Stand by Me Doraemon 2 (2020) โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป 2

Stand by Me Doraemon 2 (2020) โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป 2

รีวิว

Filmment

Stand by Me Doraemon 2 (2020) โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป 2
Filmment Rating : 7.2

#เนื้อเรื่องย่อ

เมื่อโนบิตะในโลกอนาคต เกิดหนีออกจากงานแต่งงานของตัวเขาเองโดยไม่ทราบสาเหตุ โนบิตะและโดราเอมอนจากยุคปัจจุบัน จึงต้องเดินทางตามหาโนบิตะในวัยผู้ใหญ่ และพาเขากลับมายังงานแต่งงานให้ทันเวลา เพื่อสานความฝันครั้งสุดท้ายของคุณย่าให้เป็นจริงให้ได้

#ความเห็น

ความรู้สึกแรกหลังจากที่รับชมภาพยนตร์เรื่อง Stand By Me Doraemon2 จบก็คือ นี่คือภาพยนตร์อนิเมชั่นของโดราเอมอนที่แตกต่างออกไปครับ กล่าวคือ Stand By Me Doraemon2 นั้นไม่ได้มีการผจญภัยไปยังดินแดนเหนือจินตนาการเหมือนกับ Doraemon The Movie ภาคอื่นๆ แต่กลับเล่าเรื่องราวที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีประเด็นที่น่าสนใจมากขึ้น และด้วยเนื้อเรื่องหลักที่เกี่ยวข้องกับการย้อนเวลา กับการตามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกอนาคต ทำให้ความรู้สึกในการรับชม Stand By Me Doraemon2 นั้น คล้ายกับการรับชมภาพยนตร์อนิเมชั่นจากค่าย Pixar ผสมผสานกับภาพยนตร์อย่าง Back To The Future เลยทีเดียวครับ

Stand By Me Doraemon2 นั้นสร้างเงื่อนไขสำคัญของเรื่องได้น่าสนใจทีเดียวครับ ด้วยการนำเสนอประเด็นเรื่อง การตามหาคุณค่าในตัวเองของโนบิตะ โดยตัวภาพยนตร์ได้พาผู้ชมไปสำรวจตัวตนของโนบิตะ ผ่านช่วงเวลาและช่วงวัยที่หลากหลายของตัวละคร ซึ่งก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนครับว่า มุมมองต่อการใช้ชีวิตของตัวละครในแต่ละช่วงวัยนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ ไม่ว่าจะเป็น การที่โนบิตะในวัยประถม ได้มองเห็นตัวเองในวัยเด็กพูดจาไม่น่ารักใส่คุณย่า , การที่โนบิตะในวัยผู้ใหญ่ มองเห็นตัวเองถูกไจแอนท์และซึเนโอะแกล้งจนร้องไห้ หรือกระทั่งการที่โนบิตะในวัยประถม ได้เห็นตัวเองในวัยผู้ใหญ่หนีออกจากงานแต่งงานที่เขาฝันมาทั้งชีวิต โดยโนบิตะในแต่ละวัยก็มีมุมมองกับแต่ละสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแตกต่างกันออกไป และต่างก็ต้องการที่จะแก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้นไปตรงหน้าทั้งสิ้น ทั้งโนบิตะในวัยประถมก็ต้องการนำเอาตัวเขาในอนาคตไปงานแต่งงานให้ทันเวลา ขณะที่โนบิตะในวัยผู้ใหญ่เองก็อยากจะใช้ชีวิตเหมือนเด็กอีกครั้ง เพราะอยากจะสร้างตัวตนของตัวเองขึ้นมาใหม่ให้ดีพอสำหรับชิซูกะ โดยทุกสถานการณ์ที่ Stand By Me Doraemon2 เลือกนำเสนอนั้นตอกย้ำให้ผู้ชมเห็นถึงคุณค่าของ “ปัจจุบัน” ได้เป็นอย่างดี ด้วยมุมมองที่ต้องการจะแก้ไขเรื่องราวต่างๆ ของโนบิตะนั่นเองครับ

นอกจากนี้ Stand By Me Doraemon2 ยังมีการนำเสนอถึงประเด็นครอบครัวได้อย่างมีมิติ เนื่องจากภาพจำของผู้ชมที่มีต่อตัวละครโนบิตะนั้น ก็มักจะเห็นว่าเขาเป็นเด็กขี้แย เรียนไม่เก่ง อ่อนแอ และมักจะถูกแม่ของเขาต่อว่าอยู่เสมอ โดยในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้มีการเพิ่มตัวละครอย่าง คุณย่า เข้ามาในเรื่องครับ คุณย่านั้นเป็นตัวละครที่สามารถมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงในตัวของโนบิตะ และเลี้ยงดูโนบิตะด้วยความเข้าอกเข้าใจ ในขณะที่โนบิตะต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความคาดหวังของพ่อแม่ ที่อยากจะเห็นเขาประสบความสำเร็จในชีวิต เรียนเก่ง เล่นกีฬาเก่ง และมีครอบครัวที่ดีในอนาคต ความสวนทางอย่างลงตัวนี้เองครับที่เป็นมิติใหม่ๆ ในภาพยนตร์ชุดโดราเอมอน และเป็นการสะท้อนมุมมองของเด็กคนหนึ่งที่ต้องแบกรับความกดดันเอาไว้บนบ่าได้อย่างดีเยี่ยม น่าเสียดายที่ตัวละครคุณย่านั้นมีบทบาทในเรื่องน้อยไปสักหน่อย แม้จะมีเวลาบทจอไม่มากนัก แต่ทุกการปรากฏตัวของคุณย่า ก็สามารถสร้างแรงขับเชิงบวกให้กับเรื่องราวได้เป็นอย่างดีครับ

สิ่งที่ต้องแลกมากับประเด็นอันเข้มแข็งของเรื่อง ก็คือความบันเทิงที่ลดลงของภาพยนตร์ครับ การผจญภัยในภาพยนตร์เรื่อง Stand By Me Doraemon 2 นั้นไม่ได้เป็นเรื่องราวที่เหนือจินตนาการมากนัก ไม่มีความแฟนตาซีอย่าง ไดโนเสาร์ หุ่นยนต์ในโลกอนาคต หรือกระทั่งการเดินทางท่องอวกาศครับ แม้จะมีการเดินทางข้ามเวลาเป็นเส้นเรื่อง แต่อุปสรรคที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อจะสร้างสนุกเป็นหลักครับ เพราะทุกเหตุการณ์และทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เป็นเรื่องของมนุษย์ล้วนๆ ครับ นอกจากนี้ตัวภาพยนตร์ยังมีการวางเงื่อนไขสำคัญเอาไว้ เพื่อไม่ให้โดราเอมอนสามารถใช้ของวิเศษของเขาแก้ไขทุกปัญหาในเรื่องได้อย่างง่ายดายอีกด้วย จึงทำให้การผจญภัยในครั้งนี้ไม่ได้สร้างเสียงหัวเราะหรือความตื่นเต้นได้มากเท่าไรนัก แต่การพาผู้ชมเดินทางข้ามเวลาในครั้งนี้ เปรียบเสมือนการเดินทางสำรวจตัวตนของโนบิตะ ในแง่มุมที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนครับ ซึ่งแม้จะไม่ได้เป็นภาพยนตร์ที่ดูแล้วบันเทิงตามแบบฉบับของการ์ตูนโดราเอมอน แต่สิ่งที่ได้กลับมาแทนความสนุกก็คือ ความอบอุ่น รอยยิ้ม และคราบน้ำตาครับ

เนื่องจากผมไม่เคยรับชมภาพยนตร์เรื่อง Stand By Me Doraemon ภาคแรกนะครับ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ผมได้รับชมโดราเอมอนในรูปแบบของอนิเมชั่น 3 มิติครับ ซึ่งก็เป็นความรู้สึกที่แปลกตาและน่าประทับใจมากๆ กับการได้เห็นตัวละครที่คุ้นเคย ทั้ง โดราเอมอน โนบิตะ ชิซูกะ ไจแอนท์ และซึเนโอะ พร้อมทั้งสภาพแวดล้อมของการ์ตูนที่ผมรับชมมาตั้งแต่วัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็น ห้องนอนของโนบิตะ สนามเด็กเล่น รวมไปถึงเครื่องไทม์แมชชีน ได้ถูกถ่ายทอดให้สวยงามและสมจริงมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีทางการผลิตของยุคปัจจุบันครับ นอกจากนี้ Stand By Me Doraemon 2 ยังมีการออกแบบมุมภาพและแสงของภาพยนตร์ได้อย่างสวยงาม เติมเต็มความอบอุ่นให้กับเนื้อหาของภาพยนตร์ได้อย่างยอดเยี่ยมครับ
.
โดยรวมแล้ว Stand By Me Doraemon2 นั้นไม่ได้เป็นภาพยนตร์โดราเอมอนแบบที่เราคุ้นเคยครับ ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการผจญภัยที่เสพง่าย และมุ่งเน้นความบันเทิงแบบเต็มรูปแบบ แต่ผมกล้าพูดได้เต็มปากครับว่า Stand By Me Doraemon2 เป็นอนิเมชั่นที่มีหัวใจ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกครับ การเข้าฉายของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของโดราเอมอนนะครับ ดังนั้นหากใครที่เติบโตมาพร้อมกับโดราเอมอน รีบตีตั๋วเข้ารับชมได้เลยครับ แล้วคุณจะได้เห็นความเติบโตของการ์ตูนชุดนี้ พร้อมทั้งอาจจะเสียน้ำตาโดยไม่รู้ตัวอีกด้วยครับ

#ประเด็นตกผลึก

ประเด็นตกผลึกจากภาพยนตร์เรื่อง Stand By Me Doraemon2 ที่ผมจะชวนผู้อ่านทุกท่านมาคุยกันในวันนี้ก็คือ

การตามหาคุณค่าที่แท้จริง ด้วยการเป็นตัวของตัวเอง

ผมเชื่อครับว่าผู้อ่านทุกคนรวมถึงตัวผมเอง น่าจะเชื่อมโยงกับตัวละครอย่าง โนบิตะ ในแง่มุมใดแง่มุมหนึ่งแน่นอนครับ ไม่ว่าจะเป็น ความงี่เง่าเอาแต่ใจในบางครั้ง การเป็นเด็กที่เรียนไม่เก่ง การเป็นเด็กที่ถูกเพื่อนรังแก หรือกระทั่งการหลงรักนางในฝันอย่างชิซูกะ ก็ตามทีครับ นอกจากจะมีคาแรคเตอร์ที่เป็นคนขี้แพ้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว สิ่งหนึ่งที่การ์ตูนชุดโดราเอมอนทุกเรื่องแทบไม่เคยพูดถึงเลยก็คือ บาดแผลในวัยเด็กของเขาครับ โนบิตะนั้นต้องใช้ชีวิตอยู่บนความคาดหวังของพ่อแม่ ซึ่งเป็นความคาดหวังที่เขารู้ตัวว่า ไม่มีทางทำได้สำเร็จอย่างแน่นอนครับ บาดแผลนี้ฝังลึกจนแปรเปลี่ยนเป็นบุคลิกที่ขาดความมั่นใจ เก็บตัว และกลัวการเผชิญหน้ากับความจริงของเขา การได้พบเจอกับเพื่อนรักอย่างโดราเอมอน จึงยิ่งทำให้โนบิตะหลีกหนีจากการแก้ปัญหาในโลกแห่งความจริงออกไปไกลขึ้น ด้วยการแก้ปัญหาอย่างผิดวิธีจากของวิเศษของโดราเอมอนครับ

แต่ในโลกอนาคต ที่เปรียบเสมือนโลกแห่งความเป็นจริงสำหรับมนุษย์ทุกคน เมื่อโนบิตะไม่มีโดราเอมอนคอยช่วยเหลือและให้กำลังใจ ทำให้เขาขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง จนเลือกที่จะเดินหนีออกจากงานแต่งงานที่เขาเฝ้ารอมาทั้งชีวิต เพราะเขาคิดว่าตัวเองไม่ดีพอสำหรับชิซูกะครับ และเมื่อโนบิตะในวัยประถมได้รับรู้เรื่องนี้ เขาจึงเลือกที่จะออกเดินทางตามหาตัวเองในอนาคต เพื่อพาตัวเขากลับมาร่วมพิธีแต่งงานให้สำเร็จ ซึ่งการเดินทางครั้งสำคัญนี้เองครับ ที่ทำให้โนบิตะทั้ง 2 ช่วงวัยได้ค้นพบความหมายและคุณค่าที่แท้จริงของตัวเขาเอง

โดยโนบิตะได้ค้นพบครับว่า การไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่คนอื่นคาดหวังนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ผิดเลยแม้แต่น้อยครับ เพราะว่ามาตรฐานความสำเร็จของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน แต่สิ่งที่เท่ากันอย่างแท้จริงก็คือ มนุษย์ทุกคนมีชีวิตเหมือนกันครับ ชีวิตที่มีสิทธิ์จะมีความสุขในรูปแบบของตัวเอง โดยไม่ต้องสนใจเป้าหมายที่คนอื่นตั้งให้ หากคนรอบตัวนั้นรักเราจริงๆ ทุกคนล้วนแล้วแต่จะไม่คาดหวังครับ แต่ทุกคนจะเข้าใจในความเป็นตัวตนของเขา และมอบอิสระที่จะมีความสุขให้กับเราได้เลือกด้วยตัวเอง แม้ว่าหากเรามองโนบิตะในฐานะคนนอก เราอาจจะมองเห็นผู้ชายที่ขี้เแพ้และไม่เอาไหนคนหนึ่งครับ แต่ภาพยนตร์เรื่อง Stand By Me Doraemon2 ก็ได้พิสูจน์ให้เราเห็นครับว่า โนบิตะเองก็มีความพิเศษและคุณค่าในตัวเองเช่นกันครับ

โนบิตะมีจิตใจที่บริสุทธิ์ และรักชิซูกะอย่างหมดหัวใจครับ โนบิตะเชื่อว่า การที่เขาเลือกหนีออกจากงานแต่งงานนั้นจะทำให้ชิซูกะมีโอกาสได้พบเจอกับคนใหม่ๆ ที่ดีกว่าเขา และเชื่อว่าชิซูกะจะมีความสุขมากกว่าหากไม่ได้แต่งงานกับเขาครับ การตัดสินใจนี้แสดงให้เห็นถึงความรักที่โนบิตะมีต่อชิซูกะ ถึงขนาดที่ตัวเขายอมเสียสละความสุขทั้งหมดของตัวเอง เพื่อสร้างความสุขให้กับชิซูกะในอนาคตครับ แต่กลับกันครับ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ชิซูกะมองเห็นตัวตนของโนบิตะชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม และมันยิ่งทำให้เธอมั่นใจครับว่า การแต่งงานกับโนบิตะคือการตัดสินใจที่ถูกต้องจริงๆ และเมื่อการเดินทางของโนบิตะจบลง เขาได้ค้นพบถึงคุณค่าและความหมายที่แท้จริงของชีวิต เขาจึงตัดสินใจว่า เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของชีวิตเขาคือการทำให้ชิซูกะมีความสุขนั่นเองครับ

ดังนั้นตัวละครอย่าง โนบิตะ จึงเป็นตัวละครที่สะท้อนถึงใครหลายต่อหลายคนได้ดีครับ กับการที่ต้องแบกรับความกดดันจากคนรอบข้าง ทั้งครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหาย รวมไปถึงมาตรฐานของสังคมครับ ที่มักจะกำหนดบรรทัดฐานของความสำเร็จให้กับมนุษย์จนลืมคิดไปครับว่า ความสุขของมนุษย์นั้นแตกต่างกัน เราอาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จจนร่ำรวยเป็นเศรษฐี อาจจะไม่ได้สร้างนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงโลก หรืออาจจะไม่ได้มีชีวิตตามกรอบที่สังคมกำหนดมากนักครับ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนล้มเหลวแต่อย่างใดครับ เพราะการเป็นตัวของตัวเองนั้นสำคัญที่สุดครับ แม้ว่าความสำเร็จในชีวิตของเราจะเล็กน้อยในสายตาคนอื่น เป็นเพียงแค่การทำให้ชิซูกะของเรามีความสุขเหมือนกับโนบิตะเท่านั้น แต่ถ้าเรามีความสุขกับมันจริงๆ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วล่ะครับ

นั่งดู

STAND BY ME Doraemon 2 (2020)

ซับไทย/พากย์ไทย : Netflix

STAND BY ME Doraemon 2 ภาพยนตร์แอนิเมชันที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี โดราเอมอน โดยในภาค 2 นี้ได้หยิบยกโดราเอมอนตอนสั้น ๆ อย่าง โนบิตะหนีงานแต่ง ความทรงจำของคุณย่า และวันที่ฉันเกิด มาเรียบเรียงเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งทั้ง 3 ตอนที่ถูกหยิบยกขึ้นมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นตอนที่ซึ้งกินใจทั้งสิ้น โดยการผูกโยงเรื่องราวเข้าด้วยกันนั้น ทำออกมาได้อย่างลงตัวเลย

เรื่องราวเรื่องต้นขึ้นที่โนบิตะไปพบกับตุ๊กตาหมีเก่าตัวหนึ่ง ทำให้โนบิตะหวนนึกถึงความทรงจำในวันวานที่มีต่อคุณย่า ซึ่งในปัจจุบันนั้นคุณย่าเสียไปแล้ว โนบิตะเลยมีความคิดที่จะนั่งไทม์แมชชีนเพื่อไปพบคุณย่าอีกครั้ง โดยจะแค่แอบดูอยู่ห่างๆเท่านั้นเพื่อให้หายคิดถึง แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้โนบิตะได้พูดคุยกับคุณย่า เมื่อโนบิตะบอกว่าเขาคือโนบิตะที่มาจากอนาคต ปรากฏว่าคุณย่าเชื่อในสิ่งที่โนบิตะพูด คุณย่าบอกโนบิตะว่าอยากเห็นโนบิตะในวันแต่งงาน โนบิตะและโดราเอมอนจึงเปิดทีวีกาลเวลาเพื่อดูวันที่โนบิตะแต่งงานกับชิซูกะ แต่ภาพที่ปรากฏออกมานั้น เป็นภาพที่โนบิตะไม่ได้มางานแต่งงาน โนบิตะและโดราเอมอนจึงนั่งไทม์แมชชีนไปอนาคตเพื่อตามหาตัวโนบิตะตอนโต เรื่องราวทั้งหมดจึงได้เริ่มต้นขึ้น

STAND BY ME Doraemon 2 นั้นจะเน้นไปที่เรื่องราวของโนบิตะเด็กขี้แย ในแต่ละช่วงวัย ตั้งแต่วัยอนุบาลไปจนถึงวัยที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งในวันแต่งงานของโนบิตะตอนโตนั้น โนบิตะตอนโตมีความกังวลใจว่าคนอย่างเขาจะสามารถสร้างความสุขให้ชิซูกะได้หรือไม่ โนบิตะตอนโตจึงหนีไม่ไปงานแต่ง ส่วนชิซูกะเองเชื่อมั่นว่าโนบิตะจะมางานแต่งอย่างแน่นอน และนั่นเองก็ทำให้โนบิตะและโดราเอมอนต้องมาช่วยเหลือโนบิตะตอนโตเพื่อแก้ไขเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น

สำหรับในภาค 2 นี้ก็มีจุดเชื่อมโยงกับภาคแรกอยู่นิดหน่อย แต่ถ้าใครไม่เคยดูภาคแรกมาก่อนก็สามารถดูภาค 2 ได้เลย โดยส่วนตัวแล้วชอบการเล่าเรื่องในภาคแรกมากกว่า ทั้งในเรื่องของเนื้อหา ทั้งการเชื่อมโยงเรื่องราว แต่ในส่วนของภาค 2 นั้นก็ถือว่าทำออกมาได้ดี ความดราม่า ความซึ้งกินใจก็ยังคงทำออกมาให้เรียกน้ำตาได้อย่างหนักหน่วง ใครที่เป็นแฟนการ์ตูนโดราเอมอน แนะนำเลย ไม่ผิดหวังแน่นอน

ASTRAEA

[CR] [รีวิว] Stand By Me Doraemon2 หนังที่มอบ Tear of Joy ให้กับเรารัวๆ

Stand By Me Doraemon2

เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นภาคต่อจากภาพยนตร์ในชื่อเดียวกันที่ฉายไปเมื่อปี 2014 โดยในภาคนี้ได้หยิบเอาตอนอย่างคุณย่าของโนบิตะ และ การแต่งงานของโนบิตะ มาเรียบเรียงใหม่เป็นตอนยาวได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนั้นยังเชื่อมประเด็นและเรื่องราวจากภาคแรกด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงทำหน้าที่ได้ดีทั้งในฐานะภาพยนตร์รีเมค และ ในฐานะภาพยนตร์ภาคต่อ

ด้านบทและการเล่าเรื่อง

ด้วยบทของทั้งสองตอนต้นฉบับนั้นค่อนข้างดีอยู่แล้ว การหยิบมานำเสนอใหม่อีกครั้งจึงยังคงความดราม่า ความสุข และคุมอารมณ์คนดูได้อยู่หมัดเหมือนของต้นฉบับ แต่ถึงมันจะทำหน้าที่ของมันได้ดีในพาร์ทของตัวเอง เรากลับรู้สึกว่าพอเอามาเชื่อมกันแล้ว บางพาร์ทของภาพยนตร์มันยังดูไม่ค่อยต่อเนื่องเท่าไหร่ แบบมันไหลไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว พาร์ทของคุณย่าโนบิตะเล่นไปตอนต้นเรื่อง แล้วค่อยกลับมาเล่นอีกทีตอนจบ อันนี้ก็เข้าใจได้อยู่ว่ามันต้องเรียบเรียงแบบนี้แหละ ซึ่งมันได้ผลนะ ได้ผลดีด้วย ร้องไห้หนักมาก แต่นั่นแหละครับ ส่วนตัวยังรู้สึกว่ามันโดดๆไปนิดนึง

ด้านงานภาพ

ยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้ดี ภาพสวยมากกกก ไหลลื่นเนียนตาสุดๆ ส่วนตัวชอบภาพช่วงนั่งไทม์แมชชีนมาก มันออกแบบได้สวยและดูมีดีเทล ดูมีอะไร ดังนั้นงานภาพของเรื่องนี้จึงสอบผ่านแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย ดีงามมากๆครับ

ด้านเพลงประกอบ

Ost. ที่ใช้ประกอบในเรื่องทำหน้าที่ของมันได้ดี แต่ที่ชอบมากคือ ED (เพลงปิด) ครับ ผกก.เลือกจบเรื่องได้ตรงจังหวะ พอเพลงขึ้นจึงอิมแพคและมีความหมายต่อเรื่องมากๆ เนื่องจากเนื้อเพลงนั้นสื่อถึงประเด็นทุกอย่างในภาพยนตร์ภาคนี้ครบเลย อีกทั้งยังฉายไปพร้อมกับภาพประกอบซึ่งเป็นเรื่องราวเพิ่มเติมหลังจากจบเรื่องด้วย จึงดึงคนดูให้ดูต่อและฟังเพลงไปพร้อมๆกันได้อย่างดีเยี่ยม เพลง 『虹』ที่ร้องโดยคุณ Suda Masaki ก็เพราะมากๆด้วย ดูหนังจบกลับมาเปิดฟังวนได้เรื่อยๆเลยครับ อารมณ์ค้าง

สรุปแล้ว Stand By Me Doraemon2 เป็นภาพยนตร์ที่โปรดักชั่นดีเลิศ บทดี แม้อาจจะรวดเร็วและโดดๆไปบ้าง แต่สุดท้าย มันทำหน้าที่ของมันได้ลุล่วงและยอดเยี่ยมมากๆครับ ร้องไห้จริงจังมาก เป็น Tear of Joy อย่างแท้จริงครับ ใครที่ชอบภาคแรก แนะนำไปให้ดูด่วนๆ ตอนนี้ฉายแบบ Sneak Preview อยู่ ฉายจริงอาทิตย์หน้าครับ

สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ว่านี่เป็นเพียงความคิดเห็นของผมเท่านั้น มันจะสนุกหรือไม่ขึ้นอยู่กับคุณ ควรไปดูด้วยตาตัวเองและมาคุยกันว่าดีไม่ดี ชอบไม่ชอบอย่างไร สวัสดีครับ

ผู้กำกับ

•  ทะกะชิ ยะมะซะกิ
• ริวอิจิ ยางิ

บริษัท ค่ายหนัง

• Shirogumi
• Robot Communications
• Shin-Ei Animation

นักแสดง

• วะซะบิ มิซุตะ
• เมะงุมิ โอะฮะระ
• ยุมิ คะกะซุ
• ซุบะรุ คิมุระ
• โทะโมะกะซุ เซะกิ

โปสเตอร์หนัง

เรื่องย่อ

ดูหนังออนไลน์ เรื่องราวตอนที่โนบิตะใช้ไทม์แมชชีน ย้อนเวลากลับไปหาคุณย่า ซึ่งเป็นคนในครอบครัวที่โนบิตะรักและผูกพันธ์มากที่สุดอีกคนหนึ่ง รวมถึงฉากงานแต่งงานในอนาคตระหว่างชิซูกะกับโนบิตะ การมาพบกันระหว่างโนบิตะในอนาคต และโนบิตะในปัจจุบัน กับเรื่องราวสุดประทับใจผ่านผจญภัยและการช่วยเหลือของโดราเอม่อน หุ่นยนต์แมวสีฟ้าจากอนาคต ที่มาพร้อมกับของวิเศษในความทรงจำ

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Stand By Me Doraemon (2014) สแตนด์บายมี โดราเอมอน

DORAEMON THE MOVIE (2013) โนบิตะล่าโจรปริศนาในพิพิธภัณฑ์ของวิเศษ

Doraemon The Movie (2010) สงครามเงือกใต้สมุทร

Doraemon The Movie (2019) โดเรมอน โนบิตะสำรวจดินแดนจันทรา

Doraemon The Movie (2006) โดราเอมอน เดอะ มูฟวี ตอน ไดโนเสาร์ของโนบิตะ