เรื่องย่อ : Lost Bullet (2020) แรงทะลุกระสุน ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD
ชายผู้กระทำความผิดช่วงสั้นๆ Lost Bullet (2020) ซึ่งผันตัวมาเป็นช่างเครื่องตำรวจให้ทำงานเร็ว ถูกบังคับให้ปกป้องความบริสุทธิ์ของเขาเมื่อที่ปรึกษาของเขาถูกตำรวจสกปรกสังหาร เมื่อเจอข้อหาฆ่าคนตาย ช่างซ่อมรถอัจฉริยะผู้มีประวัติอาชญากรรมต้องตามหารถที่หายไป ในนั้นมีกระสุนอยู่หนึ่งลูกที่ใช้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาได้
หากคุณเป็นแฟนหนังแอ็คชั่น Lost Bullet (2020 คุณจะต้องชอบหนังเรื่องนี้แน่นอน เพราะมีฉากไล่ล่าด้วยรถยนต์ ฉากต่อสู้ที่ออกแบบมาได้ยอดเยี่ยม แม้ว่าฉากต่อสู้จะดูเลือดสาดไปบ้างเล็กน้อย ฉากแอ็คชั่นก็ถือว่าดีทีเดียว แต่ก็ไม่ถึงกับอลังการ เรื่องราวเรียบง่ายและมีตัวละครเพียงไม่กี่ตัว ตำรวจชั่วร้ายที่เต็มใจไต่อันดับในองค์กรตำรวจไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม และไม่ลังเลที่จะฆ่าใคร และช่างซ่อมรถผู้วิเศษที่เตรียมรถให้วิ่งเร็วเพื่อไล่ล่าผู้กระทำความผิด ได้ถูกตำรวจจ้างมา ทั้งคู่ต้องต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด ความสนุกและแอ็คชั่นคือสิ่งที่หนังเรื่องนี้มอบให้
สานต่อเรื่องจากภาคแรกครับ หลังจากลีโน่ (Alban Lenoir) พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ แต่คนร้ายกลับยังลอยนวล ทำให้ลีโน่ต้องลุยล่าผู้ร้ายอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หนังมาพร้อมความซับซ้อนครับ ไม่ได้เล่าแบบตรงๆ เล่นง่ายๆ แบบภาคแรกแล้ว ประมาณว่าตัวละครเริ่มมีลับลมคมในต่อกัน ลีโน่เองก็ต้องมาลุยฝ่าดงกระสุน และฝ่าคำโกหกของเพื่อนร่วมงานกันเอง ถือเป็นภาคต่อที่ทำได้โอเคขึ้นครับ อย่างแรกเลยคือมีการใส่ความซับซ้อนลงไป อย่างวายร้ายจากภาคแรกนั้นไปๆ มาๆ ก็ชักจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังมากขึ้น หรือกระทั่งตัวละครแวดล้อมพระเอกก็ใช่จะบอกพระเอกทุกเรื่อง อันทำให้พระเอกต้องเผชิญวิบากกรรมครั้งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม – ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าตัวละครรอบตัวพระเอกค่อยๆ บอกความจริง เรื่องมันอาจไม่บานปลายทะลักทลายขนาดนี้ก็ได้
ส่วนที่ผมชอบมากขึ้นคือคิวบู๊ครับ อย่างที่เคยบอกว่าภาคแรกผมออกแนวเฉย แต่ภาคนี้บู๊ได้สะใจขึ้น ประทับใจตั้งแต่ตอนบู๊ฉากแรกๆ ที่ลีโน่เข้าไปซัดโจรในบ้าน มันเป็นการบู๊ที่ดูดิบ ดูกระหน่ำ และดูสะใจอยู่ในที รวมถึงฉากบู๊อื่นๆ ต่อจากนั้นก็ถือว่าทำได้ดีขึ้น โดยเฉพาะตอนไล่ล่าระเบิดถนนในตอนท้ายน่ะครับ ทำออกมาได้น่าพอใจ สะใจเอาเรื่อง จัดว่ามีพัฒนาการทางด้านความมันส์ครับ ไหนจะฉากไล่ล่าทางรถก็ทำออกมาได้มันส์เข้าท่าเหมือนกัน Lost Bullet (2020 เรียกได้ว่าภาคนี้ยกระดับตัวเองจากภาคแรกได้อย่างน่าพอใจครับ บู๊ก็ดีขึ้น ล่ากันก็มันส์ขึ้น เนื้อเรื่องก็ซับซ้อนขึ้น ตัวละครก็นับว่าน่าสนใจ รายที่ผมชอบมากหน่อยก็ขอยกให้อัลวาโร่ (Diego Martín) เพื่อนเก่าของชาราสที่บทของเขานี่สร้างความมันส์และเพิ่มความลุ้นได้พอตัวในตอนครึ่งหลังน่ะครับ
แต่ถ้าถามว่ามีจุดหงุดหงิดไหม ก็สารภาพว่ามีครับ แอบหงุดหงิดตรงเนื้อเรื่องส่วนที่ตัวละครปิดเรื่องกันไปกันมาน่ะครับ ว่ากันตรงๆ เลยคือเรื่องมันอาจไม่บ้าบอเลยเถิดขนาดนี้ถ้าต่างฝ่ายต่างประสานงานกันดีๆ หรือพยายามไม่ตั้งป้อมใส่กัน ตอนต้นๆ ก็พอทำใจได้น่ะครับ แต่พอเห็นมันปิดกันไปบังกันมา คิดปมนี้แต่ลืมปมนั้น เช่นคิดแต่จะปกป้องบางตัวละคร แต่ดันลืมไปว่าตัวละครนั้นจริงๆ มันก็คือคนร้ายและมีมีพิษสงแว้งกัดได้นะ – แล้วก็เป็นเรื่องต่อจนได้ พอมีแบบนั้นบ่อยๆ มันก็อดรำคาญไม่ได้น่ะครับ ถ้าให้ว่ากันตรงๆ การดูหนังเรื่องนี้ให้ความรู้สึกเมามันส์สลับหงุดหงิดครับ 555 คือในแง่การบู๊น่ะถือว่าทำออกมาได้เวิร์กอยู่ แต่เนื้อเรื่องที่ตัวละครมาดราม่าหรือปิดบังใส่กันนี่แหละที่ทำให้แอบรำคาญ แต่ก็พอเข้าใจได้น่ะครับ ถ้าไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเรื่องมันจะจบง่ายเกินไป เดี๋ยวปัญหามันก็ไม่เกิดมาให้พระเอกต้องแก้กันพอดี
ก็แอบคิดในใจครับว่าพระเอกน่าจะออกจากงานซะนะ เลิกทำงานกับตำรวจเถอะ เพราะยิ่งพยายามทำสิ่งถูกต้องก็ดันกลายเป็นผิดใจกับคนอื่นอีก ภาคก่อนโดนตำรวจทั้งโรงพักรุม มาภาคนี้ก็โดนรุมอีก เอะอะก็โดนเบื้องบนสั่งให้จับกุมตลอดๆ – พูดกันตรงๆ ก็คือพี่เขาตามน้ำไม่เป็นน่ะครับ อยู่ไปก็มีแต่เรื่อง แบบนี้ออกมาเถอะครับ พี่อาจเป็นสุขกว่าและอาจทำประโยชน์ให้กับสังคมมากกว่าก็ได้นะ ดูๆ ไปก็คิด – นี่ไม่รู้ผมเห็นใจพี่เขาหรือเห็นใจบ้านเมืองมากกว่ากันนะเนี่ย – นี่ผมพูดถึงแค่เรื่องหนังเท่านั้นนะครับ แค่เรื่องหนังเท่านั้นจริงจริ๊งงงงงง และหนังเปิดปมสำหรับภาคต่อได้เต็มๆ ครับ ก็คงต้องติดตามกันต่อไป ก็ขอให้ภาคหน้าพัฒนาขึ้นไปอีกนะครับ เพราะประเด็นน่ารำคาญน่าจะลดลงแล้ว สามารถเข้าเรื่องไล่ล่าบู๊ผ่าโลกกันได้แบบเต็มตัว
ชัดเจนว่านักแสดงพูดภาษาฝรั่งเศส Lost Bullet (2020 ไม่เป็นไร การพากย์เสียงภาษาอังกฤษทำได้ดี แต่ใครก็ตามที่พากย์เสียงต้องเคยอาศัยอยู่คนละทวีปและไม่เคยคุยกับนักแสดงที่พากย์เสียงเลยแม้แต่ครั้งเดียว นั่นคือคำอธิบายเดียวที่ฉันหาได้ว่าทำไมคำบรรยายถึงแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจนน่าขบขัน ฉันเปิดคำบรรยายโดยเฉพาะสำหรับภาพยนตร์แอคชั่นเผื่อว่าจะพลาดบทพูดไปบ้าง มันขัดขวางเรื่องนี้จริงๆ เพราะบทพูดระหว่างคำบรรยายกับสิ่งที่พูดเป็นภาษาอังกฤษแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ภาพยนตร์หลายเรื่องมีปัญหานี้ แต่เป็นสัญญาณของภาพยนตร์ทุนต่ำโดยสิ้นเชิงหรือไม่ก็ขาดความใส่ใจต่อปัญหานี้โดยสิ้นเชิง ฉันอยากจะบอก Netflix ในบทวิจารณ์ของฉัน แต่บริการสตรีมมิ่งที่น่าเบื่อนั้นไม่อนุญาตให้มีการตอบรับแบบนั้น ตอนนี้แค่ยกนิ้วให้หรือคว่ำหน้า ดังนั้น ฉันจึงยกนิ้วให้แม้ว่าโดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่แย่เกินไป
Arbor Demon (2016) อาร์เบอร์ เดม่อน
In Her Place (2024) ชีวิตบนเส้นขนาน
Tenderness (2009) ฉีกกฎปมเชือดอำมหิต