On the Waterfront (1954) กรรมกรท่าเรือ

On the Waterfront (1954) กรรมกรท่าเรือ

รีวิว

On the Waterfront  หนังครอบจักรวาล

-เรื่องราวของการฆาตรกรรมคนงานท่าเรือ ที่ไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้ ทั้งๆที่จริงแล้วทุกคนรู้กันดี แต่ไม่มีใครเอ่ยปากที่จะพูด เพราะอิทธิพลในการสั่งการและไม่ให้งานของ “จอร์นนี่ เฟรนลี่” เจ้าพ่อผู้คุมถิ่นท่าเรือ

-“เทอร์รี่” คือชายหนุ่มนักมวยที่ตกอับ แต่เป็นลูกสมุนสุดที่รักของเฟรนลี่  On the Waterfront (1954) กรรมกรท่าเรือ และเขาคือสาเหตุที่ทำให้พี่ชายของ “อิดี้” ตาย จนเขาตกหลุมรักเธอ เขาจึฃได้ปากโป้งและกำลังจะหักหลังเจ้าพ่อ ทำให้เขาโดนตามจองล้างจองผลาญต่างๆมากมาย

-ด้วยความชอบใน “Marlon Brando” เป็นการส่วนตัว มันทำให้อยากดูเรื่องนี้มากๆ พอดูจบรู้สึกเลยว่า Message ที่หนังจะสื่อมันร่วมสมัยมากๆ เพราะจนปัจจุบันนี้ ผู้มีอิทธิพลที่คอยเอารัดเอาเปรียบยังมีให้เห็นกันมากมายตามท้องถนน

-ระหว่าง “ชีวิตความเป็นอยู่” และ “เพิกเฉยต่อสิ่งที่ถูกต้อง” คุณจะเลือกอะไร ? นี่คือสิ่งที่หนังคอยถามคนดูตลอดทางผ่านตัวละครหลักอย่างเทอร์รี่ ถ้าเรายังคง “อิกนอร์แรนซ์” กันอยู่ ก็จะโดนกดอยู่อย่างนั้น แล้วยังจะเรียก “ชีวิต” ว่าชีวิตได้อยู่อีกหรือ!?
-จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างคือการแสดงของ Brando ผมรู้สึกว่ามันอาจจะไม่ได้ดีเท่า The Godfather แต่นี่ก็คือผลงานชิ้นโบว์แดงอีกเรื่อง ที่คุณต้องหามาดู เพื่อ Brando !!!

-ใครไม่ชอบดูหนังเก่า ตัดออกไปได้เลย เพราะอย่างแรก นี่คือหนังขาว-ดำ และมันมีการกระทำหรือมุมกล้องบางอย่างที่มันเก่าๆ หนังไม่ได้ดูยาก แต่มันเฉพาะกลุ่มมากกว่า แต่ถ้าใครชอบหนังสายรางวัล แนะนำให้ดูมากๆครับ !!

ExpendableMan

⭐ 9/10

การรับชมเรื่อง  On the Waterfront (1954) กรรมกรท่าเรือ ในปัจจุบัน มีสองฉากที่โดดเด่นเหนือฉากอื่นๆ ประการแรกคือคำพูดอันเร่าร้อนของคุณพ่อแบร์รี่ (คาร์ล มัลเดน) ต่อคนงานท่าเรือที่รวมตัวกันอยู่ในตัวเรือ ซึ่งเขาพยายามระดมพลพวกเขาเพื่อต่อต้านกลุ่มอันธพาลที่คร่าชีวิตพวกเขา อย่างที่สองคือการเผชิญหน้าระหว่างเทอร์รี่และชาร์ลี มัลลอย (มาร์ลอน แบรนโดและร็อด สตีเกอร์) ที่ด้านหลังของรถแท็กซี่ ซึ่งจบลงด้วยการที่พี่ชายคนหนึ่งชี้ปืนไปที่อีกคนหนึ่ง และ “คำพูดของคู่แข่ง” ที่เป็นตำนานของแบรนโดในขณะนี้

ทั้งสองเรื่องเป็นซีเควนซ์ที่ตัวละครไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากพูดคุย แต่แต่ละเรื่องก็เป็นตัวอย่างที่ดีของสิ่งที่ทำให้ On The Waterfront เป็นภาพยนตร์คลาสสิกที่ไม่อาจปฏิเสธได้ การแสดง การเขียนบท การถ่ายภาพยนตร์ ดนตรี ทุกอย่างเข้ากันได้อย่างลงตัวและผลลัพธ์สุดท้ายคือส่วนเสริมที่น่ายินดีสำหรับคอลเลกชั่นภาพยนตร์ใดๆ เรื่องราวที่นี่เกี่ยวข้องกับ Terry Malloy คนงานอู่ต่อเรือในนิวยอร์กที่พบว่ามโนธรรมของเขารบกวนจิตใจเขาเมื่อเพื่อนคนหนึ่งของเขาถูกฆาตกรรม

ในตอนแรกเทอร์รี่เป็นคนเข้มแข็งและมีทัศนคติเคร่งขรึม (“คุณรู้จักปรัชญาชีวิตของฉัน มอบให้พวกเขาก่อนที่พวกเขาจะให้คุณ”) ซึ่งแม้ภายในเขาจะสับสนวุ่นวาย แต่ก็ปฏิเสธที่จะสารภาพอะไรกับตำรวจ เพราะมันจะทำให้เขาเป็น “หนู.” อย่างไรก็ตาม การมาของนักเทศน์หัวแข็งของมัลเดนและอีดี น้องสาวผู้บริสุทธิ์ของเหยื่อ (เอวา มารี เซนต์ในการปรากฏตัวครั้งแรกของเธอ) ทำให้โลกใบ้ใบ้ของเขาตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย

Kubris

⭐ 9/10

ฉันเล่นเรื่อง  เสร็จเมื่อประมาณ 2 ชั่วโมงที่แล้ว และมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น บางสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำมานานแล้ว ฉันจำไม่ได้ว่าหนังเรื่องนั้นเป็นต้นเหตุอะไร เมื่อหนังจบฉันก็นั่งเงียบๆ ประมาณ 10 นาที เป็นภาพยนตร์ที่สร้างแรงบันดาลใจ มีความรู้สึกที่คุณจะได้ดูมัน – เวทมนตร์แห่งภาพยนตร์ สิ่งที่ยอดเยี่ยมกำลังปรากฏต่อหน้าต่อตาคุณ และคุณกำลังใช้ความพยายามร่วมกันของอัจฉริยะ ตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยคะแนนดราม่า (ที่ยังคงดีตลอดทั้งเรื่อง) ในการแนะนำภาพยนตร์เรื่องนี้ มีบางสิ่งที่พิเศษเกิดขึ้น

เนื้อเรื่องย่อให้ดูเหมือนเป็นฟิล์มธรรมดา แต่กลับไม่ใช่ธรรมดา ฝูงชน การฆาตกรรม กรรมกรท่าเรือ และความโรแมนติคเป็นดาวเด่นของรายการนี้ และเห็นได้ชัดตั้งแต่เริ่มต้นเลย เหมือนกับการจุดฟิวส์ จากนั้นเมื่อไส้ตะเกียงไหม้ เรื่องราวดราม่าก็คลี่คลาย เราเรียนรู้เกี่ยวกับเทอร์รี่ มัลลอย (มาร์ลอน แบรนโด) อดีตและปัจจุบันของเขา และความคิดที่ขัดแย้งกันของเขา เราได้รู้จักกับตัวละครที่ผลักดันเขาไปตามเส้นทางที่เขาต้องเลือก ผู้ชมเริ่มสนใจเทอร์รี่มากขึ้น และจนกว่าเขาจะตัดสินใจด้วยตัวเอง เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอย่างไร

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแม่เหล็กดึงดูดทองคำ – ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 5 สาขาในสาขาการแสดงเพียงอย่างเดียว ฉันจะเริ่มต้นด้วยการแสดงระดับตำนานของแบรนโด ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะคิดอย่างไรกับเขานอกจอ เพราะเป็นเวลา 2 ชั่วโมงที่เขาทำหน้าที่ได้อย่างดีที่สุด และเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา เทอร์รี่เป็นตัวละครที่ยอดเยี่ยม และแบรนโดก็มีการแสดงที่ไม่มีใครเทียบได้และตรงไปตรงมา

PeachesIR

⭐ 10/10

เมื่อคืนฉันได้ดูเรื่อง และฉันก็ดูหลายครั้งแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแคปซูลที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ชมทุกคน นักแสดงทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม บทสนทนาที่ดิบและทรงพลัง การจัดฉากที่รัดกุมและสะท้อนถึงธรรมชาติที่คับแคบของชีวิตตัวละครในส่วนนี้ของโฮโบเกน คุณมีความรู้สึกว่าพวกเขาไม่เคยออกจากพื้นที่นี้เลยแม้แต่สองสามช่วงตึก เพราะพวกเขารู้สึกติดอยู่กับสถานการณ์ ความยากจน งานที่เหน็ดเหนื่อย และการคอรัปชั่นที่กำลังแพร่กระจายอยู่ในสถานที่และระบบนี้

มาร์ลอน แบรนโด รับบทเป็น เทอร์รี่ นักสู้ที่ล้มเหลวในการชิงรางวัลซึ่งมีความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ดูหนังออนไลน์ และความเหงา เขาเป็นอันธพาลระดับต่ำในระบบทุจริตที่ถูกครอบงำโดยหัวหน้าสหภาพแรงงานผู้ร่าเริงและโหดร้าย  กรรมกรท่าเรือ จอห์นนี่ เฟรนด์ลี่ (ลี เจ. คอบบ์ ในการแสดงที่ตื่นเต้นเร้าใจ) เขาปกครองบริเวณริมน้ำด้วยความโหดร้ายและความหวาดกลัว ที่ทำให้เทอร์รี่รู้สึกติดกับดักมากขึ้นก็คือความจริงที่ว่า ชาร์ลี (ร็อด สตีเกอร์) น้องชายของเขาที่ยังมีชีวิตอยู่เพียงคนเดียวของเขาเป็นมือขวาของเฟรนด์ลี่ เทอร์รี่ไม่มีความทะเยอทะยานในชีวิต

และดูเหมือนจะยอมจำนนต่อเส้นทางอันสิ้นหวังนี้ จนกระทั่งโชคชะตา และแสงสว่างสองดวงปรากฏขึ้นในชีวิตของเขา: อีดี (อีวา มารี เซนต์) หญิงสาวผมบลอนด์ผู้ดี มีความรัก มุ่งมั่น และเป็นนางฟ้า และคุณพ่อแบร์รี ( คาร์ล มัลเดน) บาทหลวงในท้องถิ่นที่สามารถชกต่อย ดื่มเบียร์ และยืนหยัดต่อสู้กับฝูงชนโดยมีความแข็งแกร่งแห่งศรัทธาอยู่เบื้องหลัง

เทอร์รี่และอีดี้เริ่มต้นชีวิตรักที่ดูเหมือนจะพังทลายซึ่งนักแสดงทั้งสองเล่นได้ไพเราะมาก คุณจะสัมผัสได้ถึงความปรารถนา ความอึดอัด ความหลงใหลที่มีต่อกัน และความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง ทั้งหมดนี้ปราศจากภาพเปลือยที่ชัดเจนและคำรามเสแสร้งที่ใช้ในภาพยนตร์ร่วมสมัย เมื่อพวกเขาโอบกอดกัน คุณจะรู้สึกสิ้นหวังและปรารถนาซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง

ma-cortes

⭐ 8/10

ดราม่าที่น่าดึงดูดและมีชีวิตชีวาเรื่องนี้ตั้งอยู่บนท่าเรือของนิวยอร์กที่ซึ่งพวกมาเฟียควบคุมสหภาพและสตีฟดอร์ อดีตนักสู้มือรางวัลชื่อ เทอร์รี่ มัลลอย (มาร์ลอน แบรนโด ผู้สมควรได้รับรางวัลออสการ์) เปลี่ยนชีวิตชายยืนยาวที่ต้องดิ้นรนเพื่อยืนหยัดต่อสู้กับหัวหน้าสหภาพแรงงานทุจริต (ลี เจ คอบบ์) และพัวพันกับความรุนแรง มัลลอยเผชิญกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่าจะเป็นผู้แจ้งข่าวหรือไม่ ในขณะที่น้องชายของเขา

(เดิมถูกเสนอให้ Lawrence Tierney แต่เขาขอเงินมากเกินไป ดังนั้นบทนี้ตกเป็นของ Rod Steiger ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Academy Award จากการแสดงของเขา) เป็นทนายความจอมโกงและเขาได้พบกับอดีตแม่ชีสาวสวย ( Eva Maria Saint, Grace Kelly ปฏิเสธบทบาทของ Edie Doyle โดยตัดสินใจสร้าง Rear Window แทน) และตกหลุมรักเธอ นี่เป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจและชวนคิดด้วยโครงเรื่องที่น่าดึงดูดใจโดยผู้เขียนบท Budd Schulberg ซึ่งมีเนื้อหาดราม่าเข้มข้นที่มีประโยคที่ฉุนเฉียว อารมณ์

การแสดงที่ยอดเยี่ยม จุดไคลแม็กซ์ที่น่าจดจำ  On the Waterfront (1954) กรรมกรท่าเรือ การกำกับที่งดงาม และดนตรีประกอบคลาสสิกโดยปรมาจารย์ Leonard Berstein สำหรับภาพยนตร์ที่น่าเบื่อเรื่องนี้และนักเขียนเรื่องราวที่พุ่งสูง บัดด์ ชูลเบิร์กได้นำแนวคิดนี้มาจากหนังสือพิมพ์ เมื่อเขาเริ่มต้นด้วยซีรีส์เปิดเผยที่เขียนให้กับเดอะนิวยอร์กซันโดยนักข่าวมัลคอล์ม จอห์นสัน บทความดังกล่าวทำให้เขาได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ และได้รับการสนับสนุนด้วยการฆาตกรรมในปี 1948 ของเจ้านายที่ท่าเรือนิวยอร์กซึ่งปลุกอเมริกาให้ตื่นจากการสังหาร

ผู้กำกับ

• Elia Kazan

บริษัท ค่ายหนัง

• Horizon Pictures

นักแสดง

• Marlon Brando
• Karl Malden
• Lee J. Cobb
• Rod Steiger
• Pat Henning
• Leif Erickson

โปสเตอร์หนัง

เรื่องย่อ

อดีตนักสู้ชิงรางวัลทำให้ชายชาวนิวเจอร์ซี่ต้องดิ้นรนเพื่อยืนหยัดต่อสู้กับหัวหน้าสหภาพแรงงานที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ซึ่งรวมถึงพี่ชายของเขาด้วย ในขณะที่เขาเริ่มเชื่อมโยงกับน้องสาวผู้โศกเศร้าของเหยื่อรายหนึ่งขององค์กร พบกับสุดยอดการแสดงอันเหนือชั้นของ Marlon Brando การันตีด้วย 8 รางวัล Oscar และภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี กำกับโดย Elia Kazan, ในสถานที่ที่ผู้คนต้องมี 2D (Deaf and Dumb) ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เป็นสิ่งที่สามารถทำให้คนกลายเป็นบ้า, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”

กรรมกรท่าเรือ เป็นหนังเกี่ยวกับจิตสำนึก (Conscience) มโนธรรม และความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ในสถานที่ที่มีแต่ความคอรัปชั่น เราจะยอมก้มหัว น้อมรับ ทำตามคำสั่งแบบไม่สนใจสิ่งถูกผิด หรือเลือกที่จะต่อสู้ตามสิทธิเสรีภาพของตน เมื่อสิบปีก่อนในวันที่ผมเริ่มต้นดูหนังคลาสสิกแบบจริงๆจังๆครั้งแรก On the Waterfront เป็นหนังที่ผมอยากดูมากๆ ไม่รู้ทำไม คงเพราะชื่อหนัง Waterfront มันมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่าง

ซึ่งพอได้แผ่นมาก็รีบเปิดดู ดูจบแทบอยากหักแผ่นทิ้ง หนังบัดซบอะไรว่ะเนี่ย นอกจากดูไม่รู้เรื่องแล้วยังไม่มีความสนุกเลยสักนิด, มาดูครั้งนี้ในรอบ 10 ปี สักกลางๆเรื่องผมก็ร้อง ว๊าว ออกมาแล้ว นึกย้อนถึงตัวเองเมื่อครั้งอดีต ราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา หนังเรื่องนี้มันสุดยอดมากๆ ทำไมตอนนั้นถึงไม่สามารถรับรู้ รับรส รับสัมผัสความยอดเยี่ยมในระดับ masterpiece นี้ได้นะ ถ้าคุณดูหนังเรื่องนี้แล้วไม่รู้สึกอึ้งทึ่ง

หรือเกิดความประทับใจ อาจแสดงว่าระดับความเข้าในหนังของคุณยังน้อยอยู่นะครับ ไม่ต้องรีบ ให้เวลากับหนังมันสัก…10 ปี กลับมาดูอีกรอบ เชื่อว่าคุณจะเห็นอะไรต่างออกไปแน่นอน, ผมจัดความยากในการดูหนังเรื่องนี้อยู่แค่ intermediate เพราะผิวเผินไม่รู้สึกว่าหนังเข้าใจอยากเท่าไหร่ แต่ความสวยงามแท้จริงของหนังมันอยู่ลึกลงไป ต้องใช้การคิดวิเคราะห์เยอะเสียหน่อย ก็จะเห็นความไม่ธรรมดาที่สอดแทรกอยู่ภาย

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Suffragette (2015) หัวใจเธอสยบโลก

Public Enemies (2009) วีรบุรุษปล้นสะท้านเมือง

The Bridge On The River Kwai (1957) เดอะบริดจ์ออนเดอะริเวอร์แคว

The Great Escape (1963) แหกค่ายมฤตยู

The New World (2005) เปิดพิภพนักรบจอมคน