เรื่องย่อ : The Half of It (2020) รักครึ่งๆ กลางๆ ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
The Half of It หนังโปรดของข้าพเจ้า
‘พอล’ (Daniel Diemer) เป็นหนุ่มขี้อายพูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ เขาตกหลุมรัก ‘แอสเธอร์’ (Alexxis Lemire) เลยอยากจีบด้วยวิธีคลาสสิกคือเขียนจดหมายบอกรัก แต่แหม่พูดไม่เก่งแล้วยังเขียนไม่เก่งอีกต่างหาก จึงต้องจ้าง ‘เอลลี่’ (Leah Lewis) เพื่อนร่วมชั้นสายวรรณกรรมมาช่วยเขียนจดหมายแทนให้ ซึ่งก็นะ เขาดันไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเอลลี่ก็แอบเหล่ความฉลาดของแอสเธอร์อยู่เหมือนกัน
.
อยากรีวิวแบบแบ่ง part 1-2 มากเลย ฮ่าๆ ชอบครึ่งแรกของหนังที่ดูชวนคิดมากกว่าครึ่งหลังที่ดูจำเจไปหน่อย ถ้าดูพล็อตเผิน ๆ มันก็แทบจะเป็นไอเดียปกติของหนังรอมคอมด้วยซ้ำ ประมาณว่าแม่สื่อตกหลุมรักเสียเอง แต่ในเคสเหล่านั้นมันเป็นหนัง straight (ชายรักหญิง หญิงรักชาย) ลูกเล่นของหนังจึงตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อน แต่ในเคสของ มันเปิดเผยจากพล็อตว่าจะเป็นหนังเลสเบี้ยน คือเอลลี่ตกหลุมรักแอสเธอร์ แต่ไป ๆ มา ๆ เรายิ่งรู้สึกว่าหนังออกจะเควียร์ (queer) ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเอลลี่สามารถตกหลุมรักพอลจากความใกล้ชิดได้เหมือนกัน
.
ลูกเล่นของหนังจึงซับซ้อนขึ้นมาตั้งคำถามถึงอีกครึ่งที่ขาดหายไป เราต้องการคนรักที่ฉลาดเท่าทันคุยกันลึก ๆ เป็น deep conversation แบบแอสเธอร์ หรือว่าจะตกหลุมรักคนช่างฝันที่อาจจะคุยเรื่องลึก ๆ ไม่ได้ แต่ต่างฝ่ายต่างช่วยเกื้อหนุนสนับสนุนกัน (เอลลี่ช่วยพอลสานฝันทำอาหาร/พอลช่วยผลักดันเอลลี่ให้กล้าแสดงตัวตนออกมา) และสามารถใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างสบายใจ สำหรับเราแล้วมันไม่มีคำตอบตายตัว และหนังก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน ซึ่งยิ่งช่วยให้ความเควียร์ของหนังเด่นชัดมากขึ้น
.
อีกส่วนที่เราไม่ค่อยอินเท่าไรเวลามาเล่าหนังวัยรุ่นสมัยนี้คือการหยิบศาสนามาพูดแง่มุมบาปของการรักเพศเดียวกัน ถ้าหนังเป็นคนแก่เคร่งศาสนาหรือวัยรุ่นย้อนไปสัก 30-40 ปี อาจจะดูน่าเชื่อกว่าวัยรุ่นสมัยนี้ยังเคร่งเรื่องนี้อยู่ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าหนังเลือกเซ็ตติ้งเป็นเมืองเล็กที่อิทธิพลของโบสถ์ครอบงำคนในเมือง (จึงไม่แปลกที่เอลลี่ ที่อพยพมาจากจีน ไม่ได้เติบในเมืองนี้จะหลุดพ้นจากความเชื่อเรื่องพระเจ้า) การจำกัดความรักไว้สำหรับเพศตรงข้ามเท่านั้นจึงทำให้เราเห็นความอึดอัดของแอสเธอร์ที่ไม่กล้า coming out หรือไม่กล้าคิดจริงจังเรื่องรสนิยมทางเพศของตัวเอง เป็นอีกส่วนของหนังที่เห็นความเดียวดายของแอสเธอร์
.
หลายโมเม้นต์ในหนังถือว่าดีสำหรับหนังรักไฮสคูลเลย อาจจะมีฉากเฉิ่ม ๆ ในโบสถ์หรือความจำเจของฉากแข่งขันแสดงความสามารถพิเศษ แต่หลายฉากที่ดี ๆ สามารถทดแทนได้สบาย เช่นฉากสนทนาระหว่างตีปิงปอง(กีฬาเอเชีย), การข้ามมาทำอาหารเอเชียและสนใจเครื่องเทศ, ฉากมองกระจกระหว่างรอเข้าห้องน้ำ ซึ่งก็โมเม้นต์แบบหนังผู้หญิง, หรือว่าฉากพรรณนาถึงความรักก็เป็นอีกโมเม้นต์ที่เราชอบมากไม่แพ้ฉากนั่งดูหนังเลยทีเดียว
.
เอาเป็นว่าใครกำลังหาหนังรักไฮสคูลดูก็แนะนำมาก ๆ อาจจะเรียกว่าเป็นหมุดหมายใหม่ของการสร้างหนังรักที่ไม่ได้มีกรอบเรื่องเพศมาจำกัดอีกต่อไป
Director: Alice Wu
screenplay: Alice Wu
Genre: comedy, romance
8/10
“ความรัก คือความยุ่งเหยิง เลวร้าย เห็นแก่ตัว กล้าหาญ” คือหนังแนว Coming of Age เล่าเรื่องราวของ เอลลี่ ชู กับความสัมพันธ์รักสามเส้า เอลลี่ ชู เป็นคนจีนที่มาอาศัยอยู่ในเมืองสควอเฮมิช เป็นเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง กับพ่อที่พยายามจะเป็นวิศวกรแต่ติดเรื่องภาษาทำให้เป็นได้แค่นายสถานีรถไฟ ความน่าสนใจคือเรากำลังตามติดชีวิตตัวละครสาวชาวจีนที่เดินทางอพยบมาตั้งถิ่นฐาน และด้วยปัญหาการเงินทำให้ เอลลี่ ชู รับจ้างทำการบ้านให้เพื่อน และรับจ้างเขียนจดหมายจีบสาวให้ พอล มันสกี ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญของพล็อตเรื่อง และเป็นตัวละครที่ซื่อบื้อไม่มีทางจีบสาวติดถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือ เอลลี่ช่วยพอลเขียนจดหมายรักและเป็นโค้ชในการจีบแอสเธอร์ หญิงสาวที่พอลหลงรัก ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดทำให้เอลลี่ พอล แอสเธอร์ ค้นพบความหมายของความรักและเปิดใจเรียนรู้ความรู้สึกของตัวเอง
.
สิ่งที่น่าชื่นชมของภาพยนตร์เรื่องนี้คือบทภาพยนตร์ที่มอบให้ตัวละครแต่ละตัวทำหน้าที่ให้เราเห็นมิติความเป็นคนธรรมดาสามัญจับต้องได้ แต่ความธรรมดาสามัญนั้นมีเสน่ห์น่าหลงใหล ทำให้ช่วงขณะหนึ่งเราหลงรักตัวละครในเรื่องในมุมที่ต่างกัน โดยเฉพาะตัวเอลลี่ ชู เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ ความมีเสน่ห์ของตัวละครค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามพล็อตเรื่องและการเติบโตขึ้นของตัวละครผ่านเหตุการณ์ในเรื่อง เมื่อหนังสรุปจบประเด็นทำให้ตัวละครที่ตอนแรกเรารู้สึกเฉย ๆ กลับทำให้เรารู้สึกหลงรักจดจำตัวละครเหล่านี้เมื่อหนังจบแล้ว
.
เส้นทางของเรื่องราวทั้งหมดทำให้เราเห็นถึงการเติบโตของตัวละคร ฉะนั้น หนังเรื่องนี้อาจไม่ใช่หนังรักที่ชวนโรแมนติกแต่เป็นเพียงภาพสะท้อนของการเติบโตและเส้นทางที่ตัวละครก้าวข้ามไปเผชิญสิ่งเหล่านั้น งานฉากและเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเรื่องสื่ออารมณ์ให้เราคล้อยตามได้ดี ชอบเพลงประกอบสบาย ๆ ในเรื่อง นอกจากประเด็นปัญหาความรักที่ดูยุ่งเหยิงสับสน หนังยังแทรกประเด็นของชุมชนความเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีความเชื่อทางศาสนา โรงเรียน โบสถ์ที่เป็นแหล่งรวมความศรัทธาของชุมชนที่บางครั้งก็สุดโต่งเกินไป ทำให้หนังแอบใส่ประเด็นความหลากหลายและเสียดสีประเด็นความเชื่อทางศาสนาในมุมที่ทำได้ชวนตลก
.
อย่างไรก็ตาม คำคมเชิงปรัชญาของหนังเรื่องนี้มีเยอะมาก เยอะจนน่าจะดัดแปลงออกมาเป็นหนังสือนิยายได้เลย ความคมคายของไดอะล็อกในเรื่องคือคติให้เราที่เป็นคนดูได้ฉุกคิดและไตร่ตรองถึงความหมายในเรื่องราวความรัก และความรักที่บริสุทธิ์ของมนุษย์ ท้ายสุด The Half of It เป็นภาพยนตร์ที่ให้ความหมายและแง่มุมของเรื่องราวความรักผ่านไดอะล็อกและเป็นเหมือนเสียงสะท้อนให้เรากลับมาขบคิดถึงความหมายของความรัก ความพยายามหรือกระทั่งความล้มเหลวของความรัก และรักที่แท้จริงอาจไม่ใช่การเสแสร้ง ความอดทน ความเมตตา หรือถ่อมตน แต่ความรัก คือความยุ่งเหยิง เลวร้าย เห็นแก่ตัว ‘กล้าหาญ’ และมันไม่ใช่การตามหาคู่แท้ของเรา ความรักคือความยินดีที่จะทำลายภาพวาดที่ดีของเราเพื่อโอกาสที่จะวาดผลงานชิ้นเยี่ยมโดยไม่มีข้อจำกัด…
Alice Wu
Likely Story
ลีอาห์ ลูอิส
แดเนียล ดีเมอร์
อเล็กซิส เลอเมียร์
เอ็นริเก้ มูร์เซียโน่
โวล์ฟกัง โนโวกราตซ์
แคทเธอรีน เคอร์ติน
เบ็คกี้ แอน เบเกอร์
คอลลิน ชู
ดูหนัง The Half of It (2020) รักครึ่งๆ กลางๆ เมื่อเอลลี ชู วัยรุ่นฉลาดแต่ไม่ค่อยมีเงินตกลงที่จะเขียนจดหมายรักให้หนุ่มเล่นตลก เธอไม่คิดว่าจะได้เป็นเพื่อนกับเขา หรือตกหลุมรักเขา ผู้โดดเดี่ยว Ellie Chu อาศัยอยู่ในเมือง Squahamish อันห่างไกล ซึ่งเธอหาเงินพิเศษในการเขียนการบ้านให้เพื่อนนักเรียนของเธอ เธออาศัยอยู่กับพ่อม่ายของเธอ และปฏิบัติหน้าที่ส่วนใหญ่ของเขาในฐานะนายสถานีและผู้ให้สัญญาณ
พอล มุนสกี นักฟุตบอลที่ไม่พูดเก่งติดต่อให้เขียนจดหมายรักถึงแอสเตอร์ ฟลอเรส ในตอนแรกเอลลีปฏิเสธ ต่อมาเธอรับงานนี้หลังจากทราบว่าไฟฟ้าในบ้านของเธอจะถูกปิดหากไม่ชำระเงินขั้นต่ำ แอสเตอร์กำลังออกเดทกับทริก เด็กชายจากครอบครัวที่ร่ำรวย และเอลลีเริ่มติดต่อกับเธออย่างจริงใจผ่านจดหมายและข้อความ พวกเขาเชื่อมโยงกันด้วยความสนใจที่มีร่วมกันในด้านวรรณกรรมและศิลปะ แม้ว่าแอสเตอร์เชื่อว่าเธอกำลังสื่อสารกับพอล ครูสอนภาษาอังกฤษของ Ellie สนับสนุนให้เธอสมัครเข้าเรียนที่ Grinnell College แต่ Ellie วางแผนที่จะอยู่ที่ Squahamish แม้ว่าจะไม่มีความสุขที่นั่นก็ตาม เพราะเธอไม่ต้องการทิ้งพ่อของเธอ ดูหนังออนไลน์
เอลลีนัดพอลให้ออกเดตกับแอสเตอร์ แต่กลับกลายเป็นเรื่องเลวร้ายเพราะเขาไม่สามารถพูดคุยกับเธอได้เหมือนที่เธอทำได้ เอลลีถือว่านี่เป็นจุดสิ้นสุดของความพยายามของพวกเขา แต่หลังจากที่พอลปกป้องเธอจากการรังแก เธอก็ตกลงที่จะสอนเขาเกี่ยวกับศิลปะและวรรณกรรม เอลลี่และพอลเริ่มสนิทสนมกันเมื่อพวกเขาเปิดใจเกี่ยวกับปัญหาในครอบครัวของพวกเขา การเดตครั้งที่สองของพอลกับแอสเตอร์เริ่มแย่พอๆ กับครั้งแรก แต่เอลลีก็ช่วยไว้ได้ในตอนเย็นด้วยการส่งข้อความหาแอสเตอร์โดยแกล้งทำเป็นพอล เขาสารภาพว่าเขาสนใจแอสเตอร์แบบโรแมนติกทันที และบอกเอลลี่ในภายหลังว่าเขาจูบเธอ
The Last Black Man in San Francisco (2019) ชายผิวดำคนสุดท้ายในซานฟรานซิสโก