คิดว่าตนทำผิดตรงไหน (เพราะเขาอยู่ในโลกแห่งความคิดของตนแบบเข้มข้นไปแล้วนั่นเอง
+ ในมุมของผู้ใต้บังคับบัญชา แม้โดยหลักแล้วจะต้องทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ระบบมีระเบียบ เพื่อให้ภายในองค์กรมีทิศทางตรงกัน แต่กระนั้นหากมีคำสั่งใดที่โหดร้าย รุนแรง หรือทำไปแล้วจะเกิดผลร้ายมากกว่าผลดี ก็ควรส่งเสียงทัดทานผู้บังคับบัญชา! การทัดทานที่ว่านี้ไม่ใช่เพื่อหักหน้าหรือจับผิด แต่เพื่อช่วยกลั่นกรอง ไม่ปล่อยให้เจ้านายทำผิดพลาด ไม่ปล่อยให้ตนเองตกเป็นเครื่องมือแห่งอำนาจ และไม่ปล่อยให้คนบางคนต้องมาซวย รับผลร้ายจากคำสั่งนั้นๆ หากใครชอบหนังลักษณะนี้ ก็มีเรื่อง Crimson Tide ที่กล่าวถึงประเด็นทำนองนี้ไว้ ตัวหนังก็สนุกเข้มข้นเช่นกัน สำหรับผมแล้ว A Few Good Men (1992) หนังเรื่องนี้จัดว่าสุดยอดครับ ทำได้ดีมากในทุกด้าน องค์ประกอบคุณภาพต่างๆ ช่วยส่งให้หนังเรื่องนี้ออกมาเยี่ยมเท่าที่มันจะเป็นได้ ดีใจที่หนังประสบความสำเร็จ ทำเงินทั่วโลกไปกว่า $243 ล้าน! จากทุนสร้าง $41 ล้าน อีกหนึ่งหนังดีที่อยากให้ลองกันสักครั้งครับ