City of Ember (2018) กู้วิกฤติมหานครใต้พิภพ

City of Ember (2018) กู้วิกฤติมหานครใต้พิภพ

เรื่องย่อ City of Ember (2018) กู้วิกฤติมหานครใต้พิภพ

ผู้คนในเมือง Ember เจริญรุ่งเรืองในโลกอันน่าทึ่งที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับมาหลายชั่วอายุคน แต่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าอันทรงพลังครั้งหนึ่งของ Ember ล้มเหลว และโคมไฟขนาดใหญ่ที่ส่องสว่างในเมืองก็เริ่มที่จะกะพริบ

ผู้กำกับ

กิล คีแนน

ผู้จัดจำหน่าย

• 20th Century Fox (US)
• Universal Pictures (international)
• Entertainment Film Distributors (UK)

นักแสดง

•  บิล เมอเรย์
• ทิม ร็อบบินส์
• เซอร์ชา โรนัน
• โทบี้ โจนส์
• แฮรี่ ทรีทเวย์
• Miles Thompson
• Rachel Morton
• Eoin McAndrew

โปสเตอร์หนัง City of Ember (2018) กู้วิกฤติมหานครใต้พิภพ

รีวิวหนัง City of Ember (2018) กู้วิกฤติมหานครใต้พิภพ

Movies Addict

City of Ember (2008) กู้วิกฤตมหานครใต้พิภพ

“มีเมืองอยู่ใต้ดิน ใช้แค่แสงจากหลอดไฟ ชาวเมืองไม่เคยเห็นแสงอาทิตย์ พวกเขาต้องหาทางออกจากวิกตนี้!”
เรื่องย่อ – เมื่อพื้นโลกไม่สาทารถดำรงอยู่ได้กลุ่มคนฉลาดกลุ่มได้พาคนอพยพลงอยู่ใต้ดินกันบางส่วน พร้อมสร้างเมืองใต้ดินที่มีทั้งแหล่งน้ำ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือหน่วยงานต่างๆเพื่อรองรับการดำรงชีวิตของมนุษย์ให้ได้ดั่งที่ตั้งไว้โดยประมาณ 200 ปี ซึ่งเป็นปีที่ถูกกำหนดไว้กับ ไทม์แคปซูล รอวันให้ผู้คนเปิดออกมา และ พบกับความจริงที่ว่า เมืองใต้ดินนี้เป็นแค่ที่หลบภัยชั่วคราวเท่านั้น!….

เรื่องถูกดำเนินผ่านสองตะวละครหลัก ที่พากับจับพลัดจับผลูไปคินพบความจริงบางอย่างเข้า อีกทั้งยังสังเกตเห็นได้ว่า เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่เป็นเหมือนชีวิตของของชาวเมืองกำลังดับสูญ มีแค่เขาและเธอเท่านั้นที่จะแก้วิกฤตใต้พิภพแห่งนี้ได้

ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่า หยิบเรื่องนี้มาดูอีกครั้งไม่กี่วันก่อนเพราะอยู่ดีๆก็รู้สึกคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งมันเป็นหนังค่อนข้างเก่าเลยล่ะ จำได้แค่ว่าดูซ้ำหลายครั้งอยู่เหมือนกัน ด้วยการที่มันเซทฉากแฟนตาซี เหนือจิตนาการ บวกกับเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม ทำให้ดูได้เพลินๆเอามากๆ ถึงเอากลับมาดูใหม่ก็ไม่คิดว่ามันน่าเบื่อแม้แต่น้อย เพราะตั้งแต่วินาทีที่หนังเริ่มหนังก็พาเราให้ไปเจอเหตุการณ์ต่างๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ซีนไหนให้หยุดพักเลย ถึงแม้ว่าการดำเนินเรื่องจะไหลไปเรื่อยๆ แต่อาจจะขัดใจเรื่องการตัดต่อบ้าง เพราะบางซีนตัดไปดูห้วนไปหน่อย หรือ บางจังหวะก็ข้ามมาเลย

เนื่องจากเรื่องนี้สร้างมาจากนิยาย เพราะฉะนั้นความอะเมซิ่งมันมีเหลือล้นอยู่ละ เราจะได้เจอกับการผจญภัย และ การไขปริศนาไปพร้อมกับสองตัวละครที่ดูสนุกตามพวกเขาไปทีเดียว
สรุป – หนังแนวแฟนตาซี ที่ดูสนุกเพลินๆ ไม่ได้ถึงกับดีมากๆ แต่คิดว่าใครได้ดู ก็ต้องกลับมาดูซ้ำแน่นอน

regnarghost

7/10
มีข้อบกพร่อง…แต่มีจุดเด่นของตัวเองเพียงพอที่จะแยกมันออกจากฝูง
มีปัญหาในการตัดสินใจให้คะแนนเรื่องนี้ มีหลายอย่างที่น่าสนใจแน่นอน แต่ก็มีข้อบกพร่องบางอย่างที่มองข้ามไม่ได้ มันมีฉากและบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม เนื้อเรื่องที่น่าสนใจและเสน่ห์ที่น่าดึงดูดใจ สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันรู้สึกดีมาก แม้ว่าการกำกับจะน่าสงสัยในบางครั้ง จังหวะไม่ค่อยมี และบางส่วนก็รู้สึกเหมือนถูกเพิ่มเข้ามา (ฟลัมไรด์สุดบ้า) เพียงเพราะว่ามันเป็นแฟรนไชส์ฤดูร้อน เด็กผู้หญิงตัวน้อยน่ารักนั้นไม่จำเป็นเลย และตัวละครของ Bill Murray และ Treadaway ใน Doon ก็ไม่ได้สร้างผลงานได้ดีพอ (หรือไม่ได้รับอนุญาต) สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ จุดแข็งของภาพยนตร์เรื่องนี้ส่วนใหญ่อยู่ในเนื้อหาต้นฉบับ (แต่ฉันยังไม่ได้อ่าน) การดูหนังแฟนตาซีที่ไม่มีสัตว์ประหลาดเยอะเป็นเรื่องดีจริงๆ ศัตรูในเรื่องคือพวกที่คิดมากเกินไป โลภ และเห็นแก่ตัว บางส่วนทำให้ฉันหัวเราะคิกคัก บางส่วนที่พวกเขาได้รับงานโดยการจับฉลาก (เป็นการเสียดสีลัทธิคอมมิวนิสต์หรือเปล่านะ) และส่วนชายชราที่ถือท่อน้ำ เรื่องราวค่อนข้างดีทีเดียว ไม่ได้แปลกใหม่ แต่เชื่อมโยงกันอย่างแน่นหนาและสดใหม่จนทำให้เข้าใจผิดได้ พร้อมทั้งมีข้อความที่ตรงเวลา กล่าวโดยสรุป เนื้อหาต้นฉบับนั้นฉลาด แต่ผู้กำกับขาดความกล้า (หรืออาจจะแค่พรสวรรค์ หรือถูกสตูดิโอสังหาร) ที่จะดำเนินเรื่องต่อไป

ถึงอย่างนั้น ก็ยังดีกว่าภาคล่าสุดของ Narnia และ Harry Potter ภาคล่าสุดด้วย นอกจากนี้ Ronan เด็กหนุ่มจาก Atonement ก็แสดงได้ดี

steviekane

6/10
ภาพยนตร์ที่ดี ขาดเนื้อเรื่องและขาดทิศทาง

หากสิ่งเดียวที่ City of Ember ทำได้คือการแสดงให้เห็นว่าเบลฟาสต์สามารถเป็นเจ้าภาพจัดภาพยนตร์ที่มีแนวคิดล้ำสมัยได้ ก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะทำ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า City of Ember มีเป้าหมายมากกว่านั้น บางทีอาจจะเทียบได้กับภาพยนตร์อย่าง Harry Potter หรือ Pixar

น่าเสียดายที่ทำได้ไม่ดีนัก แต่แค่พอเหมาะพอดี นี่คือภาพยนตร์ที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับเด็กสองคนที่เติบโตขึ้นและแหกกฎเกณฑ์ที่ Ember กำลังจะตายบังคับให้พวกเขาทำ และเมื่อทำเช่นนั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป การแสดงนั้นยอดเยี่ยม การออกแบบฉากและดนตรีก็ยอดเยี่ยม แนวคิดที่ผู้สร้าง Ember ทิ้งคำสั่งลับไว้เพื่อกลับคืนสู่โลกนั้นน่าสนใจอย่างแท้จริง

น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถทำตามคำแนะนำเหล่านี้ได้เร็วพอ และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินเล่นไปรอบๆ เมืองที่สวยงามแห่งนี้ หลายครั้งที่ไม่มีการมองว่ามีภัยคุกคามเกิดขึ้น แม้ว่าจะเต็มไปด้วยนายกเทศมนตรีที่ชั่วร้ายและตุ่นที่กลายพันธุ์ (เช่นผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่ที่ไม่เคยอธิบาย) แต่เรื่องราวไม่ได้ใช้สิ่งเหล่านี้มากพอ ทำให้บางฉากต้องดำเนินไปโดยเหล่าฮีโร่โดยปฏิบัติตามคำสั่งที่ทิ้งไว้ให้เท่านั้น ที่แย่ที่สุดคือตอนจบให้ความรู้สึกเหมือนเป็นกูนนี่ของคนจน

ในมุมมองของผู้กำกับ เขามีส่วนผิดในฉากที่ดำเนินเรื่องช้าๆ แต่สิ่งที่แทบจะให้อภัยไม่ได้คือการแสดงสีหน้าเรียบเฉยของนักแสดงระหว่างฉากแอ็กชั่น CGI ที่เข้มข้น ใครบางคนไม่ได้คิดล่วงหน้า

ถึงกระนั้นก็ตาม นี่เป็นภาพยนตร์ที่น่ารักที่ฉันหวังว่าจะทำเงินได้เพียงพอที่จะสร้างภาคต่อของหนังสือ

opticuscro

7/10
หนังดี

ขอพูดตรงๆ เลยว่าเป็นหนังที่ดีมาก เนื้อเรื่องน่าสนใจ การแสดงดี ภาพสวยมาก บรรยากาศสมจริง เสียงดี และเนื้อเรื่องน่าสนใจ หนังเรื่องนี้ไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็แนะนำให้ดูแน่นอน เมื่อพิจารณาจากหนังดีๆ ในปัจจุบันที่ไม่ค่อยมี (ส่วนใหญ่มักถูกครอบงำด้วยกระแสตื่นรู้และความหลากหลาย) หนังเรื่องนี้จึงน่าแนะนำและดูซ้ำด้วยซ้ำ นี่เป็นหนึ่งในหนังที่คุณจะดูและอยู่ในความทรงจำอย่างแน่นอน จริงๆ แล้วฉันแปลกใจเล็กน้อยที่หนังเรื่องนี้ได้คะแนนน้อยขนาดนี้ ในความคิดของฉัน หนังเรื่องนี้ได้คะแนนเจ็ดดาวหรือเกือบแปดดาวเลยนะ!

ดูหนังออนไลน์ ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Artemis Fowl (2020) อาร์ทิมิส ฟาวล์

Mortal Engines (2018) สมรภูมิล่าเมือง: จักรกลมรณะ

Journey to the Center of the Earth (2008) ดิ่งทะลุสะดือโลก

Inkheart (2008) เปิดตำนานอิงค์ฮาร์ท มหัศจรรย์ทะลุโลก

The Aeronauts (2019)